№ 739 เนี่ยเถิงกระวนกระวาย
อาจารย์หลี่ว์ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่ ตอนนี้ไม่ต้องถามอะไรมาก รีบร้อนพาเยี่ยจิงกระโดดขึ้นกระบี่บินมุ่งไปยังยอดเขาหลักของเจ้าสำนักทันที…
เหล่านักเรียนโดยรอบเห็นเยี่ยจิงใช้พลังวิญญาณมากเกินไปท่าทางไม่ปกติ จึงเงี่ยหูฟังมาตลอดตั้งแต่แรก เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจิงก็พากันมีท่าทีแปลกไป
เฟิ่งจิ่วกำลังลำบาก? หึ! จะลำบากอะไรได้? เดาว่าอยู่ข้างนอกคงไปขัดใจใครเข้าโดยไม่ระวังจนถูกสั่งสอนกระมัง! เยี่ยจิงก็แค่เป็นกระต่ายตื่นตูม
ยามนี้ใครก็ไม่นึก ที่เยี่ยจิงบอกว่าเฟิ่งจิ่วกำลังลำบากเป็นเรื่องอันตรายถึงชีวิต และยิ่งนึกไม่ถึงว่าพวกที่สู้กับเฟิ่งจิ่วจะเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคนกับผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คน…
แต่ละคนยังพูดคุยเสียงเบาอย่างยินดีในความโชคร้าย บอกว่ามีคนสั่งสอนเขาเสียบ้างถึงจะดี
“เจ้าเด็กนั่นอยู่ในสำนักศึกษามีพวกอาจารย์คอยปกป้อง เจ้าสำนักกับรองเจ้าสำนักยังปกป้อง ครั้งนี้ดีแล้ว ออกไปโดนคนจัดการข้างนอก กลับมาต้องจมูกช้ำหน้าบวมเป็นแน่”
“สมน้ำหน้า ความโดดเด่นของนักเรียนใหม่คนเดียวยังเกินหน้าเกินตานักเรียนเก่าอย่างพวกเรา สมควรแล้วที่มีคนจัดการเขา”
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงใคร?”
เสียงทุ้มเข้มพลันดังขึ้นด้านหลังนักเรียนสองสามคนที่พูดคุยกันเสียงเบา คนพวกนั้นตกใจเสียจนรีบหันกลับไป หลังจากเห็นว่าเป็นเนี่ยเถิงก็แอบโล่งอก
“ศิษย์พี่เนี่ย ท่านนั่นเอง พวกเราตกใจหมดเลย” นักเรียนคนหนึ่งพูดพลางตบๆ หน้าอก
“พวกเจ้ากำลังพูดถึงใคร?” เนี่ยเถิงถามอีกครั้ง เพิ่งกลับมาจากยอดเขาสำนักยาเซียน ไม่เห็นเฟิ่งจิ่วที่นั่น ขณะกำลังคิดจะกลับเรือน ยามผ่านมาทางนี้กลับได้ยินพวกเขากำลังคุยกันเสียงเบา
“เฟิ่งจิ่ว พวกเรากำลังพูดถึงเจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วนั่น พวกอาจารย์กับเจ้าสำนักในสำนักศึกษาต่างปกป้องเขา ครั้งนี้ดีแล้ว ได้ยินว่าเมื่อเช้าเขาถือป้ายคำสั่งเจ้าสำนักไปเดินเล่นในเมืองกับเยี่ยจิง เมื่อครู่กลับเห็นเยี่ยจิงกลับมาขอความช่วยเหลือ บอกว่าเฟิ่งจิ่วกำลังลำบากให้อาจารย์หลี่ว์พาไปพบเจ้าสำนักอะไรนี่แหละ”
“พวกเราเดาว่าเจ้าเด็กนั่นคงไปขัดใจใครด้านนอกเข้าจนถูกจัดการ อย่างมากก็โดนซ้อม เยี่ยจิงรู้น้อยถึงเห็นเป็นเรื่องประหลาด”
ทว่านักเรียนพวกนั้นกลับเห็นว่าหลังจากได้ยินคำพูดพวกเขา สีหน้าเนี่ยเถิงก็เปลี่ยนไป ก่อนที่เขาจะร่อนกระบี่บินมุ่งไปยังยอดเขาหลัก
“ศิษย์พี่เนี่ยเป็นอะไรไป?”
“ได้ยินว่าเจ้าเด็กเฟิ่งจิ่วนั่นกำลังลำบาก สีหน้าเขาคล้ายจะไม่ค่อยดีนัก”
“หรือว่าศิษย์พี่เนี่ยจะรู้จักเจ้าเด็กนั่น?”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง?”
ขณะที่พวกเขาพูดในใจยังนึกสงสัย ทว่าไม่ได้สนใจมากนัก นั่งลงคุยเล่นกันอีกครั้ง
เนี่ยเถิงที่ขี่กระบี่ไปยังยอดเขาหลักหวั่นใจขึ้นมาในยามนี้ คนในสำนักศึกษาไม่รู้จักเฟิ่งจิ่วคนนั้น แต่เขารู้ หากไม่เกิดปัญหาใหญ่จริงๆ นางจะต้องการคนช่วยไปทำไม?
แต่ในพื้นที่เมืองซิงอวิ๋น แคว้นเหินเวหานี้ ใครเล่าจะกล้าทำร้ายนักเรียนสำนักศึกษาหมอกดารา?
ภายในยอดเขาหลัก เจ้าสำนักกำลังเดินหมากกับโม่เฉิน ส่วนรองเจ้าสำนักนั่งดูข้างๆ และคอยเติมน้ำชาให้ทั้งสองเรื่อยๆ สิ่งที่กระจายไปทั่วเรือนคือบรรยากาศเรื่อยเฉื่อยตามสบาย กระทั่งเสียงกระวนกระวายของอาจารย์หลี่ว์ลอยมาจากด้านนอก ถึงจะทำลายซึ่งความเงียบสงบภายในเรือนแห่งนี้
“ท่านเจ้าสำนัก ท่านเจ้าสำนักแย่แล้วขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
อาจารย์หลี่ว์พาเยี่ยจิงเข้ามาด้วยความลนลาน แล้วผลักเยี่ยจิงไปตรงหน้าพวกเจ้าสำนักโดยไม่สนใจจะคารวะ กล่าวอย่างวิตกว่า “ท่านเจ้าสำนัก เยี่ยจิงบอกว่าเฟิ่งจิ่วถูกคนไล่ฆ่าอยู่ข้างนอก คนที่ตามล่ายังไม่ใช่คนธรรมดา บอกว่าเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณอีกสี่คน ท่านเจ้าสำนัก ทำอย่างไรดี? ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีขอรับ?”
“อะไรนะ?”
รองเจ้าสำนักลุกขึ้นมาอย่างตกตะลึงทันใด เอ่ยถามอย่างยากจะเชื่ออยู่บ้าง “ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังแปดคน ผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณสี่คนกะ…กำลังไล่ฆ่าเฟิ่งจิ่ว?”
………………………