Skip to content
Home » Blog » ใต้ม่านรัตติกาล 132

ใต้ม่านรัตติกาล 132

บทที่ 132 บรรเลงทำนองเพื่อเจ้า

“ข้าสามารถบรรเลงบทเพลงให้เจ้าบทหนึ่งได้หรือไม่ ถือว่าเห็นเจ้าเป็นเขา” หลานเฟิงน้ำเสียงแหบแห้ง ทำให้หลานเยี่ยอึ้งตะลึงไป หลังจากนั้นไม่นานก็ยิ้มพลางส่งขลุ่ยหยกให้เขา

เจ้ายังคงชอบยิ้มเหมือนเดิม

หลานเฟิงรับขลุ่ยหยกไป ค่อยๆ เป่าขึ้นมา เสียงขลุ่ยที่คุ้นเคยเริ่มดังขึ้น รอยยิ้มของหลานเยี่ยยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ บทเพลงบทหนึ่งจบลงไปหลานเยี่ยกลับมีสีหน้ามืดคล้ำ

“บทเพลงนี้นอกจากมู่หลีแล้ว ข้าน่าจะไม่เคยเป่าให้ใครได้ยินมาก่อน เจ้ารู้มาจากที่ใด เส้นสายในจิ่วหลิวมีมากมายนัก เจ้าถือเป็นฝ่ายไหน ทำไมทั้งๆ ที่รู้เรื่องราวของข้าอยู่แล้วยังจะต้องให้ข้าพูดเองอีกครั้งหนึ่ง” หลานเยี่ยจับตามองหลานเฟิงนิ่ง เหมือนกับผิดหวัง เหมือนกับมีความแค้นความอาฆาตที่ลึกล้ำ เหมือนกับไม่เชื่อใจเป็นอย่างมาก

หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร เป่าขลุ่ยต่อไป เสียงของขลุ่ยเปลี่ยนแปลง แต่ตอนที่กำลังเป่าถึงจุดสำคัญข้างนอกก็มีเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นมา

หลานเฟิงลุกขึ้นพลางเดินไปดูข้างนอก หลานเยี่ยตามมาด้านหลัง นอกจากอิ้งฮวาเว่ยแล้ว ตรงกำแพงสวนก็พบคนสองคนนอนอยู่ตรงนั้น

“จิ่วหลิวมีสายลับอยู่ทั่วพื้นที่ พวกเขาใช่ แต่ข้าไม่ใช่ พวกเขาคนหนึ่งเป็นคนที่มู่หลีส่งมาคุ้มครองเจ้า อีกคนเป็นคนที่ตระกูลเยี่ยส่งมาจับตาดูข้าและเจ้า บทเพลงที่สองเมื่อครู่นี้ก็เพื่อจะทำให้พวกเขาล้มลง”

“จะให้ข้าเชื่อใจเจ้าได้อย่างไร”

“เช่นนั้นหลังจากนี้คุณชายจะทำตามที่ข้าบอกได้หรือไม่”

“ข้าต้องการเหตุผลที่เชื่อถือได้”

“ข้าจะให้ท่าน”

ทั้งสองคนกลับมาที่เดิมที่เคยนั่ง หลานเฟิงให้หลานเยี่ยนั่งลง หลานเยี่ยก็ทำตาม

“ตอนนี้ให้หลับตาลง รวบรวมสมาธิ ค่อยสัมผัสถึงไข่มุกเม็ดหนึ่งที่อยู่ในหัวใจ รอบข้างมันมีกระแสพลังสีฟ้าล้อมรอบ ตอนนี้เขาเชื่อฟังคำเจ้า ดึงดูดเขาขึ้นมา ค่อยๆ นำกระแสพลังออกมาตามชีพจร คิดจินตนาการว่ามันบำรุงร่างกายของเจ้า ผ่านข้อศอก ค่อยๆ รวบรวมไปที่มือของเจ้า”

หลานเฟิงพูดช้าๆ หลานเยี่ยทำตาม

“ลืมตาเถิด ดูบนมือของเจ้า”

หลานเยี่ยลืมตาขึ้นมา พบว่าบนมือนั้นมีกระแสพลังสีฟ้าอยู่กลุ่มหนึ่ง เขาไม่คิดเชื่อ ตนเองจะมีกระแสพลังได้อย่างไร

“ทำไมข้าถึงมีกระแสพลัง” หลานเยี่ยมองหลานเฟิงด้วยความสงสัย หลานเฟิงขับพลังเล็กน้อยมาไว้บนมือ

“พลังของข้าเป็นสีม่วง ดังนั้นจึงไม่ใช่ข้าทำการตุกติก อีกทั้งร่างกายคนเมืองหลวงเองก็ไม่มีทางที่จะรองรับกระแสพลังได้ กระแสพลังนี่สามารถพูดได้ว่าเป็นของตัวเจ้าเอง และพูดได้ว่าเป็นของมุกหลิว”

“มุกหลิว? มุกหลิววั่งอย่างนั้นหรือ นั่นไม่ได้อยู่ที่นายน้อยตระกูลหลานอย่างนั้นหรือ”

“เจ้าคือนายน้อยตระกูลหลาน”

“ล้อเล่นอะไรกัน ข้าเป็นลูกชายของผู้นำเมืองหลวง จะเป็นนายน้อยตระกูลหลานได้อย่างไร”

“กระแสพลังแต่เดิมของเจ้าถูกกักไว้ ทำให้ร่างกายของเจ้าไม่อาจสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของมุกหลิว ทำให้ข้าสัมผัสไม่ได้ไปด้วย วันนี้ข้าจะสอนเจ้าดึงกระแสพลังใหม่อีกครั้ง กระแสพลังเหล่านี้เป็นของมุกหลิว ไม่ใช่ของตัวเจ้าเอง หากเจ้าไม่เชื่อก็ดูซะ”

พูดไปพลางหลานเฟิงก็ขับมุกวั่งออกมาจากหัวใจ กระแสพลังสีม่วงที่ล้อมรอบอยู่นั้นรวมตัวเข้าหากัน จากนั้นก็เรียกมุกหลิวออกมาจากหัวใจของหลานเยี่ย ไข่มุกทั้งสองเม็ดประสานสอดแสงเข้าหากันทำให้หลานเยี่ยไม่กล้าเชื่อ

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าจะบอกข้าว่าความทรงจำเกือบยี่สิบปีของข้าเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ หรือว่า…”

“หากความทรงจำอันแท้จริงของเจ้าพังยับเยิน เจ็บปวดไม่น่ามองเจ้าจะรับได้หรือไม่ หรือจะเป็นเช่นนี้ต่อไป มีชีวิตอยู่ในคำโกหกที่มู่หลีสร้างขึ้นมาเพื่อเจ้า หากแต่เดิมยังมีคนที่คอยเจ้า เจ้าจะทำเช่นไร” ตอนนี้หลานเยี่ยสับสนอย่างมาก ไม่รู้จะตอบเช่นไร และไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองคิดอย่างไรกันแน่

“หลังจากนี้ข้าจะเล่าเรื่องหนึ่งให้ฟัง อย่าพูดขัดข้าขึ้นมาระหว่างที่ข้าเล่าได้หรือไม่” หลานเฟิงพูดขอร้องหลานเยี่ย หลานเยี่ยนิ่งเงียบยอมรับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!