№ 896 เขาไปด้วยหรือ?
“ศิษย์รัก เจ้ามาด้วยหรือ?” เฟิ่งจิ่วเข้าไปต้อนรับ เห็นท่าทางเขาที่ทั้งหน้าเขียนและอับอายปนโกรธ ก็หัวเราะร่าโดยฉับพลัน “เห็นอาจารย์ไม่ต้องขานเรียกหรือ? เร็วเข้า เรียนให้ฟังหน่อยซิ”
เสียงเธอไม่ดังไม่เบา ทุกคนรอบข้างกลับได้ยินกันหมด แต่ละคนมองทั้งสองเพียงรู้สึกตกตะลึง
นี่มันเรื่องอะไรกัน? ศิษย์อาจารย์อะไร? ความสัมพันธ์สองคนนี้ดีขึ้นแล้วหรือ? พวกเขาจำได้ว่าปีก่อนศิษย์พี่โอวหยางยังบอกตลอดว่าจะท้าประลองกับเฟิ่งจิ่ว แต่คล้ายว่าภายหลังจะท้าไม่สำเร็จกระมัง?
หรือว่าตอนที่พวกเขาไม่รู้จะเกิดเรื่องอะไรที่พวกเขาไม่รู้?
“เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก” เขาจ้องคนตรงหน้าที่ยิ้มเสียจนดวงตายังหรี่กลายเป็นเส้น พร้อมกล่าวเตือนเสียงเข้ม
“เฮ้ นี่เจ้ายินยอมเองนะ บอกว่าข้าทำเกินไปได้อย่างไร? หรือว่าเจ้าไม่รู้ ว่าเป็นครูวันเดียวก็เป็นไปตลอดชีวิต เจ้าเรียกว่าอาจารย์ข้าก็รับ เช่นนั้นเจ้าเป็นลูกศิษย์ข้าแล้ว วางใจเถอะๆ ข้าจำได้น่า” เธอหัวเราะเบาๆ มองเขาพร้อมคำพูดมีความหยอกล้อ
โอวหยางซิวอ้าปากค้าง กลับพบว่าตนเองหาคำพูดมาตอบเขาไม่ได้ สุดท้ายเพียงแค่นเสียงเย็น “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะโค่นเจ้าแน่ๆ!” กล่าวจบก็ผ่านเขาไป เดินไปยืนด้านหลังรองเจ้าสำนัก
เฟิ่งจิ่วเห็นเช่นนี้ สองแขนกอดอกหัวเราะ ลูกศิษย์คนนี้รักษาหน้าจนวันตายจริงๆ เห็นชัดเจนว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้เธอเลย
“เฟิ่งจิ่ว ทำไมเจ้าถึงเรีนกศิษย์พี่โอวหยางว่าลูกศิษย์? เจ้ากับเขา…” เยี่ยจิงสงสัยนิดหน่อย ปีก่อนนางยังหลบเขาอยู่เลย! ทำไมตอนนี้ดูแล้ว กลับเป็นโอวหยางซิวที่หลบนาง?
“โอ้ ปีก่อนเขาบอกตลอดว่าอยากประลองกับข้าไม่ใช่หรือ? จากนั้นยังวิ่งไปขวางข้าระหว่างทาง สุดท้ายข้าจึงบอก ว่าเขาแพ้ต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ ดังนั้นในที่สุดข้าชนะแล้ว เขาจึงกลายเป็นลูกศิษย์ข้าไปตามปกติ” พูดถึงเรื่องนี้รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งลึกขึ้น
เยี่ยจิงได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้า “ที่แท้เป็นเช่นนี้”
“น่าแปลก คนที่นี่ครบแล้วไม่ใช่หรือ? ยังรอใครอีก?” เธอเอ่ยถาม เห็นนักเรียนสิบคนมาถึงครบแล้ว แม้แต่รองเจ้าสำนักกับอาจารย์สองท่านที่นำคณะก็เช่นกัน กลับไม่มีท่าทางว่าจะไปเหมือนยังรอใคร?
“ไม่รู้สิ คงมีอาจารย์ยังไม่มากระมัง!”
“เฟิ่งจิ่ว” เซียวอี้หานก้าวยาวเดินเข้ามา ขณะกำลังจะตบบนบ่านางเพื่อทักทาย กลับนึกได้ว่านางเป็นผู้หญิง จึงเก็บมือกลับทั้งหน้าเจื่อนๆ ทันควัน บอกว่า
“ข้าได้ยินว่าหลังเจ้ากลับมาก็ฝึกบำเพ็ญมาตลอด ช่วงนี้วรยุทธ์เพิ่มขึ้นมากเลยใช่หรือไม่?”
เห็นว่าเป็นเขา เธอก็เผยรอยยิ้ม
“ไม่หรอก ช่วงนี้ข้ากลั่นยามากกว่า แต่ว่าท่าน ช่วงนี้ไม่เจอกันวรยุทธ์ท่านก้าวหน้าไม่น้อยเลย!”
“ฮ่าๆๆ ใช่ ข้ามานะบากบั่น เดิมคิดจะประลองฝีมือกับกวนสีหลิ่นเสียหน่อย แต่รอบนี้หลังเขาออกไปยังไม่กลับมา แม้แต่งานแข่งสำนักศึกษายังพลาดไป น่าเสียดายจริงๆ”
“โอกาสยังมีอีก ไม่แน่ว่าตอนนี้พี่ชายข้าฝึกวิชาอยู่ข้างนอก อาจจะดีกว่าพวกเราในสำนักศึกษานี้”
“ข้อนี้ข้าไม่ปฏิเสธ ข้างนอกเป็นดาบแท้กระบี่จริงต้องสู้จริง แต่พละกำลังเขาอยู่ข้างนอกเจ้าไม่เป็นห่วงหรือ?”
เห็นนางไม่มีท่าทีเป็นห่วงอะไรเลยสักนิด เขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ตามเหตุผลแล้วความสัมพันธ์สองคนนี้ดีเพียงนั้น กวนสีหลิ่นฝึกวิชาอยู่ข้างนอกนานเพียงนี้ยังไม่กลับมา นางควรกังวลสิถึงจะถูก!
“เขามีความบันยะบันยัง”
เธอยิ้มกล่าว หางตาเหลือบเห็นร่างสีขาวมาจากบริเวณไม่ไกล เมื่อเห็นร่างนั้นมุมปากก็กระตุก คงไม่กระมัง? เขาไปด้วยหรือ?
…………………………