№ 698 ท่านอาจารย์ ท่านป่วย
เฟิ่งจิ่วได้ยิน สายตาก็หันมองไปอาจารย์คนนั้นที่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร ครั้นเห็นเขาหน้าแดงก่ำถลึงตามอง ตรงคอมีเส้นเลือดดำปรากฏจางๆ หายใจถี่รัวและโมโหเดือดดาล ก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
“ท่านอาจารย์ ท่านป่วยขอรับ”
เมื่อคำพูดนี้ถูกเอ่ยออกไป อาจารย์คนอื่นพลันตกใจ จากนั้นค่อยขมวดคิ้วมองไปยังเฟิ่งจิ่วอย่างไม่เห็นด้วยเท่าใด แม้อาจารย์คนนั้นจะระเบิดอารมณ์ไปบ้าง แต่อย่างไรก็เป็นอาจารย์ เขาบอกว่าอาจารย์ป่วยเช่นนี้ ช่างเสียมารยาทจริงๆ
สีหน้าท่าทีเยี่ยจิงประหลาดเช่นกัน แต่นางไม่ได้คิดว่าเฟิ่งจิ่วเสียมารยาท แต่แปลกใจว่าทำไมเอ่ยเช่นนี้?
อาจารย์ที่อารมณ์ร้ายคนนั้นได้ยินก็เหมือนจะระเบิดอารมณ์ได้ง่ายๆ แรงกดดันทั่วร่างถูกปล่อยออกมาจู่โจมไปทางเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะตะคอกด้วยน้ำเสียงดุจสายฟ้า “เฟิ่งจิ่ว! เจ้าโอหังเกินไปแล้ว! บังอาจเหลือเกินจริงๆ บังอาจนัก! ข้าจะรายงานรองเจ้าสำนักให้ไล่เจ้าออกจากสำนักศึกษา!”
“ท่านอาจารย์ อย่าโมโหเกินไปนัก ข้าพูดเรื่องจริง ท่านป่วยจริงๆ ขอรับ ต้องรักษา” เธอทอดถอนใจ มองอาจารย์ผู้โมโหร้ายจนพ่นน้ำลายเละเทะ พร้อมถอยหลังไปเล็กน้อยก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ
ส่วนอาจารย์พวกนั้นในยามนี้ก็สังเกตเห็น แรงกดดันระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุดของอาจารย์คนนั้นโจมตีไปทางเฟิ่งจิ่ว แรงกดดันนั้นแทบจะปกคลุมไปทั่วร่างหนุ่มน้อย ทว่าท่าทีเขากลับไม่เห็นเปลี่ยนไปสักนิด แววตามีรอยยิ้ม ยังคงมีท่าทีเช่นตอนแรก
พวกเขาเห็นถึงจุดนี้ก็ตกใจเล็กน้อย ค่อนข้างประหลาดใจและสงสัย ปกติแล้วผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานจะสูงกว่ายอดปรมาจารย์พลังวิญญาณหนึ่งระดับ แต่ระดับนี้มักเป็นระยะห่างที่ผู้ฝึกวิชาเซียนมากมายไม่มีทางก้าวข้ามได้ พลังและแรงกดดันที่ต่างกันหนึ่งระดับล้วนไม่เหมือนกัน ระดับสร้างรากฐานมีความเป็นไปได้ที่จะเอาชนะยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณได้แน่นอน แรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานยังทำให้ยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณนิ่งอึ้งอยู่กับที่ เลือดในร่างปั่นป่วนพูดอะไรไม่ได้
มาถึงเฟิ่งจิ่วทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
“เฟิ่งจิ่ว อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลย” อาจารย์หลี่ว์กล่าวด้วยเสียงทุ้มเข้ม คิดว่าหนุ่มน้อยกำลังล้ออาจารย์เล่น
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วยักไหล่ “เอาเถอะ! ไม่เชื่อก็แล้วไป แต่ดูอาการท่านอาจารย์ ไม่พ้นสามวันต้องล้มป่วยแน่นอนขอรับ”
“จะ เจ้า…” อาจารย์คนนั้นได้ยินก็โกรธเสียจนหอบหายใจหนัก หากอาจารย์สองคนข้างกายไม่รั้งไว้ต้องปรี่เข้าไปสั่งสอนเฟิ่งจิ่วแน่ๆ
“เหล่าหลู เจ้าอย่าถือสาเด็กเลย มาๆๆ นั่งลงดื่มน้ำข้างๆ ก่อน เรื่องนี้ข้าจะถามเขาเอง” อาจารย์หลี่ว์ลากอาจารย์หลูที่มีสีหน้าขุ่นเคืองมานั่งลงข้างกัน จากนั้นค่อยมายังเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่วกับเยี่ยจิง
“พวกเจ้าสองคนคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ มีแผนอะไรหรือไม่ หากบอกว่ามีคนใส่ร้ายพวกเจ้า เช่นนั้นคนคนนี้เป็นใคร พวกเจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”
ได้ยินคำพูดของอาจารย์หลี่ว์ ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นเฟิ่งจิ่วก็ยิ้มเอ่ย “ท่านอาจารย์หลี่ว์ เรื่องนี้ให้พวกเราจัดการเถอะขอรับ! ข้าจะลากคนออกมาด้วยตนเอง”
เห็นเขาเอ่ยเช่นนี้ออกมา ชัดเจนว่ามีความมั่นใจในเรื่องนี้ ดังนั้นจึงถามว่า “ต้องนานเท่าไร?”
“วันเดียวก็มากพอแล้วขอรับ” มุมปากเธออมยิ้มเล็กน้อย เอ่ยด้วยยิ้มบางๆ
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งวัน ออกไปเถอะ! หากเรื่องนี้จัดการไม่เรียบร้อย พวกเจ้าสองคน…” เขาไม่ได้พูดต่อไป แค่กล่าวเตือนเท่านั้น
“ขอรับ พวกเรารู้แล้ว”
ทั้งสองขานรับ ขณะหมุนตัวกำลังจะเดินออกไป ฝีเท้าเฟิ่งจิ่วชะงักลง จากนั้นหันกลับไปมองอาจารย์แซ่หลูคนนั้น และพลันฉีกยิ้มกว้าง “ท่านอาจารย์ ข้าพูดเรื่องจริงนะขอรับ ท่านป่วยจริงๆ ช่วงนี้อย่าโมโหเกินไปนัก มิเช่นนั้นจะยิ่งยุ่งยาก”
……………………