Skip to content
Home » Blog » ใต้ม่านรัตติกาล 146

ใต้ม่านรัตติกาล 146

บทที่ 146 ร้อนแรงดั่งไฟเผา

หลานเยี่ยหันกลับไป เผชิญหน้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่คิดเชื่อ น้ำตาอวิ๋นหรูไหลลงมาเต็มหน้า ไม่อาจควบคุม

“ท่านพี่ เป็นท่านจริงด้วย ท่านยังไม่เสียชีวิต ดีเหลือเกิน ข้าได้ยินคนในตระกูลพูดว่าท่านกลับมาแล้วข้ายังไม่เชื่อด้วยซ้ำไป เป็นท่านจริงด้วย ท่านกลับมาแล้ว ข้าคิดว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว ไฟอมตะดับลง ข้าไม่มีซึ่งญาติพี่น้องอีกต่อไป ท่านแม่เสียแล้ว ท่านพ่อก็เสียไปแล้วเพราะข้า ท่านป้าเสียชีวิตไปแล้ว ท่านลุงก็ไม่มี หากท่านเสียไปอีกข้าก็จะไม่มีแม้แต่ญาติเพียงคนเดียว ยังดีที่ท่านมีชีวิตอยู่”

อวิ๋นหรูกอดหลานเยี่ยพลางร้องไห้ออกมาอย่างหนัก พลางพูดจาสับสนวกวนไปมา ตอนแรกเริ่มหลานเยี่ยก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร พอฟังมาจนถึงตอนสุดท้ายก็ตาแดงขึ้นมา ยื่นมือออกไปกอดอวิ๋นหรูเอาไว้

“พอแล้วๆ อย่าร้องไห้อีกเลย ข้าก็กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ” หลานเยี่ยใช้มือตบหลังอวิ๋นหรูเบาๆ

อวิ๋นหรูปล่อยหลานเยี่ย แต่น้ำตายังไม่หยุดไหล หลานเยี่ยเช็ดน้ำตาให้นาง

“ร้องไห้อีกจะกลายเป็นแมวลายแล้วนะ”

ด้านหลังมีคนผู้หนึ่งก้าวขึ้นมา หลานเยี่ยถึงได้สังเกตว่ามีคนอื่น

“ท่านประมุขหลาน” คนผู้นั้นค้อมตัวลงเล็กน้อย แสดงถึงความเคารพ

“นี่คืออวิ๋นไหวแม่ทัพกำลังทหารแห่งเขาเทียนปี้ ในช่วงเวลานี้เป็นเขาที่คอยช่วยข้าดูแลเขาเทียนปี้มาตลอด” อวิ๋นหรูพูดอธิบาย

“ช่วงเวลานี้ต้องลำบากเจ้าดูแลอวิ๋นหรูแล้ว” หลานเยี่ยซึมซับบรรยากาศของพวกเขา พูดแสดงความขอบคุณต่ออวิ๋นไหว

“เป็นสิ่งที่ข้าน้อยสมควรทำขอรับ ท่านประมุขหลานมาครั้งนี้มีแผนการอย่างไรบ้างขอรับ” อวิ๋นไหวและอวิ๋นหรูไม่รู้เรื่องที่หลานเยี่ยถูกเปลี่ยนความทรงจำ พอถามออกมาเช่นนี้หลานเยี่ยก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร รู้สึกน้ำท่วมปากขึ้นมาในทันใด

ครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย หลานเยี่ยถึงได้เอ่ยปาก

“ดูตามสถานการณ์ก็แล้วกัน” ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีก อวิ๋นไหวเพียงพูดรับทราบ หลานเยี่ยไม่รู้ว่าเขารู้อะไร เพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองพูดอะไรออกไป อวิ๋นไหวหมายความว่าอย่างไรกัน

“ท่านพี่ งานฝังศพท่านพ่อเมื่อวันก่อนท่านไม่ได้มา จะไปหาท่านพ่อหน่อยหรือไม่”

“เมื่อครู่ไปมาแล้ว”

“เช่นนั้นหรือ เช่นนั้นพวกเราไปเรือนอี้หรงกันเถิด มาถึงเขาเทียนปี้จะต้องเหนื่อยเป็นแน่ ข้าพาท่านไปพักผ่อนก็แล้วกัน”

เมื่อเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น อารมณ์ส่วนใหญ่ของหลานเยี่ยก่อนนี้ก็ถูกอวิ๋นหรูตีจนเละไปหมด ภายในหัวสมองเหลือเพียงคำพูดสองสามประโยคของอวิ๋นหรู ไม่มีญาติพี่น้อง มีเพียงท่านแล้ว…

เรือนอี้หรงแบ่งออกเป็นสองส่วน เรือนหรงและเรือนอี้ หลานเยี่ยและหลานเฟิงเดินตามอยู่ข้างหลัง อวิ๋นหรูนำทางอยู่ด้านหน้า อวิ๋นไหวไปยุ่งธุระอย่างอื่นต่อ

“คืนนี้พักที่เขาเทียนปี้เถิด พวกท่านไปพักที่เรือนหรง นั่นเป็นที่อาศัยของท่านป้าตอนมีชีวิต ท่านพี่ไม่ได้มานานแล้ว ไปที่เรือนอี้ก่อน พวกเราไปทานอาหารก่อนเถิด” อวิ๋นหรูเดินนำอยู่ข้างหน้าพูดไม่หยุด ดูท่าทางอารมณ์ดีไม่น้อย

“ได้” หลานเยี่ยตอบรับ ทำให้อวิ๋นหรูอดไม่ได้ที่จะก้าวขึ้นมาคล้องแขนหลานเยี่ยเอาไว้ หลานเยี่ยไม่ได้สนใจ แต่หลานเฟิงนั้นกลับดึงหน้าเย็นชา

อวิ๋นหรูพาพวกเขาไปทานอาหาร ในระหว่างนั้นมีผู้คนมาหาอวิ๋นหรูอยู่หลายครั้ง สุดท้ายด้วยความจนปัญญาอวิ๋นหรูยังไม่ทันได้รับรองแขกจนพอใจก็ทำได้แค่จากไป

“เรื่องหลักถือเป็นสิ่งสำคัญ เจ้าไปก่อนเถิด” หลานเยี่ยยิ้มพลางพูดออกมา

“แต่ข้ายังไม่ทันได้รับรองท่านจนพอใจเลย”

“เวลายังอีกยาวไกล ไม่ต้องกังวล”

“เอาเถิด อีกครู่ข้าจะกลับมา”

หลังจากอวิ๋นหรูจากไปแล้ว หลานเยี่ยเองก็กินข้าวใกล้เสร็จ จึงหันไปพูดกับหลานเฟิง

“เรือนหรงคือสถานที่ที่ท่านแม่เคยอาศัยอยู่อย่างนั้นหรือ”

“ใช่”

“พวกเราไปดูกันเถิด”

“ได้”

ทั้งสองคนลุกขึ้นไปเรือนหรง ฝีเท้าของหลานเยี่ยแลดูแผ่วบาง เซไปเล็กน้อย หลานเฟิงประคองเขาเอาไว้

“เป็นอะไรไป”

“ไม่เป็นอะไร แค่เพียงมึนหัวเล็กน้อยเท่านั้น อาจจะเหนื่อยเกินไปกระมัง พักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!