Skip to content

เล่ห์ลีอา 3

Chapter 3 อิสมินหน้าบูด

ด้านหนึ่งของห้องมีม่านหนาสีน้ำตาลทองยาวจากเพดานจรดพื้น ซึ่งคาดว่าหลังม่านหนาคงจะเป็นหน้าต่าง อีกด้านมีโซฟายาวบุผ้าขนสัตว์สีขาวดูหนานุ่มเก้าอี้และโต๊ะกระจกแกะสลักลายเป็นเครือเถาไม้เลื้อยอ่อนช้อยชุดหนึ่งตั้งอยู่ ถัดจากโซฟาเป็นประตูไม้แข็งแรงสลักลวดลายเดียวกับโต๊ะกระจกสวยงามบานใหญ่สองบานปิดสนิท เมื่อมองอีกด้านเป็นประตูไม้สลักลายบานเดียวเปิดกว้างมองเห็นห้องน้ำบางส่วน

เมื่อกลับมามองหญิงสูงวัยที่นั่งอยู่บนเตียงซึ่งหยุดเช็ดหน้าให้ตั้งแต่เธอลุกขึ้นนั่งขยับหนีจนติดพนักหัวเตียง ใบหน้าของหญิงสูงวัยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มปนขบขันกับท่าทางระวังตัวของเธอ แต่เมื่อเธอก้มลงมองตัวเองเพราะรู้สึกโล่งๆ พิกล เธอก็ร้องลั่นทันทีเป็นภาษาบ้านเกิด “ตายแล้ว! เสื้อผ้าฉันไปไหน? แล้วใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันล่ะเนี่ย? อ่ะจึ๋ย! อย่าบอกนะว่าฉันถูก…ไปแล้ว โอ้…พระเจ้า! ใครก็ได้ช่วยบอกชั้นที!”

หญิงสาวลูบคลำสำรวจตัวเองใต้ชุดนอนลายทางตัวหลวมโพรกเป็นการใหญ่ ลืมแม้กระทั่งหญิงสูงวัยที่ยังนั่งอยู่บนเตียงไม่ห่างจากตัวเธอ

ซารีฟกลั้นหัวเราะเอาไว้เต็มที่กับท่าทางตกอกตกใจของเจ้าหล่อนที่สำรวจตัวเองยกใหญ่ แม้จะฟังภาษาที่เจ้าหล่อนพูดไม่ออกซักคำเลยก็ตาม “คิๆๆๆ…”

เสียงหัวเราะคิกๆ ของหญิงสูงวัยทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวว่ายังมีคนอยู่ในห้องร่วมกับเธอ หญิงสาวจึงสำรวมกิริยานิดนึงก่อนจะมองหญิงสูงวัยพร้อมกับเอ่ยถามคำถามเดิมที่ยังไม่ได้รับคำตอบ “ที่นี่ที่ไหนคะ?”

ซารีฟเห็นหน้าสวยหวานพยายามเก็บซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ไม่ให้นางเห็นก็นึกเอ็นดูหญิงสาวยิ่งนัก

ท่าทางของหญิงสาวชวนให้นึกถึงราชินีชารีน่าพระมารดาของเจ้าชายอิสมินมาก

กิริยาท่าทางช่างเหมือนราชินีชารีน่าจริงๆ นะแม่หนู ซารีฟคิดในใจก่อนจะตอบคำถามของหญิงสาวเป็นภาษาอังกฤษ “ที่นี่คือห้องนอนของเจ้าชายอิสมิน อัลลา ซาลาฮาดีนค่ะ เจ้าชายทรงพาคุณมาเมื่อคืนนี้”

เพียงแค่ได้ยินคำตอบเท่านั้นแหละ เสียงหวานใสก็โวยวายลั่นด้วยภาษาเดิมที่ซารีฟฟังไม่รู้เรื่อง “ห๊า! อิสมินหน้าบูดนั่นน่ะเหรอที่ลักพาตัวฉัน! หนอย! ช่างบังอาจมาลักพาตัวฉันงั้นเหรอ! เชอะ! โรคหวงพ่อท่าจะกำเริบแน่ๆ เล้ย! ย๊าก! แล้วนี่ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนฮึ! แน่จริงก็รีบออกมาดิ! แม่จะอัดให้เหลือเท่าเม็ดแอปเปิ้ลเล้ย!”

มือเล็กๆ กำแน่นฟาดใส่หมอนใบโตข้างตัวระบายอารมณ์

ซารีฟเห็นท่าทางโวยวายของหญิงสาวพร้อมกับใบหน้าสวยหวานแดงก่ำอย่างโกรธจัด แต่เพราะไม่รู้ว่าหญิงสาวพูดว่าอะไรจึงพยายามทำให้เจ้าหล่อนสงบสติอารมณ์ “คุณค้า! คุณ! ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ คุณพูดอะไรดิฉันฟังไม่รู้เรื่อง ช่วยพูดเป็นภาษาอังกฤษหน่อยค้า”

“เสียงเอะอะอะไรกันซารีฟ? ดังลั่นไปถึงข้างนอกนู้น!” เสียงห้าวทุ้มกังวาลถามพร้อมกับบานประตูห้องนอนเปิดกว้าง

เจ้าของคำถามพาร่างสูงเพรียวก้าวเข้ามาในห้องนอนด้วยใบหน้าบึ้งตึง  มองนางกำนัลอาวุโสแล้วเลยไปมองหญิงสาวบนเตียงนอนเจ้าของเสียงโวยวายดังลั่นชนิดได้ยินกันทั้งชั้นที่ประทับทำให้เขาต้องรีบเสด็จไปดู เขาสวมเพียงกางเกงขายาวไม่สวมเสื้อ เปลือยอกกว้างล่ำสันอันอุดมไปด้วยขน ชวนให้อยากลูบไล้เล่น

“หือ?” หน้าห้องนอนเหล่าองครักษ์และนางกำนัลยืนชะเง้อชะแง้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นกันสลอนเพราะได้ยินเสียงผู้หญิงโวยวายดังลั่นอยู่ในห้องนอน

เพียงแค่เห็นเจ้าชายอิสมินเท่านั้นแหละ หญิงสาวร่างบางก็แล่นลงจากเตียงนอนตรงเข้าใส่เจ้าชายหนุ่มทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้รู้ตัวแม้แต่น้อย กำปั้นเล็กๆ แต่หนักหน่วงพุ่งใส่ท้องเต็มแรง ตุ้บ!

“โอ้ย!” แม้จะเจ็บจนจุกแต่เจ้าชายอิสมินก็มือไวคว้าเอวบางคอดกิ่วของหญิงสาวเอาไว้ได้  พร้อมกับรัดร่างบางไว้ในอ้อมแขน

“กรี๊ดดดดด ปล่อยชั้นนะ! ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะอิสมินหน้าบูด!”

“ว๊ายยยยย!!!!!”

“เฮ้ยยยยย!!!!!”

เหล่านางกำนัลวี๊ดว๊ายเสียงดังลั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เหล่าองครักษ์ก็ตกใจไม่น้อยที่เจ้าชายของพวกตนถูกทำร้าย จึงกรูกันจะเข้าไปจับตัวหญิงสาวร่างบางในอ้อมแขนผู้ซึ่งบังอาจทำร้ายเจ้าชายของพวกตน “จับผู้หญิงไว้เร็ว!”

เจ้าชายอิสมินจึงหันไปตวาดใส่เหล่าองครักษ์ที่กำลังจะกรูเข้ามาในห้องนอนเพื่อจับตัวหญิงสาวร่างบางในอ้อมแขนของเขา “หยุด! ไม่ต้องเข้ามายุ่ง! หุบปากด้วย! ฉันจัดการเอง”

เหล่าองครักษ์หยุดกึกดั่งติดเบรก ABS

ส่วนพวกนางกำนัลก็หุบปากสนิทหยุดร้องวี๊ดว๊ายกันทันที

แล้วเจ้าชายอิสมินจึงหันไปตะคอกใส่หญิงสาวในอ้อมแขนที่ทั้งดิ้นทั้งโวยวายไม่หยุด “นี่เธอ! มันอะไรกันห๊า! อยู่ดีๆ ก็มาชกกันได้! ประจำเดือนไม่มารึไงห๊า!”

“ประจำเดือนมาปกติดีเฟ้ย! อิสมินหน้าบูด! ปล่อยฉันนะ! ฉันจะอัดให้น่วมเล้ย! ปล่อยซิ!” หญิงสาวตะคอกกลับส่งเสียงดังไม่แพ้กัน  พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรง

คำเรียกขานว่า ‘อิสมินหน้าบูด’ ทำให้อารมณ์กริ้วโกรธพุ่งปรี๊ดจนหน้าคมเข้มแดงก่ำ เส้นโลหิตข้างขมับเต้นตุ้บๆ ตาคมเข้มลุกโชนดั่งไฟบรรลัยกัลป์

เขาตะคอกใส่หญิงสาวในอ้อมแขนเสียงกร้าว “เธอเรียกใครว่า ‘อิสมินหน้าบูด’ ห๊า!? ยัยผู้หญิงปากพล่อย!”

“กรี๊ดดดดดดด นายว่าใครเป็นผู้หญิงปากพล่อยห๊า? ลักพาตัวชั้นมาแล้วยังมาพูดจาอย่างนี้อีกรึ! อย่างนี้ก็สวยอ่ะดิ!” ร่างบางดิ้นฮึดฮัดโกรธจนหน้าแดงก่ำ เจ้าชายหนุ่มก็กริ้วโกรธหญิงสาวในอ้อมแขนไม่แพ้กัน เขารัดหญิงสาวแน่นขึ้น

“ชิ! ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนสุดโลโซเท่ากับเธอเลยนะ กิริยาท่าทางรึก็ต่ำสิ้นดี คำพูดคำจาหรือก็โลโซสุดขีด พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนมารึไงห๊า!? ยัยผู้หญิงปากพล่อย!”

“กรี๊ดดดดดด เล่นถึงพ่อถึงแม่เลยเหรอ! พ่อแม่นายก็คงไม่ได้สั่งไม่ได้สอนนายเหมือนกันมั้ง ถึงได้มาว่าพ่อแม่คนอื่นเขาฉอดๆ แบบนี้  อ้อ…ลืมไปพ่อนายน่ะท่านสั่งท่านสอนดี๊ดี แต่นายมันงี่เง่าไม่รู้จักจำ แบบนี้ถ้าแม่นายยังอยู่คงช้ำใจตายวันละหลายๆ รอบกับพฤติกรรมสุดยอดแย่ของลูกชายคนเดียว ฉันว่าเป็นโชคดีของราชินีชาริน่าที่รีบสิ้นไปซะก่อนจะได้เห็นว่าลูกชายคนเดียวของท่านช่างมีพฤติกรรมต่ำช้าสิ้นดีไม่ต่างจากโจรถ่อยเถื่อนเลยซักกะติ๊ดเดียว ถึงได้เที่ยวมาลักพาตัวคนอื่นแบบเนี้ย!” หญิงสาวตอกกลับด้วยวาจาเฉือดเฉือน ทำให้เจ้าชายอิสมินนึกอยากจะหักกระดูกกระเดี้ยวของร่างบอบบางในอ้อมแขนให้แหลกคามือ “หนอย! คิดว่าเป็นใครมาจากไหนกันห๊า! ถึงได้กล้ามาพูดอย่างนี้ห๊า!  ยัยผู้หญิงปากเสีย! อุ้บ!”

เสียงขาดหายไปเมื่อหญิงสาวในอ้อมแขนหาทางหมุนตัวมาประจันหน้าพร้อมกับกระแทกเข่าใส่อิสมินน้อยเข้าเต็มเปา เขาจุกจนหน้าเขียวรูดลงไปกองกับพื้น จ้องมองใบหน้าสวยหวานอย่างอาฆาตแค้นสุดๆ แต่พูดไม่ออกเพราะความเจ็บจุกเหลือคณานับ

หญิงสาวเจ้าของเข่ามหากาฬยิ้มเยาะลอยหน้าลอยตาเยาะเย้ยด้วยความสะใจ “เชอะ! สมน้ำหน้า! เห็นแก่อัมมานหรอกนะไม่งั้นฉันจะเอาให้หนักกว่านี้แน่ๆ อิสมินหน้าบูด! ลาขาดล่ะนะ อุ้ย! จะบอกว่าลาขาดไม่ได้ซิ เพราะนายกะฉันยังต้องเจอกันอีกนาน!”

เยาะเย้ยเสร็จเจ้าหล่อนก็หันไปมองกราดใส่เหล่าองครักษ์และนางกำนัล  เดินเท้าเปล่าเชิดหน้าออกจากห้องนอนทั้งชุดนอนตัวหลวมโพรกอย่างไม่แคร์สายตาเหล่าองครักษ์และเหล่านางกำนัลที่จ้องมองเจ้าหล่อนเป็นตาเดียว เหล่าองครักษ์และนางกำนัลต่างถอยกรูเปิดทางให้หญิงสาวเดินผ่าน ทั้งที่อยากจะจับตัวหญิงสาวเอาไว้แต่เมื่อเจอสายตาเย็นเยียบของหญิงสาวเข้าไป ความกลัวก็พุ่งจับขั้วหัวใจจนไม่กล้าขยับตัวเข้าใกล้เจ้าหล่อน หญิงสาวเดินลอยชายออกจากที่ประทับของเจ้าชายอิสมินเดินเข้าไปในลิฟต์

หลังจากหญิงสาวออกจากห้องนอนไปแล้วซารีฟก็รีบเข้าไปพยุงเจ้าชายของตนทันที “โถ…ทูลหัวของหม่อมฉัน เป็นยังไงบ้างเพคะ?เจ็บมากไหมเพคะฝ่าบาท?”

องครักษ์และนางกำนัลกรูกันเข้าไปในห้องนอน  ล้อมหน้าล้อมหลังเจ้าชายของพวกตนเอ่ยถามจนวุ่นวาย

“ฝ่าบาทเพคะ เป็นยังไงบ้างเพคะ?”

“ฝ่าบาทครับ เป็นยังไงบ้างครับ?”

“ออกไปให้หมด! ออกไป๊! ไม่ได้ยินที่ฉันสั่งรึไงห๊า!”

แต่เมื่อเจอเสียงตวาดลั่นของเจ้าชายอิสมินที่ยังนั่งจุกกองอยู่บนพื้นทำเอาองครักษ์และนางกำนัลหน้าจ๋อยกันไปหมด

“แต่ว่าฝ่าบาท…” ซารีฟทูลแย้งแต่เมื่อสบตาดุดันจึงรีบหุบปากทันที

ทำให้เจ้าชายอิสมินลดเสียงลงด้วยเกรงใจข้ารับใช้เก่าแก่ สั่งกับนางกำนัลสูงวัยเสียงเบา “ออกไปให้หมด ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่นี้ไม่ถึงตายหรอกซารีฟ”

เขาส่งสายตาขอโทษแทนคำพูด

ซารีฟจึงทำตามพระประสงค์ของเจ้าชายหนุ่มโบกมือไล่นางกำนัลและองครักษ์ออกไป “ออกไปได้แล้ว มีงานอะไรก็ไปทำ เอ้า! ยังไม่รีบไปกันอีก เดี๋ยวฝ่าบาทก็กริ้วอีกหรอก!”

ทุกคนจึงทยอยกันออกจากห้องนอนโดยเร็ว

เจ้าชายอิสมินเรียกตัวสามองครักษ์คนสนิทเอาไว้ “ซาอิด มาลิก ราอูลอยู่ก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับพวกคุณ”

สามองครักษ์จึงอยู่ตามรับสั่งพร้อมกับช่วยกันหิ้วเจ้าชายของตนให้ไปนั่งบนเตียงนอน มีซารีฟยืนคอยรับใช้อยู่ไม่ห่าง

เจ้าชายอิสมินถามหัวหน้าองครักษ์ทันที “ซาอิดยัยผู้หญิงปากพล่อยนั่นไปไหนแล้ว?”

ซาอิดอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงอ่อย “เอ่อ…เอ่อ…ผมไม่ทราบครับ เห็นแวบๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในลิฟต์ครับ”

“ชิ! สภาพแบบนั้นเดี๋ยวก็ได้ถูกรุมโทรมกลายเป็นศพลงข่าวหน้าหนึ่งหรอก ซาอิดนายตามไปดูซิว่ายัยผู้หญิงนั่นจะไปที่ไหน? จัดการพาไปส่งบ้านให้เรียบร้อยด้วยล่ะ ส่วนมาลิกกับราอูลรีบๆ ไปหามาว่ายัยนั่นเป็นใคร? อยู่ที่ไหน? สืบมาให้ละเอียดยิบเลยนะ เร็วที่สุดด้วย เอาล่ะออกไปได้แล้วผมอยากอยู่คนเดียว”

สั่งแล้วก็เอนตัวลงนอน

ซารีฟและสามองครักษ์จึงออกจากห้องนอนโดยไม่รีรอ

เจ้าชายอิสมินกริ้วโกรธหญิงสาวยิ่งนัก เอ่ยอาฆาตแค้นด้วยความเจ็บใจที่เสียท่าหญิงสาวจนต้องเจ็บตัว ซึ่งยังไม่เท่ากับที่เขาต้องขายหน้าต่อหน้าข้ารับใช้ ก็เขาเป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทผู้เก่งกาจ แต่กลับถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำร้ายเอาซะได้ “หนอย! เผลอนิดเดียวเล่นซะเกือบสูญพันธุ์เลยนะยัยผู้หญิงปากเสีย! คอยดูเถอะ! เจอกันครั้งหน้าฉันจะเอาคืนทบต้นทบดอกเล้ย!”

ซาอิดรีบลงลิฟต์ไปยังชั้นล็อบบี้ของโรงแรม เดินหาหญิงสาวนางนั้นไปทั่วด้วยความเป็นห่วง  ก็สภาพของเจ้าหล่อนตอนออกจากที่ประทับน่ะ เห็นว่ามีเพียงเสื้อนอนตัวใหญ่เพียงตัวเดียวติดกาย ขืนปล่อยให้ไปเดินตามถนนหรือนั่งแท็กซี่กลับบ้านคงได้กลายเป็นศพอย่างที่องค์รัชทายาทพูดแน่ๆ ก็เจ้าหล่อนสวยซะขนาดนั้น แถมสภาพเสื้อผ้าก็ช่างล่อแหลมยิ่งนัก แต่มองหาจนทั่วล๊อบบี้ก็ไม่เห็นเจ้าหล่อนเลยแม้แต่น้อย

“หายไปไหนนะ? ก็พึ่งจะออกจากที่ประทับมาแป๊ปเดียวเอง ถ้าจะเรียกแท็กซี่ก็น่าจะยังอยู่นี่หว่า? ไปไหนของเขากันนะ? นี่ๆ มีใครเห็นผู้หญิงผมยาวๆ สีบรอนซ์ หน้าสวยๆ รูปร่างผอมๆ ตัวสูงๆ บางๆ ใส่ชุดนอนตัวเดียวมั่งไหม?” ซาอิดถามพนักงานต้อนรับชายสองนายซึ่งเดินเตร่ไปเตร่มาแถวหน้าเคาน์เตอร์ แต่ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วตอบเป็นเสียงเดียวกันทันควัน “ไม่เห็นครับท่านซาอิด”

“พวกนายสองคนอยู่แถวนี้ตลอดเวลาเลยรึ?” ซาอิดถามพร้อมกับสอดส่ายสายตาหาผู้หญิงคนนั้นไปทั่ว พนักงานสองคนรีบตอบ “พวกเราอยู่นี่ตลอดเวลาไม่ได้ไปไหนเลยครับ แต่ยังไม่เห็นผู้หญิงลักษณะตามที่ท่านซาอิดบอกเลยครับ”

เมื่อได้รับการยืนยันหนักแน่นซาอิดจึงเร่ไปถามหากับพนักงานคนอื่นทันที แต่ถามพนักงานจนหมดทั้งล็อบบี้แล้วก็ไม่มีใครเห็นหญิงสาวลักษณะดังกล่าวเลย หัวหน้าองครักษ์เลยเกาหัวแกรกๆ  ด้วยความมึนงง “หายไปไหนนะ?”

“ท่านซาอิดครับเจอผู้หญิงตรงกับลักษณะที่ท่านซาอิดบอกแล้วครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยนายหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาบอก ทำให้ซาอิดหูผึ่งทันที “เจอแล้วรึ? อยู่ที่ไหน?”

“ที่ประทับขององค์อัมมานชั้นบนสุดเลยครับ ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นว่าเธอกดลิฟต์ขึ้นไปที่ประทับขององค์อัมมานครับ เธอไม่ได้ลงมาข้างล่างนี่เลยครับ”

คำตอบของพนักงานรักษาความปลอดภัยทำให้ซาอิดใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาเอ่ยขอบใจพนักงานคนนั้นแล้วก็รีบเดินลิ่วไปเข้าเฝ้าเจ้าชายอิสมินโดยเร็ว “เวรแล้วซิ! ท่าทางข่าวที่ว่าเจ้าหล่อนสนิทสนมกับองค์อัมมานท่าจะจริง ถึงขนาดขึ้นที่ประทับขององค์อัมมานได้อย่างนี้ไม่ธรรมดาแล้ว! ซวยแน่ๆ เลยตู! หัวจะหลุดจากบ่าไหมเนี่ย!?”

ขณะที่ซาอิดกำลังจะไปเข้าเฝ้าเจ้าชายอิสมิน  ก็ถูกมาลิกและราอูลเรียกเอาไว้ก่อนจะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน “ท่านซาอิดขอรับ เรื่องผู้หญิงคนนั้นน่ะครับ พวกผมสืบมาได้บ้างแล้วครับ”

“ดีเลย งั้นรีบไปเฝ้าเจ้าชายพร้อมๆ กันเลย” องครักษ์ทั้งสามจึงรีบไปเข้าเฝ้าเจ้าชายอิสมินทันที

เมื่อองครักษ์คนสนิทอยู่ต่อหน้า เจ้าชายหนุ่มก็รับสั่งถามอย่างร้อนใจ “ได้อะไรมาบ้าง? รีบๆ เล่ามาเร็ว ๆ”

มาลิกจึงทูลรายงานก่อน “จากคีย์การ์ดโรงแรมของผู้หญิงคนนั้นเป็นคีย์การ์ดที่ประทับขององค์อัมมานครับ เรื่องคีย์การ์ดใบนั้นยังไม่เท่าไหร่ครับ ที่สำคัญคือทางระบบรักษาความปลอดภัยยืนยันว่าลายนิ้วมือของเธอได้รับการสแกนเก็บไว้ในฐานข้อมูลมีความสำคัญเทียบเท่ากับองค์อัมมานและฝ่าบาทเลยครับ”

“เฮ้ย! เทียบเท่ากับผมและเสด็จพ่อ! งั้นก็หมายความว่ายัยนั่นเข้านอกออกในโรงแรมแกรนด์เอจาได้ทุกสาขาทุกชั้นเลยซิ จะเป็นไปได้ยังไง? ทำไมผมถึงไม่เคยรู้มาก่อนล่ะ?” เขาอุทานดังลั่นอย่างตกใจ

ราอูลจึงรีบทูลรายงาน “ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ ยังรวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยทุกอย่างด้วยครับ เมื่อสักครู่ก็ได้รับการยืนยันจากระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในที่ประทับขององค์อัมมาน เธอไม่ได้ใช้คีย์การ์ดครับ แต่เธอใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือเข้าไปครับ”

“ภาพจากกล้องก็ยังยืนยันว่าเธอออกจากที่ประทับของฝ่าบาทแล้วขึ้นไปยังที่ประทับขององค์อัมมานครับ คือว่าเธออยู่ข้างบนนี่เองครับ ไม่ได้เดินลงไปข้างล่างเลย เธอยังอยู่ข้างบนนี่เองยังไม่ได้ไปไหนเลยครับ” ซาอิดทูลรายงานพร้อมกับชี้นิ้วขึ้นไปบนเพดานเสียงอ่อย

ทำให้ทุกคนต่างแหงมองขึ้นไปบนเพดานแล้วหันมามองหน้ากัน องครักษ์ทั้งสามต่างกลืนน้ำลายกันหลายเอื๊อก “…”

ทั้งสามต่างคิดตรงกันเป็นเสียงเดียว โธ่ถัง…ถ้าองค์อัมมานทรงทราบเรื่องเข้า หัวหลุดจากบ่าแน่ๆ เลยตู  โทษฐานไม่ดูแลเจ้าชายให้ดีปล่อยให้มีเรื่องกับผู้หญิงคนนั้นได้ โธ่…แล้วนี่แม่เจ้าประคุณเป็นใครกันหนอ? ขนาดเข้านอกออกในที่ประทับขององค์อัมมานได้ขนาดนี้  ขนาดตูยังเข้าไม่ได้เล้ย! ถ้าไม่ได้รับอนุญาตก่อน สงสัยว่าคงเป็นสนมของพระองค์แน่ๆ เลย ท่าทางคงจะเป็นสนมคนโปรดด้วย โอ้…หรือว่าเธอคือผู้หญิงที่พวกนางกำนัลลือกันว่าเป็นคนรักขององค์อัมมาน ต้องใช่คนนี้แน่ๆ ที่พวกนั้นลือว่าองค์อัมมานทรงโทรหาทุกวัน โธ่…คอขาดแน่ๆ เลยตู!

เจ้าชายอิสมินทรงละสายตาจากเพดานด้านบน หน้าบึ้งตึง  คิดในใจอย่างเคืองแค้น หนอย! นี่ถึงขนาดว่าอยู่กับเสด็จพ่อเลยรึ! ชิช่ะ! มันจะมากไปแล้วนะ เสด็จพ่อนะเสด็จพ่อ! ไหนว่าจะรักมั่นคงต่อเสด็จแม่ไปจนสิ้นพระชนม์ยังไงล่ะ! ปันใจให้ผู้หญิงคนอื่นนอกจากเสด็จแม่ได้ยังไงครับ!? นี่คงจะทรงหลงมันมากเลยล่ะซิท่า มันถึงได้กำเริบเสิบสานกับลูกถึงขนาดนี้ คอยดูเถอะ! เดี๋ยวน่าดู!

เจ้าชายอิสมินลุกจากเตียงนอนทำให้องครักษ์ทั้งสามนายรีบถาม “จะเสด็จไหนหรือครับ?”

“ข้างบน!” เจ้าชายอิสมินตอบเสียงเหี้ยมเกรียมแล้วก็ย่างก้าวเดินตึงๆ หน้าบึ้งดั่งยักษ์ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้องครักษ์ทั้งสามใจหายวาบ  รีบตามเสด็จไปรั้งเอาไว้ก่อนที่จะพ้นห้องนอนออกไป “ฝ่าบาทครับ ได้โปรดอย่าเสด็จเลยครับ พวกผมยังไม่อยากเป็นผีหัวขาดนะครับ ถ้าองค์อัมมานทรงทราบเรื่องเข้าพวกผมหัวขาดแน่ๆ  ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นพระสนมขององค์อัมมานก็ได้นะครับ หรือไม่ก็ต้องเป็นคนที่พวกนางกำนัลลือว่าเป็นคนที่องค์อัมมานทรงโทรศัพท์หาทุกวันแน่ๆ ครับ  อย่าเสด็จเลยครับ”

“ก็เพราะอาจจะเป็นพระสนมของเสด็จพ่อหรือไม่ก็เป็นคนที่เสด็จพ่อโทรหาทุกวันตามที่พวกนางกำนัลพูดถึงน่ะซิ ผมถึงจะไปถามพวกนางกำนัลของเสด็จพ่อให้มันรู้เรื่องไปเลย ถ้าใช่จริงๆ ผมจะได้เปิดสงครามไล่หล่อนให้กระเจิงไปจากเสด็จพ่อซะเลย เสด็จพ่อจะรักใครไม่ได้นอกจากเสด็จแม่ของผมคนเดียว! พวกคุณอย่ามาขวาง หลีกไป!” เจ้าชายอิสมินตวาดใส่สามองครักษ์แล้วเดินไปทันที

องครักษ์ทั้งสามได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้จะทำเช่นไรนอกจากรีบตามเสด็จโดยเร็ว โธ่…องค์อัมมานก็พึ่งจะเสด็จกลับเอจาไปแล้ว  แล้วนี่ใครจะคอยห้ามทัพล่ะเนี่ย?

ณ หน้าที่ประทับของกษัตริย์อัมมาน อัลลา ซาลาฮาดีน เจ้าชายอิสมินทาบมือลงบนเครื่องสแกนลายนิ้วมือเพื่อเปิดประตูด้านหน้าที่ประทับของพระบิดา ซึ่งมีเพียงเขาและพระบิดาเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ แต่บัดนี้กลับมีผู้ใช้ได้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนนั่นก็คือหญิงสาวนามลีอา มิยาโบวิทซ์

เมื่อบานประตูเปิดออกเจ้าชายหนุ่มก็เสด็จเข้าไปทันทีตามด้วยองครักษ์คนสนิททั้งสามนาย เจ้าชายอิสมินได้ยินเสียงหวานใสพูดคุยเจื้อยแจ้วดังมาจากห้องโถงทำให้เขาหยุดชะงัก พร้อมกับยกมือห้ามมิให้องครักษ์ทั้งสามส่งเสียง

“นายหน้าบูดของอัมมานโตแต่ตัวจริงๆ ไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นลูกแหง่หวงพ่อซักที ทั้งๆ ที่อายุก็มากแล้วนะยังหวงพ่อเป็นเด็กๆ ไปได้ คนอะไรโตแต่ตัว แต่สมองฝ่อเท่าแมงหวี่”

เจ้าชายอิสมินรู้สึกกริ้วจนเส้นโลหิตเต้นตุ้บๆ อีกรอบ สาวเท้าจะเสด็จไปหาเจ้าของเสียงหวานใสที่ช่างกล้าวิจารณ์เขาปาวๆ แต่ก็ต้องหยุดกึกทันทีเมื่อได้ยินเสียงห้าวถาม ซึ่งเจ้าชายอิสมินจำได้แม่นยำว่าเป็นเสียงของพระบิดา

“นี่ลีอาเจออิสมินแล้วเหรอ?”

คิ้วเข้มจึงขมวดเป็นปมทันที เอ๋…ก็ไหนว่าเสด็จพ่อเสด็จกลับเอจาตั้งแต่เช้ามืดแล้วยังไงล่ะ? แล้วทำไมยังทรงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?

เสียงหวานใสตอบพร้อมกับฟ้องไปในตัวน้ำเสียงสะบัดเล็กน้อย “เจอแล้วเพคะ อัมมานรู้ไหมว่านายนั่นร้ายขนาดไหน ถึงขนาดลักพาตัวลีอาเลยนะเพคะ”

“หือ…ลักพาตัว? มันเรื่องอะไรกันหือลีอา? ไหนเล่าให้ฉันฟังให้ละเอียดซิ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!