Skip to content

ใต้ม่านรัตติกาล 158

Timan

บทที่ 158 อารมณ์พลุ่งพล่าน

หลานเยี่ยคีบกับข้าวมือสั่น แม้จะเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเขา แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เขาไม่อาจทำใจให้สงบลงได้

มือยังคงสั่นอยู่อย่างต่อเนื่อง หลานเยี่ยคีบกับข้าวขึ้นมาคำหนึ่ง ยังไม่ทันได้เข้าปาก ก็ตกลงบนโต๊ะเสียก่อน หลานเยี่ยที่จนปัญญาทำได้เพียงคีบใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ตกอีก ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ทำให้หลานเยี่ยเกิดรู้สึกไร้ซึ่งสติความคิด

หลานเฟิงนั่งดื่มเหล้าอยู่อีกฝั่ง พลางมองท่าทีซุ่มซ่ามของหลานเยี่ย ตราบจนหลานเยี่ยทำกับข้าวหนึ่งจานหกไปหมด หลานเฟิงก็จับตะเกียบที่อยู่ในมือหลานเยี่ยเอาไว้อย่างจนปัญญา

“เจ้ากำลังตื่นเต้น”

“ที่… ที่ไหนกันเล่า” หลานเยี่ยยังคงปากแข็ง หลานเฟิงถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง เริ่มคีบอาหารให้หลานเยี่ยกิน

“กินให้มากเสียหน่อย อีกครู่ถึงจะมีแรง ใช่หรือไม่” หลานเฟิงมองหลานเยี่ยอย่างหยอกเย้า เห็นว่ากำลังจะโต้ตอบเขา กลับถูกหลานเฟิงยัดตะเกียบเข้าปากไป

“เชื่อฟัง กินข้าว อย่าพูด” หลานเยี่ยทำได้เพียงกินข้าวอย่างเชื่อฟัง หลานเฟิงคีบให้หลานเยี่ยทีละคำ หลานเยี่ยก็ค่อยๆ กินทีละคำ

ในที่สุดก็กินอิ่ม หลานเยี่ยบิดขี้เกียจ ยังไม่ทันได้ลดมือลงก็ถูกหลานเฟิงอุ้มขึ้น

“เจ้าทำอะไร ให้ข้าได้ย่อยอาหารก่อนไม่ได้หรือ”

หลานเฟิงยิ้มมองหลานเยี่ย แม้ทุกครั้งจะเป็นเพียงการยกริมฝีปากขึ้นน้อยๆ แต่ก็ยังทำให้หลานเยี่ยนิ่งอึ้งไป ทำไมถึงได้หน้าตาดีเช่นนี้

“พาเจ้าไปย่อยอาหารอย่างไรเล่า เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไร หรือจะบอกว่าเจ้าอยากให้ข้าทำตอนนี้เลยหรือ”

“แล้วแต่เจ้า” หลานเยี่ยแสร้งทำเป็นโมโหเบือนหน้าหนี

หลานเฟิงอุ้มหลานเยี่ยออกมาข้างนอก บนแม่น้ำสายเล็กมีเรือลำหนึ่งจอดนิ่งอยู่ ไม่มีหลังคา หลานเฟิงพาหลานเยี่ยก้าวขึ้นไป

ยืนอยู่บนเรือ หลานเฟิงชี้พระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะ หลานเยี่ยเกิดวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด ซึ่งเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เมื่อมองจากตรงนี้พระจันทร์ใหญ่เป็นพิเศษ กลมเป็นพิเศษ อีกทั้งวันนี้ก็อากาศปลอดโปร่ง แสงจันทร์ส่องลงมาอย่างชัดเจน ทอประกายครอบคลุมทั่วผืนทะเลสาบ

กระแสลมบางเบาพัดพา หลานเยี่ยนั่งอยู่ในเรืออย่างสบายใจ

“สบายจังเลย คืนนี้แสงจันทร์ช่างสวยเหลือเกิน”

“ประกอบกับคนงาม ก็ยิ่งสวยมากขึ้น” หลานเฟิงเอ่ยปากสมทบหลานเยี่ย

“เช่นนั้นคุณชายผู้นี้เป่าบรรเลงบทเพลงหนึ่งให้ฟังเพื่อเสริมบรรยากาศดีหรือไม่” หลานเยี่ยส่งขลุ่ยให้หลานเฟิง หลานเฟิงรับไป เสียงขลุ่ยดังขึ้น เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก หลงใหลใฝ่เพ้อ

หลานเยี่ยมัวเมาอยู่ในแสงจันทร์ ในลมบาง ในเสียงขลุ่ย ในอารมณ์อันลึกล้ำของหลานเฟิง ศีรษะแหงนขึ้นน้อยๆ มองดูหลานเฟิง สายตาหลงใหลของหลานเยี่ยทำให้หลานเฟิงค่อยๆ วางขลุ่ยลงช้าๆ

นั่งอยู่ข้างหลานเยี่ย อารมณ์ของทั้งสองเกิดกระตุ้น หลานเฟิงอุ้มหลานเยี่ย นอนลงบนภายในเรือ เสื้อผ้าค่อยๆ ไหลตก มือทั้งสองข้างประสานแนบสิบนิ้ว กอดกันอย่างแนบแน่น หลานเยี่ยมีความรู้สึกเกินจริงอยู่เล็กน้อย คิดถึงเรื่องเมื่อเช้านี้ หลานเยี่ยกลับรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝันในฉับพลัน

สัมผัสได้ถึงการกระทำที่หยุดลงของหลานเยี่ย หลานเฟิงเงยหน้ามองเขา กลับพบว่าหลานเยี่ยจ้องมองเขาเขม็ง

“เจ้ารักข้าหรือไม่”

“รัก” หลานเฟิงพยายามควบคุมตนเองอย่างสุดความสามารถ ตอบสนองพูดกับหลานเยี่ย

“เช่นนั้นข้าอยากอยู่ข้างบน”

“…”

หลานเฟิงคิดอยู่เสี้ยววินาที ก็ปิดปากของหลานเยี่ยเอาไว้ คิดว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรเสียอื่น อยากอยู่ข้างบน จะให้เจ้าได้ใจได้อย่างไร

“หลานเฟิง อ่าอากอู่อั้งอน (ข้าอยากอยู่ข้างบน) อ่า” หลานเยี่ยพยายามจะพูด แต่กลับถูกหลานเฟิงปิดปากไว้อย่างแรง

เรือแบนลำน้อยแกว่งไปมาไม่หยุด สองคนที่มีความรู้สึกต่อกันในที่สุดก็ได้ครอบครองอีกฝ่าย หลานเยี่ย ในที่สุดเจ้าก็เป็นคนของข้า หลานเฟิง ในที่สุดเจ้าก็เป็นคนของข้า

เพิ่งตื่นจากความฝันครั้งใหญ่ แสงอาทิตย์สะท้อนส่องเข้ามา หลานเยี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น หลานเฟิงช้อนศีรษะมองเขาอยู่ข้างๆ

“ตื่นแล้วหรือ”

“ซี้ด… เจ็บ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!