บทที่ 100 กักขัง
ตอนที่หลานเฟิงฟื้นขึ้นมาอีกครั้งรูปสลักที่ทั้งแปลกตาและคุ้นเคยบริเวณเหนือหัวนั้นเรียกความทรงจำของเขาทีละฉากๆ มีทั้งดี ทั้งไม่ดี มีทั้งหอมหวาน มีทั้งอบอุ่น และมีทั้งเจ็บปวด
นี่วันที่สามแล้ว เป็นวันที่สามนับตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาบนเตียง ตอนแรกเขาถูกแจ้งว่าหากไม่ตามจิ้งจอกราตรีกลุ่มนั้นมาหลานเยี่ยจะมีอันตรายแก่ชีวิต เพื่อหลานเยี่ยเขาเองต้องโยนกระบี่ทิ้งอย่างจนปัญญา ถูกจิ้งจอกราตรีกลุ่มนั้นสะกดพลัง แม้กระทั่งทำให้เขาสลบไป
คิดไปถึงภาพเหตุการณ์วันแรกที่เขาฟื้นขึ้นมา หลานเฟิงรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง จนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็ไม่ได้มีวี่แววว่าจะดีขึ้น
ในวันที่เขาตื่นขึ้นมาหลังถูกจับนั้นเขาพบว่าตนเองนอนอยู่ในสถานที่แปลกถิ่นแต่ไร้ซึ่งความรู้สึกแปลกแยก เขานอนอยู่บนเตียงกวาดตามองไปรอบห้องครั้งหนึ่งก็ต้องพบว่าที่นี่คือตระกูลเยี่ย อีกทั้งยังเป็นห้องที่เขาเคยพักอาศัยมาก่อน
ที่นี่แต่เดิมน่าจะถูกรื้อถอนออกไปหลังจากที่ชิวหลีฆ่าพ่อแม่ของเขาแล้วจับเขาไป เป็นใครที่สร้างมันขึ้นมาใหม่? อีกทั้งการประดับตกแต่งภายในห้องก็เหมือนกับแต่ก่อนทุกกระเบียดนิ้ว ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หลานเฟิงไม่เข้าใจคิดจะลุกขึ้นมาสำรวจดูนั้นกลับพบว่าเมื่อออกแรงที่ไหล่แล้วนั้นก็อ่อนแรงลง ล้มลงบนพื้นอย่างแรง เขาพยายามออกแรงลุกขึ้นมาเองแต่ก็ต้องพบว่าทั้งร่างไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ทำได้แค่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น
เขาคิดจะขับเคลื่อนกระแสพลังมาสำรวจสถานการณ์ร่างกายตนเอง แต่ก็ต้องยอมรับอย่างจนปัญญาว่าภายในร่างกายนั้นไม่มีพลังเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ทดลองหลายครั้งแล้วไม่เกิดผลหลานเฟิงจึงถอดใจ ดูท่าทางตนเองถูกบังคับให้กินยาบางอย่างลงไป จึงไม่อาจควบคุมตนเองได้
หลานเฟิงคิดจะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอก คิดอยากออกไปหาหลานเยี่ย แต่มือทั้งสองข้างของเขาไม่อาจรับน้ำหนักตัวได้ ทำได้เพียงแค่คลานออกไปข้างนอกทีละน้อย ทั้งร่างกายไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อยเขาคลานออกไปอย่างยากลำบากและเชื่องช้า
นิ้วทั้งสิบบนสองมือนั้นไม่มีเรี่ยวแรง แม้แต่จะขยับไปข้างหน้าก็ยังทำไม่ได้ เขาเหงื่อท่วมตัว หอบหายใจไม่หยุด คลานไปเล็กหน่อยก็ต้องหยุดพักผ่อนครู่หนึ่ง จากนั้นถึงลุกขึ้นมาคลานต่อไป
การกระทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้ เวลาครึ่งชั่วยามผ่านไปเขาก็ยังขยับออกไปได้ไม่เกินระยะหนึ่งก้าวเดิน ต่อให้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังคงมุ่งมั่น
ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา ชิวอวี้เข้ามาในห้องเห็นหลานเฟิงที่คลานอยู่บนพื้นก็รีบวิ่งเข้าไป รีบอุ้มเขามาไว้บนเตียง
“ท่านพี่เย่ว์ ท่านฟื้นแล้ว มีตรงไหนที่ไม่สบายอีกหรือไม่ ข้าจะให้ฉีเย่ว์มาดูท่าน”
“อวี้เอ๋อร์ ทำไมถึงเป็นเจ้า?” ตอนแรกเริ่มเพิ่งจะพูดไปประโยคหนึ่ง หลานเฟิงก็นิ่งอึ้งไป เรียกสรรพนามนี้ออกมาด้วยความเคยชิน
“ท่านพี่เย่ว์ ดีมากจริงๆ ท่านยังเรียกอวี้เอ๋อร์เช่นนี้ ท่านพี่เย่ว์ ท่านไม่ได้รังเกียจอวี้เอ๋อร์”
“ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ห้องห้องนี้มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทั้งร่างของข้าถึงไม่มีแรง” ชิวอวี้หรืออะไรก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญก็คือทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ ที่สำคัญก็คือหลานเยี่ยอยู่ที่ไหน
“ท่านพี่เย่ว์ เป็นข้าที่ให้คนพาท่านมาที่นี่ นับตั้งแต่ที่ได้พบหน้ากันที่เมืองหลวง ข้าก็ไม่ได้พบท่านพี่เย่ว์อีกเลย อวี้เอ๋อร์คิดถึงท่านอย่างมาก”
“ทำไมข้าถึงเป็นเช่นนี้ หลานเยี่ยอยู่ที่ไหน? คนที่จับหลานเยี่ยไปเป็นเจ้าใช่หรือไม่?”
“ข้ากลัวว่าท่านพี่เย่ว์จะห่างอวี้เอ๋อร์ออกไปไกลอีก ดังนั้นจึงให้ท่านพี่เย่ว์กินยาไปเล็กน้อย พี่เย่ว์วางใจเถิด ไม่เป็นอะไร พี่เย่ว์เพียงแค่ร่างกายไม่มีแรง ไม่สามารถขับเคลื่อนกระแสพลังได้เท่านั้นเอง หลังจากนี้ไปจะเป็นเช่นนี้อวี้เอ๋อร์จะมาดูแลพี่เย่ว์ พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่แยกจากกันไปไหนตลอดกาล” ชิวอวี้กอดหลานเฟิงเอาไว้ ดีใจเหมือนเด็กน้อย
‘อ่า ก็เป็นเด็กน้อยจริงๆ อายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น’



