№ 692 ข้าจะปกป้องเจ้า
ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้ม ก่อนคารวะให้เขาด้วยความเคารพ “ขอบคุณท่านอาจารย์มากที่ชี้แนะ ข้ารู้แล้วขอรับ”
อาจารย์หลี่ว์พยักหน้า ถึงจะหมุนตัวเดินออกไป
“เฟิ่งจิ่ว…” เยี่ยจิงมองนาง ในดวงตามีความเป็นห่วง
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็เปล่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ “เจ้ากังวลอะไร? เป็นห่วงว่าข้ามีฐานพลังวิญญาณร้อยแปดแล้วจะสร้างฐานพลังไม่ได้หรือ? เจ้าอย่าลืมสิ วรยุทธ์ข้าตอนนี้ยังสูงกว่าเจ้าอีกนะ”
เห็นท่าทีนางยังคงเหมือนเดิม ไม่หมดสภาพเพราะทดสอบออกมาเป็นฐานพลังวิญญาณร้อยแปด ใจที่หวั่นๆ ถึงจะปล่อยวาง “อืม โลกกว้างใหญ่เพียงนี้ย่อมมีโอกาส แม้เจ้ามีฐานพลังวิญญาณร้อยแปด อาจเพราะอนาคตจะมีโอกาสสร้างรากฐานถึงขั้นบรรลุระดับหลอมแก่นพลัง”
“อืม โลกกว้างใหญ่เพียงนี้ ข้ายังอยากไปดูเสียหน่อย!” เธอหรี่ตามองท้องฟ้า ในแปดจักรวรรดิใหญ่เมืองลอยฟ้าที่ห่างไกลและเหนือกว่าแคว้นต่างยังมีคนคนหนึ่งทำสัญญาสิบปีกับเธอไว้
สัญญาสิบปี? เธอจะปล่อยให้ตนเองหยุดอยู่ในแคว้นเหล่านี้สิบปีเชียวหรือ? คำตอบคือไม่
ในวันต่อมาเรื่องที่เฟิ่งจิ่วมีฐานพลังวิญญาณร้อยแปดก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเดาว่าพวกนักเรียนในสำนักศึกษาคงไม่สนใจเช่นนั้น แต่ดันเป็นเฟิ่งจิ่วคนนี้ เฟิ่งจิ่วคนนี้ที่เพิ่งเข้ามาก็แลกขนนกเคลือบหลากสีไป ซ้ำยังทำให้คนสำนักพลังเร้นลับลำบากและไม่มีที่ระบายอารมณ์ เป็นเฟิ่งจิ่วที่รองเจ้าสำนักให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ระหว่างที่เป็นนักเรียนสำนักยาเซียนยังถึงกับย้ายเขาไปเป็นหนึ่งในนักเรียนระดับสวรรค์ของสำนักพลังวิญญาณ
ทุกๆ การกระทำของเขาแทบจะอยู่ในความสนใจทุกคนทั้งหมด ทว่าเมื่อข่าวนี้กระจายออกไป แต่ละคนก็รู้สึกยินดีในความโชคร้ายนี้ไม่สิ้นสุด
ส่วนเฟิ่งจิ่วยามนี้หลังจากไปรายงานตัววันนั้น รวมถึงไปฟังบทเรียนวันถัดไป วันต่อมาก็ไม่ได้ไปสำนักพลังวิญญาณ เพราะยุ่งอยู่กับการฝึกบำเพ็ญของตนเองจนไม่มีเวลาไปสอบถามข่าวคราวภายนอก
กวนสีหลิ่นยังไม่ออกมาจากหอคอยพลังเร้นลับ แต่วันนี้เซียนอี้หานกลับมาหา
“น้องเฟิ่ง? น้องเฟิ่ง?”
เขาตะโกนอยู่ด้านนอกอาศรม ขณะเดียวกันก็มองหมีดำตัวใหญ่ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นที่เฝ้าอยู่นอกอาศรมด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ช่วงนี้ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเฟิ่งจิ่วมาไม่น้อย และได้ยินว่าที่นี่นอกจากม้าประหลาดกับหมาน้อยตัวเท่าก้อนเนื้อ ยังมีหมีดำตัวใหญ่ที่น่ากลัวเป็นพิเศษ ดังนั้นตอนที่เขาซ่อนตัวอยู่ในอาศรมไม่ออกมาคนพวกนั้นที่อยากจะหาเรื่องเขาจึงไม่กล้าเข้ามายุ่ง
อืม ไม่เลว ช่วงนี้ในสำนักศึกษาไม่เห็นร่างเฟิ่งจิ่วเดินไปเดินมา ทุกคนต่างบอกว่าเขาเก็บตัวไม่กล้าเจอใคร
“พี่เซียว?” เฟิ่งจิ่วเปิดเขตอาคมเดินออกมา แปลกใจนิดหน่อยกันการมาของเขา “ท่านมาได้อย่างไร?”
“ทำไม? ข้ามาไม่ได้หรือ?”
เขายิ้มๆ บอกว่า “ข้าเพิ่งออกไปทำภารกิจกลับมา ได้ยินว่าเจ้าอยู่ที่นี่จึงเข้ามาดื่มเหล้ากับเจ้า เจ้าดูสิ แม้แต่ไก่ย่างข้ายังเอามาด้วย” เขาหยิบไก่ย่างสองห่อที่ห่อไว้อย่างดีออกมาจากห้วงมิติพลางยิ้มเอ่ย
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ก็เชิญเขาเข้าอาศรมมา ใครจะรู้ว่าเขากลับโบกบ่ายมือ “เราสองคนไม่ใช่คนอื่นไกล มาๆๆ ดื่มใต้ต้นไม้ก็ได้”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มทันที จากนั้นมายังพื้นหญ้าใต้ต้นไม้พร้อมๆ กันแล้วนั่งลงกับพื้น
“เจ้าไม่รู้หรือ? ข้าก็เป็นนักเรียนระดับสวรรค์ของสำนักพลังวิญญาณ แต่วันนั้นที่เจ้าไปฟังบนเรียนข้าไม่อยู่ จึงไม่ได้พบเจ้า ภายหลังยังออกไปรับภารกิจ ครั้งนี้ข้ามาหาเจ้าแล้ว ข้ามีน้ำใจใช่ไหมล่ะ?”
เขาหยิบชามเล็กๆ สองใบออกจากห้วงมิติมารินเหล้า “เรื่องเจ้าข้าได้ยินมาแล้ว ฐานพลังวิญญาณร้อยแปดใช่หรือเปล่า? ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย วางใจเถอะ อีกหน่อยหากในสำนักศึกษามีคนมาหาเรื่องเจ้าก็บอกข้า ข้าจะช่วยเจ้าจัดการเขาเอง”
……………………………