Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 78

№ 78 หนึ่งความคิดที่ยึดมั่น

เคอซินหย่าตกใจกับกวนสีหลิ่นที่ผลีผลามเข้ามาอย่างกะทันหัน

พวกเขาต่างบอกว่าเขาตาย นางเองก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นเมื่อจู่ๆ เห็นเขามาปรากฏตัวต่อหน้าในเวลานี้ มันไม่ใช่ความยินดี แต่เป็นความประหลาดใจ

“เจ้า เจ้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?” สีหน้านางขาวซีดเล็กน้อย ขณะที่มองเขาน้ำเสียงก็สั่นเทาอยู่บ้าง

กวนสีหลิ่นมองนางด้วยแววตาสับสน ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงวิ่งแจ้นมาที่นี่ อาจเป็นความไม่ยินยอมในใจ เพราะคิดว่านางเป็นผู้หญิงของเขามาโดยตลอด

เฟิ่งจิ่วเคยถามว่าเขาชอบเคอซินหย่าหรือไม่? เขาบอกนางว่าพูดไม่ได้ว่าชอบ ทว่าในใจยังมีความชอบพออยู่นิดหน่อย ถึงอย่างไร ตั้งแต่เด็กก็รู้ว่านางจะโตมาเป็นผู้หญิงของเขา ทั้งแววตาที่มองและความคิดที่ปฏิบัติต่อนาง จึงแตกต่างจากคนอื่นๆ เป็นธรรมดา

แต่คนที่คิดไว้เสมอว่าจะกลายเป็นผู้หญิงของเขา ตอนนี้กลับจะแต่งงานเสียแล้ว ซ้ำยังแต่งกับพี่ชายเขา เหตุบังเอิญนี้ ทำให้เขาไม่สบายใจเอามากๆ

ทว่าเวลานี้ เขาเพียงอยากรู้ ว่านางยินยอมด้วยตัวเองหรือไม่?

ขณะที่นายท่านกับฮูหยินเคอที่ได้ยินข่าวคราวจึงรีบมา เห็นเงาร่างสูงโปร่งของลูกสาวในลานบ้าน เสียงหัวใจก็ดังตึกตัก สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“สีหลิ่น?”

กวนสีหลิ่นหันกลับไปเห็นสองผู้อาวุโสแห่งจวนตระกูลเคอ จึงเอ่ยด้วยใบหน้าที่ยิ่งมืดลง “ที่ข้ามาต้องการแค่ประโยคเดียว” ระหว่างที่พูด ก็ไม่หันมองพวกเขา ซ้ำยังจับจ้องเคอซินหย่าตรงหน้า

เห็นลูกสาวสีหน้าซีดน้อยๆ ซ้ำสายตายังหลบเลี่ยงไม่กล้ามองเขา ฮูหยินเคอจึงออกหน้าโอบป้องนางไว้ในอ้อมแขนอย่างกระวนกระวาย พลางถลึงตามองกวนสีหลิ่นด้วยความไม่พอใจอยู่บ้าง

“เจ้าจะทำอะไร? เรื่องหมั้นหมายของเจ้ากับเสียวหย่าถูกยกเลิกไปแล้ว เสียวหย่าจะแต่งงานกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?”

“สีหลิ่นเอ๋ย! การหมั้นหมายของพวกเจ้า หลังจากตระกูลกวนกับตระกูลเคอหารือกันถึงได้ยกเลิก ส่วนงานแต่งของเสียวหย่ากับพี่ชายเจ้าก็เป็นผู้ใหญ่ตระกูลกวนที่ล้วนเห็นชอบ” นายท่านเคอมองกวนสีหลิ่น พลางถอนใจเล็กน้อย

กล้าอ่อนถือเป็นต้นกล้าดี แต่น่าเสียดายที่เขาไร้พ่อขาดแม่ ในตระกูลกวน อย่างไรก็ไม่อาจทัดเทียมกับฐานะของพี่ชายเขาได้

“เจ้าเองก็เห็นด้วยใช่หรือไม่?” เขามองไปที่เคอซินหย่า ตั้งมั่นอยากจะถามให้ชัดเจน

ทว่าเมื่อเห็นเขาไต่ถามลูกสาวนางอีกครั้ง ฮูหยินเคอก็โกรธกริ้ว

“เสียวหย่าเห็นด้วยแล้วยังไง? แต่งงานกับกวนสีหร่วนจะย่ำแย่ไม่เท่าแต่งกับเจ้าหรือ? เจ้าไม่ลองดูตัวเองเล่าว่ามีอะไรบ้าง? ทั้งพ่อแม่ล้วนไม่มี ฐานะในตระกูลกวนไหนเลยจะเทียบกับสีหร่วนได้?”

คำพูดนางกลับกลอกปลิ้นปล้อน มีความเยาะเย้ยถากถาง ยังกล่าวต่ออีกว่า “บอกเจ้าไปก็ไม่เป็นไร ทำเจ้าถอดใจได้ยิ่งดี ผู้ใหญ่ตระกูลกวนพูดไว้แล้ว อีกสามเดือนให้หลังจะมีการชิงตำแหน่งนายน้อยของเหล่าลูกหลานตระกูลกวน ถึงเวลานั้นกวนสีหร่วนจะชนะและกลายเป็นนายน้อยอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนี้ เสียวหย่าของข้าก็จะเป็นฮูหยินของนายน้อย ภายหน้าพอสีหร่วนเป็นเจ้าบ้าน นางก็เป็นฮูหยินของเจ้าบ้านตระกูลกวน หากแต่งกับเจ้าจะมีอะไรได้บ้างเล่า?”

ได้ฟังคำพูดนาง กวนสีหลิ่นก็ไม่ปริปาก เพียงแต่จ้องมองเคอซินหย่าที่ถูกนางกันไว้ข้างกายด้วยแววตาลึกล้ำอยู่นานนัก ก่อนจะสาวเท้าก้าวจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก

นายท่านเคอเห็นแขนเขาแนบอยู่ข้างกายอย่างไร้เรี่ยวแรง ก็ประหลาดใจเล็กน้อย “ไยแขนขวาเขาถึงคล้ายว่าพิการไปเสียแล้ว?”

ฮูหยินเคอเอ่ยอย่างไม่สนใจใยดี “จะสนใจเขาขนาดนั้นไปทำไม อย่างไรซะ อีกหน่อยเขากับเสียวหย่าของเราก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว”

“ข้ากลับห้องก่อนนะเจ้าคะ”

เคอซินหย่ากล่าว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตูและเดินไปนั่งที่ด้านหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มองๆ ดูปิ่นไม้ชิ้นหนึ่งในกล่องเครื่องประดับ หลังจากหยิบมันขึ้นมา ก็โยนทิ้งลงในตะกร้ามุมกำแพง

“ทางเลือกของข้าหาไม่ผิดพลาด ข้าจะไม่เสียใจ จะไม่เสียใจแน่!”

นางละทิ้งความอึดอัดในจิตใจ แววตาหนักแน่น เพราะรู้ดีว่าถึงแม้กวนสีหลิ่นจะดีกับนาง แต่ยังไม่อาจให้สิ่งที่นางต้องการได้

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!