Skip to content

เล่ห์ลีอา 2

Chapter 2 อุ้มกลับไปด้วย!

แม้ตัวเขาเองจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เกี่ยวข้องกับองค์อัมมานยังไง ถึงขนาดที่ตนเองและพนักงานในร้านถูกเชิญออกมานอกห้องช่วงระยะเวลาหนึ่ง และมิทซ์รู้ดีว่าเพื่อนรักนั้นหวงพ่อเป็นที่สุด จนทำให้องค์อัมมานยังไม่แต่งงานใหม่อีกเลยตั้งแต่ราชินีชารีน่าสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ผู้เป็นเพื่อนรักอายุได้เพียง 7 ปี ด้วยรักและตามใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเป็นที่สุดที่ไม่อยากมีแม่เลี้ยง

ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไปผู้จัดการหนุ่มหล่อทิ้งท้ายยั่วอารมณ์ของเพื่อนรักเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจากกันว่า “อ่อ…ฉันลืมเล่าไปอีกเรื่องหนึ่ง พ่อนายสนิทสนมกับมิสมิยาโบวิทซ์ขนาดไหนชั้นไม่รู้นะ แต่ที่รู้ๆ พ่อนายเรียก First name ของเธอนะ ไม่ได้เรียก Last name เลย แถมเวลานั่งคุยกันก็จับมือถือแขนกันอยู่ตลอดเวลา เวลากินพ่อนายก็คอยตักอาหารเอาอกเอาใจเธอสารพัด มีป้อนกันด้วยนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าฉันกะลูกน้องคอยบริการอยู่ล่ะก็…สงกะสัยว่าพ่อนายคงป้อนด้วยปากแหงๆ แล้วเวลาคุยกันก็มีกระซิบกระซาบกันด้วย เห็นมิสมิยาโบวิทซ์กระซิบข้างหูพ่อนายทีไร ท่านก็หัวเราะลั่นทีเดียว ส่งสายตากันหวานหยดย้อยจนมดที่ร้านฉันมันอิ่มน้ำตาลไปเป็นปีๆ แน่ พ่อนายก็ใช่ย่อย ทั้งหอมแก้ม ทั้งจูจุ๊บ ทั้งกอด โอ้ย! ขี้เกียจจะเล่าแล้ว ขืนเล่าต่อเดี๋ยวน้องชายฉันมันชักธงรบ เอาเป็นว่าเธอสนิทสนมกับพ่อนายม๊าก…มาก สันนิษฐานได้ว่าน่าจะสนิทสนมกันแทบทุกรูขุมขนเลยก็ว่าได้ จบการรายงานข่าวแล้วว่ะ”

เจ้าชายอิสมินส่งสายตาดุดันให้เพื่อนรักทำนองว่าฝากไว้ก่อนเถอะ! แล้วสั่งกับพนักงานขับรถเสียงเฉียบขาด “กลับโรงแรม!”

พนักงานขับรถรีบทำตามความประสงค์ทันทีเพราะรู้ว่าคนสั่งอารมณ์เสียมากๆ ถึงมากที่สุด!

เมื่อรถลีมูซีนคันใหญ่เคลื่อนพ้นหน้าร้านไปแล้วผู้จัดการหนุ่มหล่อก็หัวเราะลั่นด้วยความสุขใจที่ยั่วอารมณ์เพื่อนรักได้ พึมพำเบาๆ ก่อนเดินเข้าไปจัดการดูแลความเรียบร้อยภายในร้านต่อไป “อิสมินเอ้ย…ฉันว่าอีกหน่อยคงมีข่าวพ่อนายอภิเษกเร็วๆ นี้แน่ แล้วไอ้ลูกแหง่หวงพ่ออย่างนายจะทำยังไงนะ? งานนี้สนุกแน่ๆ เลยวุ้ย”

เจ้าชายอิสมินมองหญิงสาวข้างกายแล้วสั่งองครักษ์ “พวกนายไปหามาว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? เกี่ยวข้องกับเสด็จพ่อยังไง? แล้วพวกที่มาลักพาตัวเธอเป็นใคร? พวกมันต้องการอะไร? รีบๆ หามาให้ได้เร็วๆ  แล้วเรียกหมอให้มาดูอาการของเธอด้วยนะ เตรียมห้องรับรองแขกไว้ให้เรียบร้อยด้วยล่ะ”

“ครับ” ซาอิดซึ่งเป็นหัวหน้าองครักษ์รับคำสั่งแล้วก็หันไปสั่งองครักษ์คนอื่นๆ ให้เร่งหาข่าวจากเครื่องมือสื่อสารไฮเทคล้ำสมัยที่มีอยู่ในรถตามคำสั่งของผู้เป็นนาย

เจ้าชายอิสมินมองหญิงสาวข้างกายโดยไม่ละสายตา

“เอ่อ…ให้ผมพาคุณผู้หญิงกลับโรงแรมเองเถอะครับ ท่านมีนัดกับคุณอิซาเบลล่าไม่ใช่หรือครับ?” หัวหน้าองครักษ์ซาอิดอาสาจะพาหญิงสาวกลับโรงแรมแทน เพราะรู้ว่าเจ้าชายนัดกับนางแบบสาวอิซาเบลล่า เบอร์บิท เอาไว้ ซึ่งกับนางแบบสาวคนนี้เจ้าชายควงคู่ออกงานด้วยกันบ่อยๆ ในระยะนี้ สนิทสนมกันจนถึงขั้นที่นางแบบสาวคนสวยมานอนค้างอ้างแรมกับเจ้าชายอิสมินที่โรงแรมอยู่บ่อยๆ  จนเป็นข่าวซุบซิบไปทั่วว่าเธออาจจะได้เป็นว่าที่พระชายาของเจ้าชายอิสมิน

“ช่างอิซาเบลเถอะ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์จะเจอใครแล้ว ผมจะคอยให้ผู้หญิงคนนี้ฟื้นขึ้นมา แล้วผมจะได้ถามเธอให้หายสงสัย ว่าเธอเป็นใคร? เกี่ยวข้องอะไรกับเสด็จพ่อ? มิทซ์ถึงได้กระเด็นออกมาจากห้องได้ ปกติแม้เสด็จพ่อจะใช้ร้านของมิทซ์เป็นที่นัดพบกับใครๆ มีความสำคัญ หรือใหญ่โตขนาดไหน? มิทซ์ก็จะต้องคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่กับเสด็จพ่อตลอดทุกครั้ง ไม่เคยมีซักครั้งที่จะให้มิทซ์และพนักงานคนอื่นๆ ออกจากห้องเหมือนอย่างวันนี้เลย วันนี้เสด็จพ่อมีความลับอะไรถึงขนาดที่มิทซ์จะรู้ไม่ได้นะ? แล้วยังเรื่องที่ซีอีโอของไฮเทคคอร์ปไม่ได้มาพบกับเสด็จพ่อในวันนี้อีกล่ะ? แล้วที่สำคัญเมื่อผมพบกับเสด็จพ่อ ทำไมเสด็จพ่อไม่ได้พูดถึงเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้ผมฟังเลย?  ปกติเสด็จพ่อทำอะไรที่ไหน ก็จะเล่าให้ผมฟังทุกอย่าง ไม่เคยมีความลับกับผมเลย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมสงสัยได้ยังไงกัน? แล้วช่วงนี้ยิ่งมีข่าวลือว่าเสด็จพ่อคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงด้วยไม่ใช่คุยกันธรรมดานะ คุยกันเป็นนานสองนานทุกวัน พวกนางกำนัลลือกันให้แซดว่าเวลาคุยโทรศัพท์เหมือนยังกับหนุ่มๆ เพิ่งมีความรักยังไงอย่างงั้นเลย แล้วคุณดูผู้หญิงคนนี้ซิ เธอสวยมากเลย จนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าเธออาจจะเป็นคนรักของเสด็จพ่อก็ได้” เจ้าชายอิสมินกล่าวกับหัวหน้าองครักษ์คนสนิท ระบายความสงสัยในใจให้รับรู้

ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเจ้าชายอิสมินนั้นหวงพระบิดาเพียงใด องค์อัมมานนั้นไม่เคยมีความลับกับพระโอรสเลย แต่เมื่อมีข่าวลือว่าองค์อัมมานมีคนรัก และวันนี้ก็ไม่เล่าถึงการพบกับหญิงสาวแสนสวยให้พระโอรสรับรู้ ย่อมสร้างความสงสัยให้กับเจ้าชายอิสมินเป็นอย่างยิ่ง

หัวหน้าองครักษ์ซาอิดรีบปลอบใจเจ้าชายของตนทันที “ท่านอย่าเพิ่งคิดมากเลยครับ ผมจะรีบสืบเรื่องของผู้หญิงคนนี้มาให้ท่านโดยเร็วครับ”

รถลีมูซีนคันหรูค่อยๆ เลี้ยวเข้ามาจอดลงหน้าล็อบบี้สำหรับชั้น VIP ซึ่งมีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมแยกออกจากล็อบบี้ปกติของโรงแรม เพื่อให้การรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระประมุขและเจ้าชายรัชทายาททำได้ง่ายขึ้น

ยามรักษาการณ์เดินเข้ามาคอยเปิดประตูรถให้ แต่ยังไม่ทันใจของเจ้าชายอิสมินซึ่งเปิดประตูรถเองพร้อมกับช้อนร่างแบบบางของหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนแล้วเดินลิ่วๆ ไปยังลิฟต์ซึ่งมีพนักงานกดลิฟต์เปิดรออยู่

“เอ่อ!” พนักงานที่ยืนอยู่ในบริเวณล็อบบี้ต่างมองกันตาค้างเมื่อเห็นเจ้าชายอิสมินอุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนเดินลิ่วๆ ไปยังลิฟต์ มีท่านซาอิดหัวหน้าองครักษ์รีบวิ่งตามไปที่ลิฟต์เพื่อคอยอารักขาให้กับเจ้านายของตน แน่นอนว่าข่าวใหญ่ขนาดนี้บรรดากระจอกข่าวจะพลาดได้ยังไง!

เรื่องนี้ต้องเม้าส์!

เมื่อตัวเจ้าชายไปไกลลิบแล้ว รีเซฟชั่นหน้าเคาน์เตอร์ก็รวมหัวซุบซิบกันทันที “ต๊าย…ตาย! เจ้าชายอุ้มผู้หญิงขึ้นห้องด้วยล่ะเธอ ฉันอยากเป็นผู้หญิงคนนั้นจัง ได้อยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายอิสมิน โอ้…มันคงจะดีมากเลยนะเธอ”

“อยากรู้จังผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ใช่ยัยนางแบบสติแตกนั่นรึเปล่า? เจ้าชายเดินเร้ว…เร็ว มองไม่ทันเลย” รีเซฟชั่นอีกคนถามพร้อมกับละสายตาจากลิฟต์ รีเซฟชั่นคนแรกรีบตอบว่องไว “ไม่ใช่ยัยนั่นหรอกเธอ  ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ผมยาวๆ อย่างนั้นน่ะ ไม่ใช่ยัยนั่นแน่ๆ”

“ถ้าไม่ใช่ยัยนั่นแล้วเป็นใครกันล่ะเธอ?” รีเซฟชั่นคนที่สองถามเพื่อนอีกครั้ง “ใครอ่ะ? ใครอ่ะ?”

รีเซฟชั่นคนแรกส่ายหน้าตอบเพราะไม่รู้เหมือนกัน “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ใช่ยัยนั่นน่ะดีแล้ว ฉันยิ่งภาวนาขอให้เจ้าชายอย่าได้ตาถั่วคว้ายัยนั่นมาเป็นพระชายาเล้ย  ยัยนั่นน่ะนิสัย  อ่อไม่ใช่ซิ  ต้องบอกว่าสันดานนะเธอ สันดานร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าเจ้าชายตาถั่วคว้ามาเป็นพระชายาเมื่อไหร่ ฉันคงลาออกหางานใหม่เลยแหละ นี่ๆ คิดๆ แล้วก็อยากจะเห็นหน้ายัยนั่นนัก ถ้ารู้ว่าเจ้าชายอุ้มผู้หญิงขึ้นห้อง ฉันว่ายัยนั่นต้องกรี๊ดลั่นโรงแรมแน่ๆ เลย อยากเห็นหน้ายัยนั่นกรี๊ดจัง จะได้หัวเราะให้สะใจไปเลย”

“นี่ๆ มันต้องท่านี้ด้วยเธอถึงจะเหมือนยัยนั่น” รีเซฟชั่นคนที่สองทำท่าทางร้องกรี๊ดๆ กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ เลียนแบบท่าทางของนางแบบอิซาเบลล่า เบอร์บิทที่เคยเห็นเป็นประจำยามนางแบบสาวไม่ได้ดั่งใจ(ลับหลังเจ้าชายอิสมิน)

สองสาวรีเซฟชั่นพากันหัวเราะคิกคักสนุกสนาน แล้วก็คุยฝันหวานกันต่อ “อยากถูกเจ้าชายอุ้มมั่งจัง”

“ฉันไม่ฝันถึงขนาดนั้นหรอก ขอแค่อยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายซักครั้งแค่นี้ก็พอแล้ว”

แต่เสียงของหัวหน้ารีเซฟชั่นทำให้สองสาวหน้าจ๋อยทันที

“นี่ๆ ตื่นได้แล้วพวกเธอ  อย่างพวกเธอเจ้าชายไม่แลให้เสียเกรดหรอกย่ะ เอาไว้ไปฝันต่อที่บ้านนะย่ะ แล้วก็สงบปากกันหน่อย อยากตกงานกันนักรึไงย่ะ? มีงานอะไรก็ทำๆ กันไปซิย่ะ สุ่มหัวนินทากันอยู่นั้นแหละ”

สองสาวจึงรีบก้มหน้าก้มตาทำงานของตนทันที หัวหน้ารีเซฟชั่นมองด้วยสายตาดุๆ ก่อนเดินจากไป

เจ้าชายอิสมินนั่งบนโซฟารับแขกในลิฟต์โดยโอบหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน

ซาอิดวิ่งตามมากดปิดประตูลิฟต์แล้วรีบแตะคีย์การ์ดของตนเพื่อปลดรหัสให้ลิฟต์ทำงานเลื่อนขึ้นไปยังที่อยู่ของเจ้านาย

องครักษ์คนอื่นๆ รีบไปสืบหาข่าวเกี่ยวกับมิสมิยาโบวิทซ์กับพนักงานของโรงแรมทันทีตามคำสั่งของหัวหน้าองครักษ์ซาอิด

เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงชั้นที่อยู่ของเจ้าชายอิสมินซึ่งตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะ เจ้าชายอิสมินก็อุ้มหญิงสาวออกจากลิฟต์

หัวหน้านางกำนัลซารีฟซึ่งรออยู่แล้วก็รีบย่อตัวทำความเคารพแล้วบอกว่า “เตรียมห้องบูรพาไว้ให้แล้วค่ะ”

“ขอบใจมากซารีฟ” เจ้าชายกล่าวกับนางกำนัลแล้วเดินไปตามทางเดินอีกด้านซึ่งตรงไปยังห้องนอนของพระองค์เอง

สร้างความงงงวยให้กับหัวหน้าองครักษ์ซาอิดและหัวหน้านางกำนัลซารีฟเป็นอย่างมาก “ท่านคะห้องบูรพาอยู่ทางนี้ค่ะ ท่านจะไปไหนคะ?”

“ขอบใจนะซารีฟ แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว”

หัวหน้านางกำนัลและหัวหน้าองครักษ์มองตากันอย่างงงสุดๆ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าชายอิสมินจะพาหญิงสาวไปที่ใด ก็ทางเดินที่เขากำลังเดินไปมันตรงไปสู่ห้องนอนของเจ้าชายเอง ยังไม่ทันจะได้คิดอะไร เสียงห้าวก็มีคำสั่ง “ซารีฟ หมอที่ให้เรียกมาตรวจผู้หญิงคนนี้มาถึงรึยัง? ซาอิดเปิดประตูห้องนอนให้ผมเร็ว”

“มาแล้วค่ะ รออยู่ที่ห้องบูรพาค่ะ” ซารีฟรีบตอบ ส่วนซาอิดก็รีบเปิดบานประตูห้องนอนอย่างว่องไว

เจ้าชายอิสมินจึงสั่งว่า “งั้นเชิญคุณหมอมาตรวจผู้หญิงคนนี้ที่ห้องผม”

สั่งแล้วก็เดินเข้าไปภายในห้องนอนทันที ทิ้งให้หัวหน้านางกำนัลซารีฟยืนแข็งทื่อใบ้รับประทานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติ รีบไปทำตามคำสั่งพร้อมกับบ่นพึมพำไปตลอดทาง

“โอ้ย! โลกจะแตกแน่ๆ ท่านพาผู้หญิงเข้าห้องนอน! แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนได้เฉียดใกล้ห้องนอนเลยซักนิด แล้วทำไมวันนี้ถึงได้อุ้มผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้องนอนซะล่ะ? โอ้ย! งงๆๆๆๆๆๆๆ”

เจ้าชายอิสมินวางหญิงสาวลงบนเตียงใหญ่กลางห้อง โยนสูทของเพื่อนรักที่คลุมร่างของหญิงสาวไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วนั่งข้าง ๆ หญิงสาว ปัดปอยผมที่ปรกหน้าออก มองพินิจพิจารณาใบหน้างดงาม ยิ่งครุ่นคิด ถึงคำพูดของเพื่อนรักก็ยิ่งทำให้รุ่มร้อนใจ หันไปถามซาอิดซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างนัก เสียงเคร่งขรึม “ซาอิด คุณคิดว่าผู้หญิงคนนี้อายุเท่าไหร่?”

“เอ่อ…ไม่น่าจะเกิน 20 ปีครับ” ซาอิดตอบหลังจากคาดคะเนจากใบหน้าของหญิงสาวบนเตียง ก็นะ หน้าอ่อนขนาดนี้ ดูยังไงๆ ก็ไม่ถึง 20 แน่ๆ

เจ้าชายอิสมินจึงกล่าวต่อ “ผมก็กะว่าไม่น่าจะเกิน 20 เหมือนกัน ชิ! ยัยผู้หญิงหน้าด้าน กล้ามายุ่งกับเสด็จพ่อของผม คอยดูเถอะ! ตื่นเมื่อไหร่ล่ะก็…ผมจะเล่นงานให้อ่วมเล้ย!”

ก่อนที่จะกล่าวอะไรต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงของซารีฟ “ท่านคะ ฉันพาคุณหมอมาแล้วค่ะ”

“เข้ามาได้” เจ้าชายสั่งพร้อมกับยืนขึ้นหันไปมองที่ประตู ซาอิดเดินไปเปิดประตูให้หัวหน้านางกำนัลเข้ามา

“สวัสดีคุณหมอ  เชิญตรวจคนไข้ได้เลย  ไม่ต้องมีพิธีรีตรองให้เสียเวลา” เจ้าชายอิสมินทักทายคุณหมอร่างท้วมที่เดินตามซารีฟเข้ามาพร้อมกับนางพยาบาลถือล่วมยาหน้าตาจิ้มลิ้มนางหนึ่ง

“ครับ” คุณหมอร่างท้วมกับนางพยาบาลนางนั้นโค้งคำนับถวายความเคารพแล้วจึงลงมือตรวจคนไข้สาวสวยทันที

ซารีฟช่วยถอดรองเท้าของหญิงสาววางไว้บนพื้นพรมข้างเตียง แล้วคอยช่วยพยาบาลและคุณหมอที่เชิญมาตรวจอาการของหญิงสาว

ตรวจอยู่ครู่หนึ่งคุณหมอร่างท้วมก็เก็บหูฟังพร้อมกับรายงานอาการของคนไข้ให้เจ้าชายหนุ่มทราบ “กราบทูลฝ่าบาท จากที่ผมตรวจคุณผู้หญิงแล้ว ไม่พบอาการบาดเจ็บที่ไหนเลยครับ นอกจากรอยฟกช้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จากที่คุณซาอิดได้เล่าให้ผมฟัง คิดว่าเธอจะหลับเพราะยาสลบไปอีกซักระยะครับ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาอาจจะปวดศีรษะบ้าง ผมจะสั่งยาไว้ให้ครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาดูอาการของเธออีกครั้งครับ”

เจ้าชายฟังคำรายงานจากคุณหมอร่างท้วมแล้ว จึงเอ่ยขอบคุณคุณหมอที่ยอมเสียเวลามาในยามค่ำคืนเช่นนี้ “ขอบคุณคุณหมอมากที่สละเวลามา เชิญคุณหมอกลับไปพักผ่อนเถอะ”

แล้วหันไปสั่งกับหัวหน้าองครักษ์และนางกำนัล “ซาอิดนายไปส่งคุณหมอที ส่วนซารีฟไปนอนได้แล้วล่ะ”

“ครับฝ่าบาท”

“ฝ่าบาทเพคะ แต่ว่า…”

หัวหน้าองครักษ์รับคำสั่งแล้วคว้าต้นแขนหัวหน้านางกำนัลซึ่งกำลังจะทูลแย้งให้เดินออกไปด้วยกัน ตามด้วยคุณหมอร่างท้วมและนางพยาบาลโค้งคำนับถวายความเคารพก่อนออกจากห้อง

เมื่อทุกคนออกจากห้องนอนไปหมดแล้ว เจ้าชายอิสมินก็ทรงทอดตาแขกคนสวยของพระบิดา คิดหาวิธีที่จะแกล้งเจ้าหล่อนไปพลางๆ  โดยที่เจ้าตัวยังหลับไหลไม่ได้สติ

“เอ…แล้วฉันจะทำยังไงกับแม่คนนี้ดีล่ะ? สวมรอยเป็นพวกโจรลักพาตัวให้กลัวเล่นจะดีไหมน้า? เอ…หรือจะให้เป็นเป้าซ้อมปามีดดีล่ะ? ไม่ดี ๆ เกิดตกใจกลัวจนหัวใจวายตายเสด็จพ่อโวยแหลกแน่ๆ อ่ะ ฮ่า! รู้แล้ว! จับเปลือยล่อนจ้อนจนหมดตัว แล้วคอยดูซิเวลาตื่นขึ้นมาจะตกใจซักขนาดไหน โอ้…ไอเดียนี้เข้าท่า เสร็จฉันล่ะ! ยัยผู้หญิงหน้าด้าน!” เมื่อคิดหาวิธีที่จะแกล้งหญิงสาวได้แล้ว เจ้าชายอิสมินก็ไม่ทรงรอช้า เขาบรรจงถอดเดรสสั้นสีลาเวนเดอร์ออกจากร่างของหญิงสาวโยนลงบนพื้นข้างเตียงนอน มองเรือนร่างงดงามอย่างลืมตัว ตกตะลึงต่อความงามตรงหน้า “อา…”

เขามองใบหน้างดงามไล่ลงไปตามลำคอระหงผ่านเนินอกอวบอิ่มใต้บราเซียไร้สายบางเบาสีลาเวนเดอร์สู่หน้าท้องแบนราบเรื่อยไปถึงเนินสวรรค์ใต้บิกินี่ตัวจิ๋วสีลาเวนเดอร์ละเลียดสายตาต่อไปยังขาเรียวสวยจนถึงปลายเท้า เมื่อรู้สึกตัวก็สะบัดศีรษะไปมา

“หึ!” เขากริ้วโกรธหญิงสาวที่ช่างพกพาความงามประดุจเทพธิดาเอาไว้เต็มเปี่ยมจนทำให้เขาเผลอไผลลืมตัวว่าเจ้าหล่อนคือคนที่เข้ามาเกาะแกะกับพระบิดา แม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าจริงหรือไม่จริง แต่ด้วยความหวงพระบิดาดั่งจงอางหวงไข่ ทำให้เขาเอ่ยอย่างกราดเกรี้ยวใส่หญิงสาวซึ่งยังหลับไหลไม่ได้สติ “ชิ! ยัยผู้หญิงหน้าด้าน! อย่างเธอมันก็แค่ผู้หญิงหน้าหนาไร้ยางอาย ที่เข้ามาตีสนิทกับเสด็จของฉันเพราะอยากสุขสบายใช่ไหมล่ะ!”

เขาสอดมือไปปลดตะขอบราเซียบางเบาขว้างลงไปกองกับเดรสตัวสวยบนพื้นตามแรงอารมณ์ ทรวงอกงดงามสมบูรณ์เต็มตึงปรากฏเต็มสองตาชวนให้อยากสัมผัสความนุ่มหยุ่นของทรวงงาม ยอดอกสีชมพูชูชันช่างท้าทายสายตาให้อยากประกบปากแล้วขบเล่นให้หนำใจ เขากำมือแน่นสูดลมหายใจหลายเฮือกเพื่อข่มอารมณ์ปรารถนาเอาไว้ “ฮึ่ม!”

แล้วเกี่ยวรูดบิกินี่ตัวจิ๋วออกจากกายของหญิงสาวขว้างลงกับพื้น เนินสวรรค์นูนเด่นปรกคลุมด้วยทุ่งหญ้าสีบรอนซ์รำไรชวนให้อยากสำรวจให้ทั่วเนิน แม้จะผ่านหญิงงามมามากมายแต่ก็ยังไม่เคยเห็นหญิงใดจะงดงามเท่ากับแขกปริศนาของพระบิดามาก่อนเลย ทำให้เขาต้องข่มอารมณ์ปรารถนาสุดชีวิต ร่างกายของเขาก็ช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย ตึงเครียดขมวดขึงจนเขาสุดจะทานทนต่อไปได้ “ฮึ่ม!”

“โธ่โว้ย! อยากรู้จริงเลย  แม่นี่เคยมีอะไรกับเสด็จพ่อหรือเปล่านะ? แต่โอ้ย! หล่อนต้องเป็นนางปีศาจแน่ๆ เลยถึงได้ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ซะขนาดนี้ ฝากไว้ก่อนนะยัยผู้หญิงหน้าด้านถ้าฉันรู้แน่ๆ ว่าเธอเคยมีอะไรกับเสด็จพ่อล่ะก็…ฉันจะทำให้เธอกระเด็นออกจากชีวิตเสด็จพ่อของฉันไปไกลๆ ลิบโลกเล้ย!  แต่ถ้าไม่เคยล่ะก็…ฉันจะเก็บเธอมาเข้าคอเลคชั่นซะเลย โธ่โว้ย! ไม่ไหวแล้ว! ขืนอยู่ตรงนี้ต่อตบะแตกแน่ๆ โอ้…พระเจ้า!”

เขาเดินตึงๆ ออกจากห้องนอนรับสั่งเรียกหานางกำนัลซารีฟทันที “ซารีฟ”

“เพคะ”

เมื่อนางกำนัลสูงวัยมาตามเสียงเรียกหาเขาก็สั่งทันที “ซารีฟเข้าไปดูแลผู้หญิงคนนั้น หล่อนฟื้นเมื่อไหร่ไปบอกผมด้วย”

“เพคะฝ่าบาท” ซารีฟรับคำสั่งแล้วก็ผลุบเข้าไปภายในห้องนอนทันที

ส่วนเจ้าชายอิสมินเดินตึงๆ ลับไปไม่เหลียวหน้ากลับมาเลยซักนิดจนซารีฟแอบค่อนขอดในใจ ทำยังกับหนีอะไรซักอย่าง หม่อมฉันไม่ใช่ผีนะเพคะ! น่าถวายให้ซักเพี๊ยะนัก!

แต่เมื่อซารีฟได้เห็นหญิงสาวบนเตียงนอนไร้เสื้อผ้าติดกาย นางก็แทบอยากจะแล่นตามไปถวายซักหลายๆ เพี๊ยะ  บ่นงึมงำทันที “ฝ่าบาทนะฝ่าบาท! ดูซิแค่เผลอแค่แป๊บเดียวก็จับแม่หนูนี่ถอดเสื้อผ้าจนหมดเลย นิสัยแย่ๆ อย่างนี้ไปเอามาจากไหนกันนะ!  องค์อัมมานรึก็ไม่มีนิสัยคาสโนว่าเลยซักนิด หวังว่าคงยังไม่ได้ทำอะไรหรอกนะ? แล้วแม่หนูคนนี้เป็นใครกันนะ? ถึงได้จะถูกลักพาตัวอย่างที่ซาอิดบอก โอ้ย!  มีแต่คำถามเต็มหัวเลย ซาอิดก็ไปส่งคุณหมอ เจ้าชายก็หน้าบึ๊ง…บึ้งยังกะกินรังแตนมาทั้งโลก คนอื่นก็ไม่เห็นเลย  แล้วใครจะตอบฉันได้ล่ะเนี่ย?”

ซารีฟอยากจะเรียกนางกำนัลคนอื่นๆ ให้มาช่วยแต่งตัวให้หญิงสาว แต่เพราะเป็นเวลาดึกมากแล้วจึงไม่อยากจะเรียกใช้ อีกทั้งหากนางกำนัลคนอื่นรู้ว่าเจ้าชายอิสมินพาหญิงสาวเข้าห้องนอนคงได้เอาไปลือกันสนุกปาก นางจึงจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้หญิงสาวซะเองแล้วจัดหาชุดนอนมาสวมใส่ให้เจ้าหล่อน แม้จะลำบากอยู่ซักหน่อยในการพยายามสวมชุดนอนให้หญิงสาวด้วยตัวเองเพียงลำพังแต่ก็ไม่เกินความสามารถของนางกำนัลอาวุโสอย่างนางไปได้ เสร็จแล้วก็เอาแปรงมาหวีผมให้ เอ่ยพึมพำชื่นชมความงามของหญิงสาวไม่หยุด โดยที่คนถูกชมยังหลับไหลไม่ได้สติไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น

“แหมผิวก็นุ๊ม…นุ่ม ยังกับผิวเด็กทารก ข๊าว…ขาว ผิวสวยไร้ตำหนิจริ๊ง…จริงนะแม่หนู ผมรึก็นุ่มลื่นนิ่มมือจริงๆ  รูปร่างรึก็อรชรอ้อนแอ้นจริงๆ  หน้าตาก็ยังกับเทพธิดาทีเดียว ลูกเต้าเหล่าใครกันนะ? ป่านนี้คนที่บ้านคงชะเง้อชะแง้ตามหากันให้ควั่กแล้วล่ะ เอ…ดูลักษณะเสื้อผ้าที่ใส่ชั้นว่าแม่หนูต้องเป็นลูกคนรวยแน่ๆ เอ้า! หวีผมเสร็จแล้ว  นอนหลับฝันดีนะแม่หนู เดี๋ยวฉันเอาเสื้อผ้าของแม่หนูไปส่งซักก่อนนะ  แล้วฉันจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนนะจ๊ะ”

ซารีฟหอมแก้มหญิงสาวฟอดหนึ่งด้วยความหลงไหลในความงดงามของเจ้าหล่อนแล้วเก็บเสื้อผ้าบนพื้นพรมเอาไปส่งซักรีด แล้วก็รีบกลับมานั่งเฝ้าหญิงสาวรอจนกว่าเจ้าหล่อนจะฟื้นคืนสติ

จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง หญิงสาวค่อยๆ  ขยับตัวลุกขึ้นพยายามลืมตาขึ้นอย่างงุนงง พร้อมกับอาการปวดหัวรุนแรง จนต้องล้มตัวลงไปนอนใหม่ สองมือนุ่มนิ่มนวดหัวตัวเองไปมาแล้วพึมพำเบาๆ เป็นภาษาบ้านเกิดของตนเอง “โอ้ย!  ปวดหัวจัง ปวดเหมือนหัวจะแตกเลย”

หญิงสาวครางเบาๆ  รู้สึกถึงมือนุ่มๆ กับผ้าชุบน้ำอุ่นหอมกรุ่นบรรจงเช็ดหน้าให้กับเธอ จึงลืมตาอีกครั้งจ้องมองเจ้าของมือนุ่มๆ

“คุณคะ? เป็นยังไงบ้างคะ?” นางกำนัลซารีฟถามหญิงสาวเป็นภาษาอังกฤษ  มือก็ยังบรรจงเช็ดหน้าให้กับเจ้าหล่อน

เมื่อหญิงสาวลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอได้  เธอจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งเขยิบตัวหนีหญิงสูงวัยจนติดพนักหัวเตียง  ร่ำร้องอยู่ในใจด้วยความหวาดกลัว แง้ๆๆๆๆๆ ฉันถูกลักพาตัว! แล้วฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย? อ่ะ! แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งคร่ำครวญหรอกนะ ต้องหาทางหนี! แต่จะทำยังไงล่ะ?

หญิงสาวมองหญิงสูงวัยครู่หนึ่ง พร้อมกับข่มความหวาดกลัวเอาไว้ไม่ให้แสดงออกมา คุณป้าคนนี้ดูท่าทางใจดีนะ ลองถามคุณป้าคนนี้ดูก่อนแล้วกันนะ

คิดได้แล้วก็เอ่ยถามหญิงสูงวัยท่าทางใจดีเป็นภาษาอังกฤษ “ที่นี่ที่ไหนคะ?”

หญิงสาวถามออกไปแล้วก็มองไปรอบๆ อย่างหาทางหนีทีไล่ จึงพบว่าตัวเธอนั่งอยู่บนเตียงใหญ่กลางห้องกว้าง บนโต๊ะข้างเตียงมีนาฬิกาดิจิตอลวางอยู่ บอกเวลาตีห้าครึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!