บทที่ 142 สิ่งที่เรียกว่าความคิด
หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร หลานเยี่ยเองก็ไม่ไล่ถามอีก ดังนั้นทั้งสองคนจึงนิ่งเงียบอยู่เช่นนี้ นิ่งเงียบเสมือนเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่สุด
“ไม่พูดอะไรหน่อยหรือ” หลานเยี่ยเอ่ยปากขึ้นก่อน ทำลายความเงียบลง
“บอกข้าได้หรือไม่ นับตั้งแต่เจ้าฟังเรื่องราว นับตั้งแต่เจ้ามาถึงเขาหลานวั่งในใจของเจ้าคิดอย่างไร” หลานเฟิงกลับย้อนถามหลานเยี่ย
“ไม่ทราบเช่นกัน ข้าเองก็ไม่ทราบว่าตนเองคิดอย่างไร ข้าทราบแค่เพียงข้าล้วนคุ้นเคยอย่างมากกับทั้งหมดนี่ เหมือนกับข้าเคยประสบพบพานมากับตนเอง จากนั้นข้าก็ยังคงสงสัย สำหรับแท้จริงแล้วคิดอย่างไรข้าเองก็ไม่เข้าใจ”
หลานเยี่ยหมุนตัวเดินออกมาจากทางเดินเส้นนั้น หลานเฟิงตามมาข้างหลัง ทางเดินคับแคบที่ปรากฏขึ้นมากลางอากาศก็หายวับไปกลางอากาศอีกครั้ง
“สงสัยอะไร จากที่ข้าดูก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยแล้ว เจ้าคือหลานเยี่ย ก็คือหลานเยี่ย ไม่ใช่คนอื่น เหตุใดจึงต้องสงสัย”
“เจ้าไม่ควรกล่าวเช่นนี้ออกมา หากข้าเป็นหลานเยี่ยเช่นที่เจ้าพูด สองครั้งที่ข้าสูญเสียความทรงจำ เจ้าล้วนเห็นเป็นประจักษ์พยานกับตนเอง เจ้าควรจะเข้าใจความรู้สึกของข้า ความไม่สงบของข้ามากที่สุด แต่เจ้ากลับพูดเช่นนี้”
“ขอโทษ”
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ เจ้าเพียงร้อนใจเท่านั้นเอง”
“เช่นนั้นเจ้าคิดอยากกลายเป็นหลานเยี่ยผู้นั้นหรือไม่ กลายเป็นคนเดิมของเจ้า หากเจ้ายินยอมข้าจะคิดหาวิธีต่างๆ ฟื้นฟูความทรงจำของเจ้า”
“ยินยอมหรือไม่อย่างนั้นหรือ ไม่ว่าข้าจะยินยอมหรือไม่แลดูว่าจุดจบก็ถูกกำหนดไว้แล้วกระมัง ในเมื่อสามารถหาวิธีทำให้ข้าฟื้นฟูความทรงจำได้ แล้วทำไมยังต้องให้ข้าเลือกเองด้วย ฟื้นฟูความทรงจำให้ไปเลย ทำให้ข้ากลายเป็นหลานเยี่ยคนที่เจ้าต้องการคนนั้นไปเลยไม่ดีกว่าหรือ”
“นั่นก็เพราะว่า…”
“เพราะว่าอะไร เพราะกลัวว่าหลานเยี่ยจะไม่ให้อภัยเจ้าหรือ พูดตามจริง หากข้าเป็นหลานเยี่ยผู้นั้นข้าเองก็ไม่ยกโทษให้เจ้า เจ้าทำร้ายคนที่หลานเยี่ยรักที่สุด ไม่อาจให้อภัยได้”
“เพราะเจ้าในตอนนี้มีความสุขเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าคนเดิมแบกรับมากเกินไป เพราะการฟื้นฟูความทรงจำจะทำให้เจ้าเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยไป เพราะเจ้าคนเดิมไม่อาจทำตามใจตนเองได้ หากเป็นไปได้ เจ้าสามารถเป็นเช่นนี้ไปได้ตลอด แต่ข้าทำไม่ได้ ข้าเห็นแก่ตัวมาก ข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่กับมู่หลี ข้าอยากครอบครองเจ้า เข้าใจหรือไม่ ครอบครอง”
“ครอบครองคือความรักที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ” หลานเฟิงพูดออกมามากมายเช่นนี้ทำให้หลานเยี่ยรู้สึกดีใจไม่น้อย แต่เดิมจิตใจที่สับสนอย่างมากเมื่อออกมาจากการไปหาหลานชิง แล้วหลานเฟิงยังมาพูดเช่นนี้ทำให้เขาเคืองใจขึ้นมาในทันใด
“ข้าไม่รู้ แต่ข้ารู้ว่าสิ่งที่ข้ามีต่อเจ้านั้นคือรักแท้ รักจนถอนตัวไม่ขึ้น ดังนั้นเหตุใดถึงให้ข้าฟังเสียงหัวใจเจ้าไม่ได้ มุกหลิววั่งขาดการติดต่อ ข้าไม่ได้ยินเสียงหัวใจของเจ้า ทำให้ข้าลนลานอย่างมาก”
ทั้งสองคนยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนทะเลาะกัน สุดท้ายจู่ๆ หลานเยี่ยกลับหัวเราะออกมา หลานเฟิงไม่เข้าใจว่ามีอะไรน่าขัน
“มีอะไรน่าขันเช่นนั้นหรือ” มองดูหลานเฟิงร้อนรนตกอยู่ในสภาพพ่ายแพ้ ความโกรธของหลานเยี่ยหายไปกว่าครึ่ง
“ในอดีตหลานเยี่ยเคยทะเลาะกับเจ้าหรือไม่”
“ไม่”
“เป็นเพราะนิสัยของเจ้าหรือไม่ จึงไม่เคยทะเลาะขึ้นมาได้” หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร
“ตอนนี้เพื่อเขา เจ้ากลับเปลี่ยนแปลงตนเอง เพื่อเขาเจ้าทำเรื่องที่ไม่มีทางทำ อธิบายได้ว่าเจ้ารักเขามากจริง มีบางครั้งที่ข้าเอาตนเองไปทับซ้อนกับเขา แต่ข้าไม่รู้ว่าเมื่อข้าฟื้นฟูความทรงจำ ข้าจะเป็นหลานเยี่ยหรือจะบอกว่าข้าเป็นอีกคน”
“เจ้าคือหลานเยี่ย” หลานเฟิงพูดออกมาอย่างดื้อรั้น ทำให้หลานเยี่ยรู้สึกว่าเขาน่ารักนัก ยื่นมือไปบีบใบหน้าเย็นเยียบของเขา สัมผัสไม่เลวเลยทีเดียว
“หน้าตาหล่อเหลาถึงเพียงนี้ ปราศจากรอยยิ้ม ช่างน่าเสียดายเสียจริง”