บทที่ 192 สภาพจิตใจ
หลานเยี่ยเห็นทั้งสองคนสงบลงแล้ว เทียนซีไม่เป็นอะไรแล้ว ฉะนั้นจึงจากออกไปพร้อมหลานเฟิง
ตอนที่ออกไปนั้นหลานเยี่ยบอกทหารพลังหน้าประตูว่าหลังจากนี้ครึ่งชั่วยามให้เขาเรียกหมอหลวงมา แม้วิชาการแพทย์ของเทียนซีจะดีเป็นอย่างมาก แต่เทียนซีในตอนนี้คาดว่าไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้
หลานเยี่ยเดินนำอยู่ข้างหน้าช้าๆ หลานเฟิงเดินตามหลังช้าๆ หลานเฟิงมองออก เรื่องเมื่อครู่นี้ส่งผลกระทบต่อหลานเยี่ยมากเหลือเกิน
คำพูดเหล่านั้นที่เทียนซีพูด แม้จะพูดออกมาเพราะความโมโห แต่อย่างไรตระกูลเทียนทั้งตระกูลก็ถูกทำลาย ความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะรับไหว ปฏิกิริยาของเทียนซีก็ถือเป็นสิ่งที่สมเหตุผล
“หลานเฟิง” จู่ๆ หลานเยี่ยก็หยุดลง หมุนตัวหันกลับมามองหลานเฟิง หลานเฟิงก็มองเขา
“หลานเฟิง ข้าจะกำจัดตระกูลเยี่ย เดี๋ยวนี้” หลานเยี่ยพูดประโยคหนึ่งออกมาด้วยความเด็ดเดี่ยว
“ได้”
ทั้งสองคนมาถึงพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างจิ่วหลิวและตระกูลเยี่ย ทหารพลังตระกูลหลานในพื้นที่จิ่วหลิวมีการพักปรับระเบียบกันชั่วคราว หลังจากพวกเขาสองคนพบคนเหล่านั้นแล้ว ก็พบว่ามู่หลีและชิวลั่วก็อยู่ด้วย
“มู่หลี เหตุใดเจ้าจึงกลับมาแล้วเล่า”
“มาช่วย เจ้าลำบากเช่นนี้ การที่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลาน ข้าจะอยู่เฉยดูเรื่องวุ่นได้อย่างไร”
“ขอบใจ” หลานเยี่ยพูดขอบคุณ
วันนี้วิ่งไปวิ่งมาทั้งวัน จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว ทหารพลังตื่นตัวเฝ้าสังเกตการณ์ด้านนอกอยู่ตลอดเวลา ป้องกันการลอบโจมตีจากตระกูลเยี่ยกลุ่มจิ้งจอกราตรีที่ไปเขาเทียนปี้เพราะมีหลานเม่ยอยู่ฉะนั้นส่วนใหญ่จึงกลับมาแล้ว จิ้งจอกราตรีที่ไปราชสำนักหลังจากทำภารกิจสำเร็จก็กลับมาแล้วเช่นกัน
ตอนนี้กลุ่มจิ้งจอกราตรีของตระกูลเยี่ยกลับมาประจำที่ หลังจากนี้จะต้องเป็นศึกหนักอีกสนามอย่างแน่นอน
“มู่หลี ครั้งนี้พวกเจ้ากลับมาทำอะไร” หลานเยี่ยถามพวกเขา
“ข้าตั้งใจจะรวบรวมแหล่งข่าวในพื้นที่จิ่วหลิว กำจัดสายสืบจิ้งจอกราตรีในพื้นที่จิ่วหลิวออกไปให้สิ้นซาก
สถานการณ์ในพื้นที่จิ่วหลิวซับซ้อนเกินไป ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถกำจัดได้หมดสิ้น ครั้งนี้ข้าและชิวลั่วไปมาหลายพื้นที่ เข้าใจเรื่องบางอย่างมากขึ้น และครอบครองข่าวสารของทุกคน
สถานการณ์ทางด้านตระกูลเยี่ยข้าเองก็รู้ ตระกูลเยี่ยตอนนี้แตกซ่านกระจัดกระจาย แต่ลาที่ผอมแห้งตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า หากสายลับในพื้นที่จิ่วหลิวทั้งหมดเริ่มลงมือพร้อมกันแล้วละก็
การทำลายล้างจะยิ่งใหญ่อย่างมาก พวกเขากระจายกันไปในหลากหลายอาชีพที่ต่างกัน อาจจะกระทบต่อราชสำนัก เขาเทียนปี้ และตระกูลหลานในเวลาเดียวกัน ก่อนกลางวันพรุ่งนี้ ข้าจะจัดการเรื่องในพื้นที่จิ่วหลิวให้เสร็จ
ขอแค่ก่อนหน้านั้นเจ้าสามารถรับมือการโจมตีของตระกูลเยี่ยได้ก็พอ”
“ไม่มีปัญหา ลำบากเจ้าแล้ว” หลานเยี่ยพูดไปพลางมองชิวลั่วที่อยู่ข้างกายมู่หลีไปพลาง หลานเยี่ยพอจำได้ว่าตอนแรกที่ความทรงจำของตนยังไม่กลับมานั้น คนผู้นี้น่าจะอาศัยอยู่ที่หอไป๋ฮวามาโดยตลอด
มู่หลีเห็นหลานเยี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาทีหนึ่ง กลับพบว่าเขากำลังจ้องเขม็งมองชิวลั่ว
“ทำอะไรน่ะ” มู่หลีเอ่ยปากถาม หลานเยี่ยได้สติกลับมา
“ไม่มีอะไร” หลานเยี่ยยิ้มแห้ง บอกปัดลวกๆ
“ความทรงจำของเจ้าไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมดใช่หรือไม่” แม้ชิวลั่วจะเคยบอกมู่หลีวว่าหลานเยี่ยจำหลานเฟิงได้แล้ว แต่กลับไม่ได้พูดถึงอย่างอื่น บทสนทนาคราวนี้และสายตาที่เขามองชิวลั่วทำให้เขาสงสัยว่าหลานเยี่ยยังไม่ได้ฟื้นความทรงจำทั้งหมด
“ฟื้นกลับมากว่าครึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเคยพบเจ้าที่หอไป๋ฮวามาก่อนใช่หรือไม่” ได้ยินคำว่าหอไป๋ฮวาสามคำนี้ หลานเฟิงหันมองหลานเยี่ยในทันที หลานเยี่ยรีบปิดปากในทันใด
“ท่านไม่ได้จำผิด ข้าเคยอยู่ที่หอไป๋ฮวามาก่อน แล้วยังเคยรับท่านผู้นี้อยู่หลายครั้งด้วย” ชิวลั่วยิ้มหลงชี้ไปที่หลานเฟิง
คราวนี้ถึงตาหลานเยี่ยจ้องเขาแล้ว หลานเฟิงกลับสีหน้าไม่เปลี่ยน เพียงแค่ถลึงตามองชิวลั่วเท่านั้น
“พวกเราควรไปแล้ว ทางนี้มีพวกเขาคอยดูอยู่ ไม่ต้องเป็นกังวล” หลานเฟิงเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“ได้” หลานเยี่ยกลับจ้องเขาเขม็ง เหมือนจะมองทะลุผ่านเขาไปเสียอย่างนั้น