№ 679 ไม่ได้เด็ดขาด
“ทุกคนหยุด!”
เสียงตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวปานสายฟ้าลอยมาจากเบื้องบน แรงกดดันดุจลายน้ำกวัดแกว่งไปรอบๆ ทำให้ทุกคนเบื้องล่างถอยไปหลายก้าวด้วยฝีเท้าซวนเซ แต่ละคนเลือดลมภายในร่างปั่นป่วนคล้ายจะพุ่งขึ้นลำคอ ขณะที่ตกใจพวกเขามองไปบนท้องฟ้า มองไปก็กระสับกระส่ายทันที
“ท่านรองเจ้าสำนัก!”
“ท่านรองเจ้าสำนักมาได้อย่างไร?”
“เรื่องนี้แม้แต่รองเจ้าสำนักยังแตกตื่น!”
เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองไป เห็นชายชราคนนั้นชุดคลุมพลิ้วไหวพาอาจารย์คนหนึ่งบินมาบนฟ้าและร่อนลงหน้าอาศรมในชั่วพริบตา เมื่อเธอเห็นชายชราคนนั้นมาทางนี้ ดวงตาเผยความประหลาดใจ มุมปากกระตุกทันที ก่อนจะก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย
“ใครเป็นผู้นำมาก่อเรื่องถึงที่นี่?” รองเจ้าสำนักถลึงตากวาดมองเหล่านักเรียนแต่ละคนที่ก้มหน้าก้มตา ตะคอกบอกว่า “อยากโดนไล่ออกหรือไร? ยังไม่รีบไสหัวกลับไปอีก!”
ทุกคนได้ยินคำว่าไล่ออกก็ตกใจเสียจนเหงื่อออกฝ่ามือ ไม่กล้าอยู่ต่อและจากไปอย่างลนลานทันที ไม่ทันไรก็วิ่งไปจนไม่เหลือสักคน
อาจารย์คนนั้นที่มาด้วยกันกับรองเจ้าสำนักเห็นเช่นนี้ก็ส่ายหน้า ถอนหายใจเบาๆ ถึงจะมองไปยังหนุ่มน้อยชุดฟ้าที่ยืนอยู่ในอาศรม
“เหอะๆ เฟิ่งจิ่ว เจ้าไม่รีบเปิดเขตอาคมให้ข้าเข้าไปเล่า?” รองเจ้าสำนักหรี่ตายิ้มมองเฟิ่งจิ่ว เห็นเด็กหนุ่มคนนี้อีกครั้งเพียงรู้สึกระรื่นในใจ
เขาเห็นกำลังและพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มมากับตาตนเอง จึงมั่นใจว่าหากเป็นเขา การแข่งขันครั้งใหญ่สามปีครั้งสำนักศึกษาหมอกดาราพวกเขาจำต้องแตกหน่อออกลายท่ามกลางสำนักศึกษาทั้งหลายได้!
เฟิ่งจิ่วเกาๆ หัวยิ้มหน้าเจื่อน ถึงจะเปิดเขตอาคมเชิญเขาเข้ามา “รองเจ้าสำนักกวน ไม่เจอกันตั้งนานเลยขอรับ”
“ข้ารอเจ้ามานานแล้ว นึกว่าเจ้าไม่มา! ไม่คิดว่าเจ้ากลับวิ่งมายังสำนักยาเซียนนี้” เขายิ้มเดินเข้าไป มองด้านในอาศรม จากนั้นค่อยมองไปทางเฟิ่งจิ่ว “เจ้ากลั่นยาเซียนเป็นด้วยหรือ?”
“เหอะๆ กำลังศึกษา กำลังศึกษาอยู่ขอรับ”
กวนเหล่านั่งลงตรงโต๊ะหิน มองเฟิ่งจิ่วพลางบอกว่า “เป็นเช่นนี้ ข้าได้ยินว่าเจ้าไปสำนักพลังเร้นลับ รู้ว่าเจ้าต้องไปหาพี่ชายแน่ๆ”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้ก็แปลกใจ “หรือว่าพี่ชายข้าถือป้ายประจำสำนักศึกษาหมอกดาราเข้าสำนักศึกษามาแล้ว?” เป็นไปไม่ค่อยได้เท่าไหร่กระมัง? เธอรู้นิสัยเขาดี ต่อให้ใช้เส้นสายได้แต่ด้วยนิสัยเขาคงหวังใช้พละกำลังตนเองเป็นแน่
“เหอะๆ ไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องเป็นเช่นนี้…”
กวนเหล่ายิ้มๆ แล้วเล่าเรื่องที่รับกวนสีหลิ่นเข้าสำนักศึกษาให้เฟิ่งจิ่วฟังคร่าวๆ สุดท้ายยังบอกว่า “ข้าเห็นว่าในเมื่อเขาเป็นพี่บุญธรรมเจ้า ก็อยากดูแลเขาเสียหน่อย ให้เขารีบไปหอคอยพลังเร้นลับ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่อยู่ที่สำนัก”
ได้ยินคำพูดเช่นนี้เธอถึงจะรู้แจ้งทันที “โอ้ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ข้ายังคิดว่าตนเองไปก่อเรื่องเคลื่อนไหวเสียใหญ่โตเพียงนั้นถึงสำนักพลังเร้นลับทำไมเขาถึงไม่ออกมา!”
“เจ้าอยู่สำนักยาเซียนต้องเก็บซ่อนพรสวรรค์ ข้าอยากย้ายเจ้าไปสำนักพลังวิญญาณ เจ้าคิดอย่างไร?”
“ไม่ได้! อย่างไรก็ไม่ได้!”
เฟิ่งจิ่วยังไม่ได้พูดอะไร ก็ได้ยินสองเสียงที่เอ่ยเป็นเสียงเดียวกันลอยมาจากด้านนอก ทั้งสองหันกลับไปมอง จึงเห็นนักเล่นแร่แปรธาตุสองคนที่ช่วยเฟิ่งจิ่วสอบประเมินวันนั้นเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“ท่านรองเจ้าสำนัก เราสองคนรับเฟิ่งจิ่วเข้ามา เขาเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวของสำนักยาเซียน พวกเราหวังกับเขาไว้มาก ท่านจะย้ายเขาไปสำนักพลังวิญญาณได้อย่างไร? ไปสำนักพลังวิญญาณถึงจะเป็นการปิดกั้นพรสวรรค์ในการกลั่นยาของเขา เรื่องนี้ไม่ได้แน่นอน ไม่ได้เด็ดขาด
สองคนเดินลนลานเข้ามาดึงเฟิ่งจิ่วมาด้านหลังพวกเขา แล้วจ้องมองรองเจ้าสำนักราวกับป้องกันตัว ทำให้รองเจ้าสำนักกับเฟิ่งจิ่วตกตะลึงไม่สิ้นสุด
……………