№ 730 ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งกลับมาแล้ว
คนสวมชุดคลุมสีม่วงหยุดฝีเท้าลงตรงประตูข้างของสำนักพลังวิญญาณ หันกลับไปบอกกลุ่มคนที่มาคุ้มกันว่า “พวกเจ้ากลับไปเถอะ!”
“ขอรับ” คนกลุ่มนั้นขานรับ เมื่อเห็นเขาก้าวเข้าสำนักศึกษาหลังจากหยิบป้ายหยกแสดงตัวตนออกมา ถึงจะหมุนตัวจากไป
ยามนี้แม้บอกว่าท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง แต่ภายในสำนักพลังวิญญาณยังคงมีนักเรียนไม่น้อยเดินไปมา จับกลุ่มคุยเล่นกันสามถึงห้าคน เมื่อพวกเขาเห็นร่างนั้นปรากฏในสำนักพลังวิญญาณ นักเรียนที่เดิมทีนั่งบนพื้นหญ้าต่างพากันลุกขึ้น แล้วคารวะไปทางเขาด้วยความนบนอบ
“คารวะศิษย์พี่เนี่ย”
“ศิษย์พี่เนี่ย ท่านกลับมาแล้ว”
“ศิษย์พี่เนี่ย ท่านกลับมาได้พอดีเหลือเกิน”
เหล่านักเรียนพากันล้อมเข้ามา แม้พวกเขาเป็นนักเรียนสำนักพลังวิญญาณ แต่เมื่อเห็นคนคนนี้ แต่ละคนยังอดเผยท่าทีเคารพและเอาอกเอาใจไม่ได้
เพราะเขาไม่เพียงเป็นนักเรียนระดับสวรรค์ในสำนักพลังวิญญาณ แต่ยังเป็นนักเรียนอันดับหนึ่งในบรรดาสิบผู้มีพรสวรรค์ของสำนักศึกษา เนี่ยเถิง!
นอกจากเป็นอันดับหนึ่งในสำนักศึกษาหมอกดารา เขายังเป็นรัชทายาทแห่งแคว้นเหินเวหา เป็นนักเรียนที่พวกเจ้าสำนักคาดหวังไว้สูงยิ่ง เจ้าสำนักเคยบอกว่าในหมู่นักเรียนของสำนักศึกษาหมอกดารา เนี่ยเถิงมีความหวังที่จะบรรลุเป็นผู้ฝึกตนวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังภายในห้าสิบปีมากที่สุด
และเพราะเช่นนี้เอง เขาจึงมีผู้สนับสนุนมากมายภายในสำนักศึกษา ไม่ว่าสำนักพลังวิญญาณหรือสำนักพลังเร้นลับ ล้วนมีนักเรียนที่แอบพึ่งใบบุญเขาอยู่
แม้สำนักศึกษาจะเปิดเรียนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่เล่ากันว่าเขามีเรื่องบางอย่างรั้งไว้ ถอนตัวกลับมาสำนักศึกษาไม่ได้ชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ถึงเลื่อนเวลากลับสำนักศึกษาออกไป
ยามนี้ผู้คนเห็นเขากลับมา แต่ละคนก็เต็มไปด้วยความยินดี ต่างพากันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสำนักศึกษาระหว่างที่เขาไม่อยู่ให้ฟัง
“ศิษย์พี่เนี่ย เฟิ่งจิ่วคนนั้นเข้ามาเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่เดือน ก็แทบจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลของสำนักศึกษานี้ไปแล้ว หากเอ่ยชื่อเขาถึงขั้นที่ไม่มีใครไม่รู้จัก”
เนี่ยเถิงที่เดินไปด้านในท่ามกลางกลุ่มคนทั้งเย็นเยือกและเฉยชา เดิมทีเพียงฟังคนข้างกายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เงียบๆ ทว่าเมื่อได้ยินชื่อนั้น หัวใจเขาก็สั่นสะท้าน ฝีเท้าพลันหยุดลง สายตาเฉียบคมมองนักเรียนที่พูดคนนั้นทันควัน
“เจ้าบอกว่าใครนะ? เฟิ่งจิ่ว?”
“ใช่ เป็นเฟิ่งจิ่ว เจ้าเด็กนั่นเป็นนักเรียนใหม่ของสำนักยาเซียนปีนี้ แต่กลับทำให้พวกเจ้าสำนักกับรองเจ้าต่างสนใจเขา”
“ใช่แล้ว ความโดดเด่นของเขาตอนนี้แทบจะแซงหน้าสิบผู้มีพรสวรรค์ไปแล้ว”
“สามวันก่อนศิษย์พี่โอวหยางเอ่ยท้าประลองเขา นัดกันสู้บนลานประลองวายุเมฆา ใครจะรู้ว่าเขากลับซ่อนตัวเป็นเต่าหดหัวในกระดอง อยู่ในอาศรมไม่กล้าออกมาเจอคน”
“เจ้านั่นรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่โอวหยาง ถึงไม่กล้ารับคำท้าแน่ๆ”
“หากเขารู้ว่าศิษย์พี่เนี่ยผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของสำนักศึกษาเรากลับมา คงกลัวจนหลบในอาศรมไม่กล้าออกมาเป็นแน่”
“ฮ่าๆๆ ใช่ๆ”
นักเรียนข้างกายพวกนั้นกำลังพูดอะไร เนี่ยเถิงไม่ได้ยินแล้ว ห้วงความคิดเขามีเสียงดังสนั่น และมีเพียงข้อความเดียวดังก้อง
เฟิ่งจิ่ว… นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนั้นจะอยู่ในสำนักศึกษาหมอกดารา!
หนำซ้ำยังแต่งตัวเป็นชายปะปนเข้ามา? เป็นนางจริงๆ? หรือแค่มีชื่อแซ่เดียวกันเท่านั้น?
ยามนี้ หัวใจที่สงบเงียบมาเนิ่นนานเต้นแรงอีกครั้งเพราะได้ยินข่าวนาง ทั้งเฝ้ารอ ตื่นเต้น และสุขใจ ความยินดีเข้ามาเติมเต็มหัวใจของเขาอย่างยากจะยับยั้งได้
ทำให้เขาอยากจะไปที่ที่นางอยู่เสียเดี๋ยวนี้ ไปดูสักหน่อยว่าคนคนนั้นคือหญิงคนที่ทำให้เขาทั้งรักทั้งแค้น อยากจะลืมกลับลืมไม่ลงหรือไม่?
………………………