บทที่ 187 ส่วนในตระกูลลึกลับ
หลังจากฟังสิ่งที่เจียงหลิงบรรยายออกมา หลานเยี่ยและหลานเฟิงลงมาจากต้นไม้ จากนั้นตามเจียงหลิงไป เมื่อมาถึงบริเวณพื้นที่ต่ำที่ถูกกำหนดไว้ หลานเยี่ยมองพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวขึ้นไปข้างหน้าสองก้าว ลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นไม่ใช่ผืนหญ้าเขียว ยังคงเป็นป่าไผ่ผืนหนึ่งเช่นเดิม
เมื่อหันกลับไปมองข้างหลังอีกครั้งกลับไม่เห็นคนอื่นแล้ว หลานเฟิงก็ไม่ได้เข้ามา หลานเฟิงไม่เคยอยู่ห่างข้างกายตนเองมาก่อน ตอนนี้ไม่ได้ตามเข้ามา นั่นหมายความว่าหลานเฟิงเข้ามาไม่ได้ แล้วเหตุใดตนสามารถเข้ามาได้เล่า
เพื่อที่จะไม่ทำให้หลานเฟิงเป็นกังวล หลานเยี่ยเดินออกไป ตามที่คิดไว้เขาเห็นหลานเฟิงสีหน้าร้อนรนลองทดสอบกับเขตม่านพลังไม่หยุด เมื่อเห็นหลานเฟิงเดินออกมาถึงได้ผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง
“ข้างในมีสภาพเช่นไร”
“ข้างในยังคงเป็นป่าไผ่ ไม่เหมือนว่ามีอันตรายอะไร เจียงหลิงเจ้าพาคนไปเสาะหาต่อ พวกข้าสองคนก็พอแล้ว”
“ขอรับ” เจียงหลิงนำคนออกไป ตอนนี้เหลือเพียงเขาและหลานเฟิงสองคน หลานเยี่ยพิจารณาทั้งสองคนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรแตกต่างกัน หลังจากการค้นหาไม่มีผลลัพธ์ หลานเยี่ยจับมือหลานเฟิงเอาไว้ พาเขาเข้าไปในเขตม่านพลังพร้อมกัน
เข้าไปในเขตม่านพลังยังคงเป็นป่าไผ่ผืนหนึ่ง สภาพแวดล้อมสีเขียวชอุ่มทำให้คนจิตใจเบิกบานแจ่มใส เมื่อก้าวเดินไปข้างหน้าสองก้าว ทางเดินก็เริ่มกลายเป็นทางลาดชัน หลานเยี่ยจับมือหลานเฟิงวิ่งลงไปช้าๆ ความรู้สึกที่ถูกลมตีหน้าช่างดีเสียเหลือเกิน
เมื่อมาถึงปลายทางซึ่งคือทะเลสาบแห่งหนึ่ง ทะเลสาบมีขนาดเล็กมาก มีระยะห่างเพียงหนึ่งร้อยก้าวเท่านั้น เส้นทางเดินเล็กเมื่อมาถึงทะเลสาบก็แบ่งออกเป็นสองสายโดยทันใด เมื่อผ่านทะเลสาบไปแล้วก็กลับมารวมกันใหม่
ข้างทะเลสาบมีต้นหลิ่วคล้อยอยู่เต็มไปหมด น้ำภายในทะเลสาบใสเป็นอย่างมาก ดอกบัวหลายดอกลอยอยู่ในทะเลสาบ ส่งกลิ่นหอมลอยออกมา แล้วยังสามารถมองเห็นเหล่าปลาที่แหวกว่ายไปมาอยู่ภายใน
หลานเฟิงและหลานเยี่ยเดินตรงต่อไป ทางเดินเล็กคดเคี้ยวมาทางซ้าย หลานเยี่ยเห็นที่นามากมายมีข้าวปลูกอยู่เต็ม มีคนสองคนคอยดูแลรวงข้าว เมื่อเห็นว่าพวกเขามาก็ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นรีบวิ่งออกมาจากนาข้า ไม่รู้ว่าไปที่ใด
หลานเยี่ยและหลานเฟิงเดินตรงไปข้างหน้าต่อ แล้วถึงค่อยๆ ปรากฏบ้านคนขึ้นมาให้เห็น แต่จำนวนบ้านก็ดูน้อยนิดอย่างมาก มีเพียงสามสี่หลังเท่านั้นเอง ทำให้หลานเยี่ยเกิดรู้สึกอยู่ในดินแดนสุขาวดี
สังเกตเห็นด้านข้างมีป้ายหินสลักอยู่อันหนึ่ง ข้างบนมีตัวหนังสือถูกสลักไว้ แต่หลานเยี่ยอ่านไม่ออก แต่เมื่อดูลายเส้นตัวหนังสือ กลับแลดูเหมือนเกิดจากฝีมือคนเดียวกันกับที่เขียนตัวหนังสือในอุโมงค์ลับเขาเทียนปี้
ท้องฟ้าที่นี่สีฟ้าแจ่มใสอย่างมาก ไม่ได้มีความแตกต่างมากมายจากโลกภายนอก เสียงน้ำไหล เสียงนกร้อง กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ล้วนมีครบสมบูรณ์ ธรรมชาติไม่เคยตระหนี่ ดอกไม้ ใบหญ้ามาเติมเต็มโลกใบนี้ ที่นี่ยิ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจน
หลานเยี่ยคิดจะไปยังสอบถามคนทางนั้นว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด เหตุใดจึงมีสถานที่เช่นนี้ แต่เมื่อหลานเยี่ยลองเคาะประตูบ้านสองสามหลังดูล้วนไม่มีใครเปิดประตูออกมา ดูท่าเหมือนไม่มีใครอยู่
เมื่อมาถึงหลังสุดท้าย หลานเยี่ยพบว่าภายในมีผู้คนรวมตัวกันมากมาย คนที่เจอในนาข้าวเมื่อครู่นี้ก็อยู่ที่นี่ ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กล้วนมีความคล้ายคลึงกัน หลานเยี่ยแปลกใจอย่างมาก
ประตูไม่ได้ปิด หลานเยี่ยเคาะประตูสองสามที ผู้ใหญ่ไม่ได้ตอบรับเขา กลับเป็นเด็กๆ ที่แอบชำเลืองมองเขาทีหนึ่ง แต่ก็หันหน้าหนีกลับในทันใด
หลานเยี่ยเหลือบมองร่างกายตนเองทีหนึ่ง ไม่พบว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสม มองร่างกายของหลานเฟิงทีหนึ่ง ก็ไม่มีอะไร
ตรงกลางห้องมีผู้เฒ่าผมขาวโพลนถูกล้อมรอบไว้ ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาขุ่นมัวภายในเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน มองหลานเยี่ยและหลานเฟิง
“ท่านประมุขตระกูลหลาน ท่านมาแล้ว”