№ 718 เกิดอะไรขึ้น?
ตอนนักเรียนทุกคนโดยรอบเห็นเจ้าสำนักยืนเงียบอยู่ใต้ต้นไม้ แปลกใจว่าทำไมเขาไม่ทำลายเขตอาคมเพื่อเรียกเจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วนั่นออกมา ก็ได้ยินเสียงที่ทั้งตื่นเต้นและประหลาดใจลอยมาแต่ไกล
“ท่านเจ้าสำนัก! ท่านเจ้าสำนักข้ารู้แล้ว! เป็นเขา เป็นเขา!”
ร่างของรองเจ้าสำนักมายังเบื้องหน้าเจ้าสำนักทันควันดุจลำแสง เมื่อเขาที่ท่าทางตื่นเต้นจิตใจฮึกเหิมกำลังจะเอ่ยปาก ก็เห็นเจ้าสำนักยกมือขึ้นวางเขตอาคมกันเสียง
“เป็นเขาอะไร? ข้าสั่งเจ้าไปสอบถามข่าวภูตหมอที่ตลาดมืดไม่ใช่หรือ มีข่าวอะไรรึไม่” เจ้าสำนักเอ่ยถาม เพราะปิดกั้นเสียงไว้ นอกจากกวนสีหลิ่นที่ยืนข้างกายเขาแล้ว คนด้านนอกไม่ได้ยินคำพูดของทั้งสองแน่นอน
กวนสีหลิ่นที่ได้ยินมองเจ้าสำนัก แล้วมองยังรองเจ้าสำนักที่มีสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นค่อยหลุบตาลง
“เป็นเขา เป็นเฟิ่งจิ่ว! เขาคือภูตหมอ เขาน่าจะเป็นภูตหมอขอรับ!”
รองเจ้าสำนักกล่าวอย่างตื่นเต้น พร้อมจับแขนเจ้าสำนักไว้อย่างดีอกดีใจเต็มเปี่ยม “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาไม่ธรรมดา? ไม่เพียงมีวรยุทธ์พลังวิญญาณโดดเด่น พรสวรรค์ยังโดดเด่น กลั่นยาเซียนได้ ที่สำคัญที่สุด เขาคือภูตหมอคนนั้น! ภูตหมอเป็นนักปรุงยา! เล่ากันว่ายาเขาบรรลุถึงระดับยาทิพย์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยามนี้อัจฉริยะผู้นี้เป็นนักเรียนในสำนักศึกษาเรา ระ…เรื่องดีๆ ที่ใหญ่โตเช่นนี้ทำไมถึงตกมาอยู่กับสำนักศึกษาหมอกดาราเราได้?”
กล่าวถึงท้ายสุด ชัดเจนว่าเขาตื่นเต้นเกินเหตุจนพูดสะเปะสะปะ และไม่รู้ด้วยว่าตนเองกำลังพูดอะไร ภายในห้วงความคิดมีเพียงข่าวเดียวกำลังกึกก้อง นั่นคือเฟิ่งจิ่ว หนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้น หนุ่มน้อยชุดแดงที่เขาถูกใจคนนั้นคือภูตหมอผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง!
เจ้าสำนักได้ยินแล้วยังหัวใจสั่นสะท้าน สายตาหยุดบนร่างกวนสีหลิ่นข้างกายตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นใบหน้าเขาสงบนิ่ง ถึงรู้ว่ารองเจ้าสำนักพูดความจริง
ไม่จำเป็นต้องยืนยันหรือสอบถาม แค่มองกวนสีหลิ่นก็รู้แล้ว
เขาเป็นพี่ชายเฟิ่งจิ่ว ต้องรู้เรื่องนี้แน่นอน ประกอบกับคำเตือนก่อนหน้านี้ ยามนี้จึงมั่นใจว่าเฟิ่งจิ่วคือภูตหมออย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่อย่างไรเขาก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ตามหาจะอยู่ในสำนักศึกษาของพวกเขา และยิ่งคาดไม่ถึงว่านักเรียนในสำนักศึกษาที่เก็บตัวในอาศรม หน้าตาค่อนข้างทะเล้น ให้ความรู้สึกเกียจคร้านเฉื่อยชา จิตใจบริสุทธิ์น่ารังแก จะเป็นภูตหมอผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรคนนั้น
ไม่มีใครรู้ว่ายามนี้ใจเขาตกตะลึงเพียงใด และยิ่งไม่มีใครรู้ว่าใจเขาเต้นรัวมากเท่าไร
ยามนี้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมกวนสีหลิ่นถึงกล่าวเตือนเขาด้วยคำพูดนั้น หากเป็นแค่นักเรียนธรรมดา พวกเขาไม่จำเป็นต้องสนใจเลย แต่หากคนคนนี้เป็นภูตหมอ… ผลที่ตามมาย่อมสำคัญยิ่งอย่างละเลยไม่ได้!
รองเจ้าสำนักที่มีสีหน้าตื่นเต้นเห็นเจ้าสำนักดูตกใจเล็กน้อย คล้ายจะใจลอยไปบ้าง จึงตะโกนทันทีว่า “ท่านเจ้าสำนัก? ท่านเจ้าสำนัก? ท่านได้ยินข้าพูดหรือไม่?”
เจ้าสำนักได้สติกลับมา เก็บความคิดที่ปั่นป่วนไว้ แล้วมองรองเจ้าสำนัก “เหล่ากวน เจ้าไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ทำอะไรต้องไตร่ตรองให้มากๆ วิ่งตะโกนโหวกเหวกมาตลอดทาง ท่าทางเสียสติเช่นนี้จะให้พวกนักเรียนกับอาจารย์มองเจ้าอย่างไร?”
“ข้าไม่ได้ตื่นเต้น…”
“จะตื่นเต้นก็ต้องมีขอบเขต อย่าวุ่นวายเกินพอดี” เจ้าสำนักเอ่ยเสียงเข้ม
ได้ยินเสียงเจ้าสำนักเคร่งขรึมเล็กน้อย ในที่สุดรองเจ้าสำนักก็ค่อยๆ สงบจิตใจลง ก่อนหน้านี้ตื่นเต้นเกินไปจึงไม่ทันสังเกต ยามนี้กลับรู้สึกว่าผิดปกติแล้ว
หลังจากมองกวนสีหลิ่นข้างๆ แวบหนึ่ง เขาถามว่า “เจ้าสำนัก ท่านมาหาเฟิ่งจิ่วที่นี่ไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงยืนอยู่ตรงนี้ขอรับ?”
…………………………