บทที่ 159 หลังจากนั้นก็ไม่มีคำว่า ‘หลังจากนั้น’ อีกแล้ว
หวนคิดถึงความบ้าคลั่งเมื่อวานนี้ หลานเยี่ยยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคาดไม่ถึง ไม่อาจนึกจินตนาการถึงมากเกินไปแล้ว ครั้งแรกก็บ้าคลั่งขนาดนี้ ช่างสุดยอดเสียจริง
เห็นหลานเยี่ยเอามือขึ้นมาปิดตา หลานเฟิงก็เอาออกให้เขาในทันใด หลานเยี่ยลืมตามองเขา ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร หรือยังต้องการอีก เมื่อคืนนี้ทำให้เขาทรมานจนสลบไปเลยทีเดียว
“เมื่อคืนร้องดังเช่นนั้น ทำไมวันนี้ถึงไม่พูดเล่า”
“… เจ้าต่างหากที่ร้องเสียงดัง ครอบครัวเจ้าร้องเสียงดังทั้งนั้น”
“ใช่ ทั้งครอบครัว เจ้าเองก็เป็นครอบครัวข้า”
“…” หลานเยี่ยไร้คำพูด แต่หลังจากหลานเฟิงเห็นปฏิกิริยาของหลานเยี่ยแล้วนั้นก็ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นถึงเอ่ยปากพูดช้าๆ
“เสี่ยวเยี่ย เจ้า… จำอะไรได้แล้วหรือไม่” หลานเฟิงค่อยๆ ถามหลานเยี่ย หลานเยี่ยยังคิดอยู่ว่าเหมือนลืมเรื่องสำคัญอะไรบางอย่างไป แท้จริงแล้วก็เรื่องนี้นี่เอง แต่น่าเสียดาย ดูเหมือนว่าจะไม่มี
“จำได้แค่เพียงบางส่วน ที่เหลือยังคิดไม่ออก”
“เรื่องตอนเป็นเด็ก เรื่องตอนยังไม่พบกับหลานเฟิง อาจเป็นเพราะนั่นคือช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดกระมัง”
“เรื่องอื่นจำไม่ได้เลยสักนิดหรือ”
“ไม่ จำได้แค่เพียงเรื่องนี้เท่านั้น”
“เป็นเพราะทำน้อยเกินไปหรือไม่ พวกเราทำกันให้มากครั้งเสียหน่อยดีหรือไม่”
“เจ้าออกไปให้ไกลข้า ตอนนี้ข้าเจ็บไปทั้งตัว ยังคิดจะทำอีก” หลานเยี่ยป้องกันเสื้อผ้าของตนเองไว้อย่างแน่นหนา
“จำได้ว่าตัวเองเป็นใครก็ดีแล้ว”
“แม้จะมีเพียงเรื่องเท่านี้ แต่ข้ากลับเข้าใจว่าความรู้สึกที่ตนมีต่อท่านพ่อ ท่านแม่เป็นเช่นไรกันแน่ นั่นคือสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด อบอุ่นมากที่สุด และเป็นความรู้สึกที่ได้พบแต่ไม่อาจได้ครอบครอง หลานเฟิง ข้าอยากให้ท่านพ่อตื่นขึ้น เจ้าช่วยข้าได้หรือไม่”
“ได้ แต่ไม่อนุญาตให้เจ้าใช้พลังกระแสวิญญาณดั้งเดิมอีก ข้าจะอยู่กับเจ้า เดินทางไปทุกที่เสาะหาวิธีการ”
“แต่พวกเราเข้าใจน้อยเกินไป ไม่รู้ต้องลงมือจากที่ใด ใต้หล้าใหญ่โตถึงเพียงนี้ ควรทำเช่นไร”
“เสี่ยวเยี่ย มีเพียงยืนอยู่บนจุดที่สูงมากพอถึงจะรู้ได้มากกว่าเดิม ขอแค่เจ้าอยากรู้ ต่อให้ต้องครอบครองใต้หล้าก็ต้องเสาะหามาให้เจ้า”
“ครั้งนี้ข้าจะอยู่กับเจ้า ต่อให้ถูกคนทั้งโลกละทิ้ง ข้าเองก็ยังคงไม่ละไม่ทิ้งห่างจากเจ้าไปไหน สัญญากันไว้แล้วนะ พวกเรา… ไม่แยกจากกันตลอดไป”
“เสี่ยวเยี่ย ขอบใจเจ้า จะลองกระแสวิญญาณของตนเองหน่อยหรือไม่” หลานเยี่ยลองสัมผัสกระแสวิญญาณที่อยู่ทั่วร่างกาย ไม่นานก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างออกจากแต่ก่อน ในจุดตันเถียนนั้นเต็มไปด้วยกระแสวิญญาณอุดมสมบูรณ์ หลานเยี่ยทดลองขับพลังออกมา สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือสามารถขับพลังให้ออกมาได้อย่างง่ายดาย หลานเยี่ยยิ้มกว้างในทันใด
“กระแสวิญญาณของข้าเก่งกาจกว่าเจ้าใช่หรือไม่”
หลานเฟิงไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหลานเยี่ยกำลังคิดอะไร แต่เขาจะปล่อยให้หลานเยี่ยได้ใจได้อย่างไร
“เป็นเช่นนั้นจริง แย่กว่าฮูหยินของตนเองก็ไม่เสียหน้า ขอเพียงแค่อยู่บนเตียงไม่มีปัญหาก็พอแล้ว”
“เจ้า…” หลานเฟิงไม่สนใจหลานเยี่ย อีกทั้งยังอุ้มเขาขึ้นมา ตอนนี้พวกเขายังอยู่บนเรือลำเล็ก หลานเฟิงอุ้มเขาเข้ามาในห้อง ห่มผ้าให้เขาเรียบร้อย
“นอนอีกหน่อยเถิด เมื่อคืนนี้เหนื่อยมากกระมัง” หลานเฟิงลุกเตรียมจะเดินออกไป หลานเยี่ยจับมือหลานเฟิงไว้
“เจ้าจะไปที่ใด” ในน้ำเสียงสะท้อนความไม่สบายใจเอาไว้ หลานเฟิงตบหลังมือหลานเยี่ย
“ไม่ต้องเป็นกังวลไป ข้าจะไปอาหาร รอเจ้าตื่นมาก็กินข้าวได้เลย” หลานเยี่ยถึงได้ปล่อยมือลง นอนหลับอย่างสบายใจ
ตอนที่ตื่นขึ้นมา เห็นว่าข้างเตียงมีกระต่ายอยู่สองสามตัว หลานเยี่ยหยอกล้อกับพวกมัน รู้สึกว่าวันนี้อากาศดีเสียจริง