Skip to content

พลิกปฐพี 76

ตอนที่ 76

คุณชายเป็นคนช่างโน้มน้าว

ซือมั่วมองนาง นัยน์ตาสีนํ้าตาลมืดครึ้มลง เหมือนมีอะไรกำลังเคลื่อนตัวรอปะทุอยู่ในมุมมืด

“ถือว่าเจ้าฉลาด รู้ว่าข้าเป็นคนพาเจ้ามาที่นี่’’ ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ไม่เห็นว่านางจะอึดอัดขัดเขินอะไรเลยสักนิด

มู่ชิงเกอยักคิ้ว ปลายนิ้วดั่งต้นหอมขาวหยิบผลไม้ผลหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไรมาจ่อที่ปากแล้วกัดลงไปแรงๆ คำหนึ่ง

ผลไม้นั้นเมื่อเข้าปากก็ละลายทันที พอนํ้าหวานสดชื่นจากผลไม้เข้าสู่ร่างกาย ทำให้รู้สึกอบอุ่นมากขึ้น ราวกับว่า พลังที่นางฝึกฝนมานั้นสั่นไหวเล็กน้อย

นางอึ้ง มองผลไม้ในมือด้วยความแปลกใจ และตอบคำถามของซือมั่ว “ในบรรดาคนที่ข้ารู้จัก คนเดียวที่มีความสามารถมากถึงขนาดพาข้ามาจากถนนหน้าตำหนักองค์หญิงมาถึงที่นี่ได้ มีแค่เจ้าผู้เดียว”

ริมฝีปากอันงดงามของเขา มีรอยยิ้มอีกครั้งเพราะนาง มู่ชิงเกอไม่ได้มองตัวเอกในบ่อนํ้าอีกต่อไป แต่กัดผลไม้สดในมืออีกคำ ความรู้สึกนั้นกลับมาอีกครั้ง มู่ชิงเกอแปลกใจ ถามเขาตรงๆ ว่า “นี่มันผลไม้อะไร” พูดพลางมองไปรอบๆ หรี่ ตาถามอีกว่า “แล้วที่นี่ที่ไหนกัน?”

ทุกอย่างในนี้ต่างทำให้นางรู้สึกว่ามันไม่สมจริง เหมือนที่นี่ไม่ใช่หลินชวนอย่างนั้นล่ะ แต่ว่าถ้าไม่ใช่หลินชวน แล้วจะเป็นที่ไหนได้ หรือว่าคุณตัวประหลาดผู้นี้จะมีความสามารถในการพาตัวนางเข้าไปยังพื้นที่ว่างอีกแห่ง

คำถามของมู่ชิงเกอ ซือมั่วไม่ได้รู้สึกรำคาญแม้แต่น้อย

เขาตอบในขณะที่จุ่มตัวลงในนํ้า “ผลไม้ในมือเจ้าคือผลไม้แห่งเวทพลัง ในเนื้อผลไม้บรรจุพลังจิตอยู่ คนที่อยู่ในระดับที่ตํ่ากว่าสายม่วงกินเข้าไปแล้วสามารถทดแทนพลังจิตที่สูญเสียไปได้ ผลไม้อื่นๆ ที่อยู่ตรงหน้าเจ้าก็มีฤทธิ์เช่นเดียวกัน และสถานที่นี้ ถือว่าเป็นที่ของข้า หากข้าไม่อนุญาต ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้ามาได้”

คำพูดของซือมั่ว ทำให้มู่ชิงเกออึ้งเป็นที่สุด

ในใจนั้นรู้สึกประหลาดใจมาก ราวกับว่านางที่เป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งแอบเข้ามายังดินแดนเทพ ที่เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์อย่างนั้น

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ไม่ต้องแปลกใจ อีกหน่อยเจ้าก็จะทำแบบนี้ได้” อยู่ๆ เสียงของซือมั่วก็ดังขึ้นที่ข้างหู

มู่ชิงเกอหันหน้ากลับไปในทันที แต่กลับเห็นใบหน้างดงามเป็นหนึ่งมาอยู่ตรงหน้า ดวงตากระจ่างใสของนางเบิกกว้าง เจ้าตัวประหลาดเฒ่าจอมชั่วร้ายนี่ขึ้นมาจากบ่อนํ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันและยังมาปรากฎตัวอยู่ข้างกายนางด้วยเสื้อผ้าที่เรียบร้อยขนาดนี้ด้วย?

ท่าทางตื่นตระหนกแบบนี้ยิ่งทำให้ซึอมั่วอารมณ์ดีมากขึ้น

เขายื่นนิ้วมือที่เห็นแต่ละท่อนกระดูกได้ชัดเจนออกมา วาดบนปลายจมูกอันสูงโด่งของมู่ชิงเกอ

ความรู้สึกชาวาบที่เกิดขึ้นตรงปลายจมูก ทำให้มู่ชิงเกอรีบยื่นมือออกมาจับจมูกของตนเอง สายตาอันสดใสนั้นค่อยๆ มีเปลวไฟแห่งความโกรธปะทุขึ้น

นางรู้สึกว่าเมื่อสักครู่ตนเองโดนหยอกล้อ!

ฉ่า! ความอับอายเกิดขึ้นภายในจิตใจ ที่ผ่านมานางเป็น คนหยอกล้อคนอื่นทั้งนั้น เมื่อไหร่กันที่มีคนกล้ามาหยอกล้อนาง

ดีมาก! ไอ้คนที่อยู่ตรงหน้า กระตุกโดนจุดของนางเข้าอีกครั้งแล้ว

ปัง!

กำปั้นราวกับชนเข้ากับแผ่นเหล็ก ความรู้สึกเจ็บที่แผ่ลามมาจากบริเวณมือทำให้มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

“มือเจ็บรึ?” มือใหญ่กุมมือเล็กเอาไว้ ราวกับว่าความเจ็บปวดตรงปลายนิ้วได้สลายหายไปในทันที

มู่ชิงเกอทำหน้าเย็นชา ดึงมือของตนเองออกมา สายตาที่แหลมคมดั่งมีดจ้องหน้าอกของใครบางคนแทบอยากจะควักมันให้เป็นรูสักหลายๆ รู

ให้ตายเถอะ! ร่างกายของเจ้านี่ทำด้วยเพชรหรืออย่างไร?

“เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม มาเพี่อดูเจ้าอาบนํ้าหรือ?” มู่ชิงเกอพลันถามอย่างเย็นชา

คำพูดของมู่ชิงเกอ ช่วยเตือนซือมั่วว่าตอนแรกจะพานางมาที่นี่เพราะเหตุใด นึกถึงภาพบรรยากาศตอนที่นางนั่งดื่มเหล้าอยู่บนหลังม้า และอิริยาบถต่างๆ ที่แสดงต่อหน้าผู้คนที่รายล้อมอยู่ อารมณ์ที่เดิมที่เริ่มดีขึ้นของเขาก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง อยู่ๆ เขาก็เกิดความคิดอยากจะซ่อนเด็กน้อยนางนี้เอาไว้ทำเช่นนี้ก็จะไม่มีใครสามารถแอบมองดูความงดงามของนางได้อีก

“นี่!” เวลาล่วงผ่านไปเนิ่นนาน แต่ยังไม่ได้คำตอบจากซือมั่ว มู่ชิงเกอจึงเรียกอีกครั้ง

“ซือมั่ว”

“อะไร”

คำว่า ‘ซือมั่ว’ ทำให้ใบหน้าของมู่ชิงเกอเกิดความสงสัย

ท่าทางงงๆ และสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยทำให้หัวใจของซือมั่วเกิดอ่อนยวบ เท่าที่นางสังเกตเขาถึงกับพูดจาอ่อนโยนขึ้นและมีความอดทนมากขึ้นกว่าเดิม “ซือมั่วคือชื่อของข้า”

ที่แท้เจ้าตัวประหลาดเฒ่าก็ชื่อซือมั่วนี่เอง

มู่ชิงเกอเข้าใจแล้วแต่ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาอีก เขาจะชื่ออะไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนางด้วย? จู่ๆ มาบอกนางแบบนี้เพื่ออะไร?

“ต่อไปนี้ เรียกข้าว่ามั่ว” ซือมั่วพูดขึ้นอีกครั้ง

มู่ชิงเกอกระตุกยิ้ม รู้สึกขนลุกเพราะคำพูดของซือมั่ว

“เหอะๆ” หลังจากที่ขยับไปข้างๆ หลายที เว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคนให้มากขึ้นแล้ว มู่ชิงเกอก็พูดอย่างไม่กลัวตายว่า : “ข้าคิดว่าคุณตัวประหลาดเหมาะกับเจ้า มากกว่า”

“ทำไมถึงเรียกข้าว่า ‘คุณ’” ซือมั่วขมวดคิ้วถาม  ‘ตัวประหลาด’ นั้นเขาสามารถเข้าใจได้ เหมือนกับว่าหลังจากที่นางรู้ประวัติของตนเองในหลินชวนแล้ว ก็เคยเรียกเขาว่า ไอ้ตัวประหลาดเฒ่าไม่ยอมตาย แต่สำหรับคำว่า “คุณ” นี่ไม่ใช่คำเรียกอาจารย์ผู้สอนหรอกหรือ เขาไม่ได้ เป็นอาจารย์นี่

นัยน์ตาสีน้ำตาล มีความน้อยใจอยู่เล็กน้อย ราวกับว่ากำลังบีบบังคับมู่ชิงเกอให้หาคำอธิบายที่สมเหตุสมผลมากพอมา

เอ่อ…

เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไรดี

มู่ชิงเกอเกาหัว ลังเลสักพัก เริ่มทำท่าทางเพื่ออธิบาย “คุณ คำนี้ถือเป็นคำเรียกที่ให้เกียรติ เจ้าก็รู้ว่าก่อนหน้านี้ ข้าฝึกเวทพลังไม่ได้ ไม่มีความสามารถ ทำได้แค่พัฒนาวิชาความรู้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้อะไรจากสิ่งที่อาจารย์สอนเลย แต่ข้ายกย่องในวิชาความรู้อันกว้างไกลของอาจารย์มาก เพราะฉะนั้น มีแต่คนที่ข้าเคารพเท่านั้น ที่ข้าจะเรียกว่าคุณ”

(คุณ ในอดีตใช้เรียกอาจารย์ ปัจจุบันแปลว่าคุณ ใช้เรียกแทนผู้ชาย)

สำหรับการโกหกพวกนี้แล้ว มู่ชิงเกอไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

แต่เดิมนั้น ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้ ‘คุณ’ คำนี้ไม่ใช่คำด่าว่าอะไร เพียงแต่ก็ไม่ได้เป็นคำที่แสดงการเคารพอะไรอย่างนั้น ในชาติก่อนที่โลกพัฒนาแล้ว คำๆนี้ได้กลายเป็นคำเรียกขานแทนตัวผู้ชายไปตั้งนานแล้ว แสดงถึงว่าคนผู้นี้เป็นผู้มีความรู้เท่านั้น

เพราะฉะนั้น ใช่ มู่ชิงเกอเป็นที่มีความรู้มากคนหนึ่งเลย

“จริงหรือ” ซือมั่วเงียบฟังคำอธิบายของมู่ชิงเกอ รู้สึกไม่น่าเชื่อถืออย่างไรก็ไม่รู้

“แน่นอนสิ!” มู่ชิงเกอตอบอย่างไม่รู้สึกรู้สา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!