№ 879 อักษรฟ้าเลขหนึ่ง

หลังคุยกันในห้องประมาณครึ่งชั่วยามพวกเขาก็ออกไป อาจเพราะมาอย่างเงียบๆ ตามพวกเขาว่า และไม่ดึงดูดความสนใจกลุ่มอำนาจอื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครมารบกวนเฟิ่งจิ่วในช่วงนี้

ในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาสามคนออกจากโรงเตี๊ยมน้อยนัก ตอนเฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งหวากำลังฝึกบำเพ็ญ เหลิ่งซวงก็รับผิดชอบคุ้มกันไม่ให้คนรบกวนพวกเขา

ยามนี้นางเป็นผู้ฝึกตนระดับยอดปรมาจารย์นักรบพลังเร้นลับขั้นสูงสุดแล้ว ขาดแค่โอกาสก็จะบรรลุระดับบรรพชนนักรบ นายท่านยังมอบยาบรรลุขั้นให้นางขวดหนึ่ง แต่เวลานี้นางยังไม่คิดจะบรรลุขั้น เพราะเวลาที่บรรลุมาขั้นสูงสุดยังสั้นเกินไป ฟังจากคำพูดนายท่านต้องผ่านไปอีกสักระยะ หลังจากทุกอย่างเตรียมพร้อม

เหลิ่งหวาตั้งใจฝึกบำเพ็ญ พอมีเวลาก็จะฝึกบำเพ็ญ ภายใต้การช่วยจากยาจึงก้าวหน้าไปมากนัก

ส่วนเฟิ่งจิ่ว ขณะฝึกบำเพ็ญในห้วงมิติ ก็ไม่ลืมขุดดินปลูกยาทิพย์และรดน้ำ เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก

ในที่สุดก็มาถึงวันที่สามเดือนสาม สำหรับกลุ่มอำนาจแต่ละฝ่ายในเมืองหลวง นี่เป็นวันที่ทำให้คนทั้งตื่นเต้นและเฝ้ารอ สำหรับชาวบ้านที่แค่หาเช้ากินค่ำ วันนี้แค่คึกคักกว่าปกติเท่านั้น

พวกเฟิ่งจิ่วไปยังห้องโถงวิเคราะห์ยาเซียนแต่เช้า เมื่อมาถึงที่นั่นก็ต่อแถวยาวเท่ามังกรแล้ว พวกเขาสายคนไม่ได้ไปเข้าแถว แต่ถือป้ายคำสั่งที่หัวหน้าตลาดมืดให้ไว้เข้าไปจากประตูหลังทันที

เข้ามาด้านในถึงจะเห็นว่าด้านในห้องโถงวิเคราะห์ยาเซียนนี้ใหญ่มาก รองรับได้เกือบพันคน บนลานวิเคราะห์ยาเซียนสูงขึ้นมาจากพื้นประมาณสามฉื่อ นอกจากที่นั่งกลางห้องโถงยังมีห้องแขกผู้มีเกียรติอีกสิบห้อง

เพราะคนเยอะ พวกคนที่เข้ามาจึงไม่มีใครสังเกตเห็นพวกเฟิ่งจิ่ว พวกเขาหาที่นั่งตนเองตามป้ายในมือและนั่งลง รองานสมัชชาวิเคราะห์ยาเซียนเริ่ม

บางคนหลังจากนั่งลงก็คุยกัน

“ได้ยินว่าภูตหมอจะมา หนำซ้ำห้องอักษรฟ้าเลขหนึ่งนั้นยังเก็บไว้ให้เขาเป็นพิเศษ”

“ได้ยินว่าเขาเป็นเพียงหนุ่มน้อย น่าเหลือเชื่อจริงๆ นอกจากเป็นนักปรุงยา นึกไม่ถึงว่ายังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุด้วย”

“ใช่ ใครก็เทียบไม่ได้เลยจริงๆ”

“ข้าได้ยินว่าวันนี้กลุ่มอำนาจไม่น้อยต่างมาหาภูตหมอ หนึ่งในนั้นมีกลุ่มอำนาจไม่น้อยจากแคว้นระดับหนึ่ง คล้านว่าคนจากราชวงศ์จะมากันหมด นอกจากห้องเลขที่หนึ่ง ยังมีห้องหนึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์แคว้นศรสวรรค์เรา แปดห้องอื่นๆ ล้วนถูกคนแคว้นระดับหนึ่งครอบครอง”

“นี่เป็นเรื่องปกติ คนแคว้นระดับหนึ่งแม้เป็นแค่ตระกูลหนึ่ง ฐานะก็ไม่ธรรมดาแล้ว”

“พวกเจ้าดูสิ นักวิเคราะห์ยาเซียนในวันนี้ล้วนเป็นระดับสูง นอกจากผู้อาวุโสตระกูลซั่งกวน ยังมีลูกศิษย์ผู้เฒ่าเทียนจี อีกท่านหนึ่งเป็นปราชญ์โอสถ รวมถึง…”

เข้ามาจากประตูหลัง ก็ขึ้นไปชั้นบนจากทางด้านหลัง แทบจะหลบเลี่ยงจากทุกคนด้านล่าง ด้วยเหตุนี้กระทั่งเมื่อทั้งสามเดินเข้าห้องอักษรฟ้าเลขหนึ่งไป คนไม่น้อยยังคงไม่รู้ว่าในห้องนั้นมีคนแล้ว

ทว่าบางคนที่เฝ้าสังเกตในขณะที่เห็นพวกเฟิ่งจิ่วเดินเข้าห้องเลขหนึ่งไป ดวงตากลับเป็นประกาย บางคนยังหยิบรูปเหมือนออกมาเปรียบเทียบ ณ ตรงนั้น

รูปเหมือนภูตหมอ พูดได้ว่ากลุ่มอำนาจพวกนี้แย่งชิงโอกาสแรกให้ได้มาเป็นขั้นแรก และหนุ่มน้อยชุดแดงคนนั้นเมื่อครู่ก็เหมือนคนในภาพอย่างกับแกะ

“ใช่เขาหรือเปล่า?” ชายวัยกลางคนกับชายชราข้างกายคุยกันเสียงเบา

“ใช่ คงไม่ผิดแล้ว” ชายชราพยักหน้า

“ข้าจะเฝ้าอยู่ตรงนี้ เจ้าเข้าไปรายงานนายท่านเถอะ” ชายวัยกลางคนกล่าว แล้วเฝ้าอยู่นอกประตูห้อง

……………………………….