Skip to content
Home » Blog » ใต้ม่านรัตติกาล 108

ใต้ม่านรัตติกาล 108

บทที่ 108 โลกแห่งจินตนาการ

เมื่อถึงเวลากลางวันหลานเฟิงก็ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ชิวอวี้นอนราบอยู่ข้างตัวเขา หางตานั้นยังมีหยดน้ำตาติดอยู่ หลานเฟิงลุกขึ้นนั่งมองอยู่ ครู่หนึ่งก็ยื่นมือออกไป ลังเลอยู่ชั่วครู่สุดท้ายก็เช็ดน้ำตาของเขาให้แห้งลง

หลานเฟิงไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วตนเองคิดอย่างไรกันแน่ เขาลังเลอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ทำไมคนข้างกายของตนถึงต้องย่างก้าวเข้าสู่ความดำมืดอย่างเต็มตัว เป็นปัญหาของศีลธรรมหรืออย่างไร?

บอกว่าตอนนี้เป็นผลลัพธ์ของเมล็ดพันธุ์ที่ถูกปลูกไว้เมื่อพันปีก่อน บอกว่าเป็นความผิดของชิวหลี แต่จะไม่ใช่ความผิดของคนบนโลกเลยอย่างนั้นหรือ? ไม่มีความอยาก ก็ไม่มีการทำร้าย ไม่มีการฆ่าแกง ไม่มีความดำมืด และไม่มีสิ่งที่เรียกว่าใจคน

“อวี้เอ๋อร์ หวังว่าเจ้าจะไม่ทำเช่นนี้ต่อไป บนโลกใบนี้ข้าเพียงหวังให้เจ้าใช้ชีวิตต่อไปอย่างปลอดภัย ข้าไปแล้ว ฉีเย่ว์ดีต่อเจ้า อย่าได้ละทิ้งเขา”

หลานเฟิงพูดออกมาเบาๆ สองสามประโยค แล้วยังมีประโยคสุดท้ายที่ไม่ได้พูดออกมา

ในใจของข้ามีหลานเยี่ยแล้ว แต่เจ้าเองก็อยู่ในใจข้า เป็นเด็กที่น่ารักและบริสุทธิ์ไปตลอดกาล น้องชายของข้า

หลานเฟิงหยิบกระบี่และขลุ่ยไม้มาถือเอาไว้ ออกจากประตูไปเงียบๆ จากนั้นก็ปิดประตูเสียงเบา ด้านนอกประตูมีฉีเย่ว์ยืนอยู่ เหมือนว่าตั้งใจมารอเขาโดยเฉพาะ

“เจ้าจะไปหาเขาหรือ”

หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมนิสัยของอวี้เอ๋อร์ถึงได้กลายเป็นไม่มั่นคง”

ฉีเย่ว์ไม่สนใจความนิ่งเงียบของหลานเฟิง พูดต่อไป

“แม้ว่าจะมีสาเหตุจากการจากไปของชิวหลี แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่สำคัญที่สุด ยังเป็นเพราะเจ้า เจ้าให้ความหวังที่สวยงามเกินไปกับเขาตอนเป็นเด็ก ทำให้เขามีความหวังในการมีชีวิตต่อไป แต่เจ้าก็ใจร้ายทิ้งเขาไป

แม้เจ้าจะอยู่ที่ตระกูลหลาน แต่หากเจ้าต้องการ หลานชิงก็จะให้เจ้าได้พบอวี้เอ๋อร์ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาในใจของเจ้าก็มีเพียงหลานเยี่ยคนเดียวเท่านั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลายปีมานี้อวี้เอ๋อร์ใช้ชีวิตในตระกูลเยี่ยให้ผ่านมาได้อย่างไร

ชิวหลีไม่สนใจเขา มีเพียงเวลาที่ต้องการเขาเท่านั้นถึงจะคิดถึงขึ้นมา เขาโดดเดี่ยวอยู่ในห้องเพียงลำพัง บ่าวรับใช้ก็ปฏิบัติกับเขาไม่ดี เขาที่แต่เดิมก็ไม่สมประกอบอยู่แล้ว อาการป่วยก็ยิ่งย่ำแย่ลงเรื่อยๆ เขาที่แต่เดิมสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบห้าปี ตอนอายุสิบสามก็ใกล้จะไม่รอดแล้ว

ตอนนั้นข้ามาถึงตระกูลเยี่ย นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าเจอเขา ข้าเจอเขามานับครั้งไม่ถ้วน ตอนที่เขายังเป็นเด็กอายุหกปีข้าเคยบังเอิญพบเขาที่พระราชวังครั้งหนึ่ง ตอนนั้นข้าคิดว่า อ่า นี่อาจจะเป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์บนลงใบนี้แล้วกระมัง

ตั้งแต่นั้นมาข้าก็สนใจเขามาโดยตลอด ข้าขอร้องเสด็จพ่อให้ข้าได้เจอเขาบ่อยๆ แต่เดิมเสด็จพ่อเองก็ถูกตระกูลเยี่ยควบคุม การที่ผูกสัมพันธ์กับคนตระกูลเยี่ยนั้นเป็นเรื่องจำเป็น อีกทั้งเขายังเป็นผู้นำตระกูลเยี่ยในอนาคต

ดังนั้นเสด็จพ่อจึงสร้างโอกาสให้ข้าหลากหลายครั้ง ข้าเองก็ได้พบเขาหลายครั้ง แต่เขาอาจจะลืมไปแล้วกระมัง อย่างไรในตอนนั้นในใจของเขาก็มีเพียงเจ้า ข้าพบเห็นความเปลี่ยนแปลงทางนิสัยของเขาในโอกาสที่บังเอิญครั้งหนึ่ง

ในตอนนั้นยังเป็นเพียงขั้นต้นเท่านั้น ยังไม่รุนแรงขนาดนี้ อีกทั้งส่วนใหญ่เขาก็ยังคงรักษาความเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย

แต่สองปีผ่านไป ตอนที่ข้าได้พบเขาอีกครั้ง เขาก็แบ่งตัวออกเป็นตัวคนเป็นสองแบบแล้ว อีกทั้งที่น่ากลัวที่สุดก็คือคนที่อยู่ในโลกความเป็นจริงนั้นคือตัวตนที่เย็นชาและไร้ความหวัง มีเพียงในโลกที่มีเจ้าที่เขาสร้างขึ้นมาเท่านั้นเขาถึงยังเป็นเด็ก

และในตอนนั้นชิวหลีก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป ส่วนใหญ่ที่ได้พบเขานั้นเขาล้วนเป็นเด็กคนหนึ่ง เขาขังตัวเองเอาไว้ในกรงขังที่เป็นของตัวเอง ไม่ยอมออกมา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!