Skip to content

พลิกปฐพี 111-1

ตอนที่ 111-1

เพิ่มยอดขายประจำเดือน ร้องเรียกท่านมั่ว!

โลกลาวานี้ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งเข้าไปยิ่งลึก อุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้น!

แม้ว่าจะมียาป้องกันอันแสนมหัศจรรย์ แต่มู่ชิงเกอก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความร้อน

“อีกนานเท่าไหร่” ไม่มีอารมณ์จะมาล้อเล่น มู่ชิงเกอถามหานฉายไฉ่ที่นำทางอยู่ข้างหน้าด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึม

“ใกล้แล้ว” หานฉายไฉ่เองก็ไม่มีอารมณ์จะพูดเล่น ในขณะนี้บรรยากาศของที่นี่ได้ส่งผลกระทบต่อตัวเขาแล้ว

“หลายชั่วยามที่แล้ว ท่านก็เคยพูดเช่นนี้” มู่ชิงเกอกลอกตาใส่เขาพร้อมพูด

หานฉายไฉ่เม้มปากทีหนึ่ง แล้วตอบว่า “ข้าสัมผัสได้ถึงความรุนแรงอย่างมากของธาตุไฟ และที่สำคัญคือมีจำนวนมหาศาล พญาเพลิงเมฆสุริยาต้องอยู่ ข้างหน้าเป็นแน่”

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเขา มู่ชิงเกอจึงเงียบลง

การจะใช้พญาเพลิงในการกระตุ้นสายโลหิต หากจะพูดให้เข้าใจ ก็คือการนำเลือดเนื้อไปหลอมในพญาเพลิง และใช้ความร้อนจากพญาเพลิง และ คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ในการกระตุ้นให้พลังในสายโลหิตตื่นตัว

นี่เป็นวิธีการกระตุ้นสายโลหิตที่มีความเสี่ยงสูงมากวิธีหนึ่ง หากไม่ระวังก็อาจจะถูกพญาเพลิงเผาจนสิ้นซาก

“เจ้าพาข้ามาหาพญาเพลิงเมฆสุริยาแล้ว แล้วข้าจะช่วยเจ้ากลืนกินมันได้อย่างไร” อยู่ๆ มู่ชิงเกอก็พลันถามขึ้น

คำถามนี้ ทั้งสองยังไม่เคยได้คุยกันและในตอนนี้ พญาเพลิงเมฆสุริยาก็อยู่เบื้องหน้าแล้ว นางจำเป็นจะต้องคุยให้รู้เรื่อง

ในดวงตาหงส์อันเรียวยาวของหานฉายไฉ่เกิดแสงประกายแวบหนึ่ง แล้วจึงตอบว่า “การใช้พญาเพลิงในการกระตุ้นสายโลหิต แน่นอนว่าจะทำให้พญาเพลิงสูญเสียพลังไปครึ่งหนึ่ง”

คำตอบของเขานั้นไม่ตรงคำถาม แต่ตอนนี้มู่ชิงเกอได้กระจ่างแล้ว

เจ้านี่ ไม่ได้เป็นคนดีอะไร!

ไหนบอกว่าพานางมาหาพญาเพลิง ที่แท้ก็อยากจะให้นางใช้พญาเพลิงก่อน ถ้าเช่นนั้น เขาที่ใช้หลังจากนางก็มีความเสี่ยงน้อยลงเป็นอย่างมาก ทว่านางก็ยังต้องรับมือกับความเสี่ยงเท่าเดิม

“เจ้าเล่ห์” มู่ชิงเกอกล่าว

หานฉายไฉ่กลับไม่รู้สึกอายและตอบอย่างแนบนิ่งว่า “เช่นกันๆ”

ทันใดนั้น หานฉายไฉ่ก็สะดุ้งทีหนึ่งแล้วไปหยุดอยู่ตรงก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง มู่ชิงเกอไม่ลังเลรีบตามลง ไป

“ถึงแล้ว” หานฉายไฉ่พูด

“ที่นี่หรือ” มู่ชิงเกอเริ่มกวาดสายตามองรอบๆ แต่ทว่า นอกจากลาวาที่ไหลผ่านแล้วนางก็ไม่เห็นอะไรเลย

หานฉายไฉ่พูดอย่างมั่นใจว่า “ข้าสัมผัสได้ว่า พญาเพลิงเมฆสุริยาต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่เป็นแน่ เราต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้มันเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา”

“ตัวตนที่แท้จริงของมันคืออะไร” มู่ชิงเกอถาม ด้วยความสงสัย

หานฉายไฉ่มองนางด้วยสายตาที่ดูถูกความรู้อันน้อยนิดของนาง แล้วจึงอธิบายว่า “พญาเพลิงทุกประเภทล้วนมีธาตุแท้ของตนเอง ส่วนธาตุแท้ของพญาเพลิงเมฆสุริยาคือหงส์ไฟ ในตอนนี้มันยังคงหลับไหล และคิดว่าที่นี่อาจจะมีรังของมัน”

“หงส์ใฟ!” มู่ชิงเกอตื่นตะลึง

ไฟที่มีจิตวิญญาณก็ถือว่ามากพอแล้ว สามารถวิ่งได้ ต่อสู้กันได้ก็ช่างเถอะ ในตอนนี้ยังจะต้องมารับรู้ว่า พวกมันสามารถแปลงกายได้อีกอย่างนั้นรึ สิ่งๆ นี้ยัง เรียกว่าเป็นไฟได้อีกหรือ

คำพูดของหานฉายไฉ่ได้ทำลายความรู้จักเกี่ยวกับไฟของมู่ชิงเกอจนหมดสิ้น

‘เจ้านายโง่ แค่นี้ก็ไม่รู้รึ พญาเพลิงมีวิญญาณ ใต้หล้านี้ หากเป็นสิ่งที่มีวิญญาณก็ย่อมมีจิตใจ มีความรู้สึกนึกคิดและธาตุแท้ที่ไอ้จอมหลงตัวเองพูดถึงนั้นก็คือ จิตวิญญาณ เริ่มแรกของการเกิดจิตวิญญาณ จะมีโอกาสในการแปลงร่าง ความสามารถและความรู้สึกนึกคิดที่มากน้อย จะเป็นตัวกำหนดระดับที่แตกต่างกัน ส่วนธาตุแท้ของพญาเพลิงเมฆสุริยาที่เป็นหงส์ไฟก็คือว่าอยู่ในระดับที่สูงแล้ว มีพญาเพลิงบางชนิดที่ยังคงเป็น เพียงมดไฟและผีเสื้อไฟซึ่งอยู่ในระดับตํ่า’ เสียงของเหมิงเหมิงดังขึ้นในหัวของมู่ชิงเกอ และให้ความรู้นางเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ทันเวลาพอดี

หานฉายไฉ่ยืนอยู่กับที่ ดวงตาเกียจคร้านได้ ปล่อยพลังไร้อันรูปร่างออกมาอีกหน และปกคลุมทั่วทั้งทะเลเพลิงเอาไว้

มู่ชิงเกอรู้ว่า เขากำลังใช้พลังอันเหนือฟ้าค้นหา ธาตุแท้ของพญาเพลิงเมฆสุริยา จึงไม่รบกวน เพียงสังเกตรอบๆ โลกอันมหัศจรรย์แห่งนี้

ไฟของที่นี่ ลุกโหมรุนแรงกว่าไฟธรรมดา ราวกับเป็นตัวนำไฟที่จะสามารถระเบิดร่างกายของมนุษย์ได้ตลอดเวลา

หากเป็นคนที่มีพลังเวทตํ่าเข้ามาในนี้ อาจจะเป็นบ้าไปเลยก็เป็นได้

หานฉายไฉ่หรี่ตาลงอย่างกะทันหัน พลางจ้องบางตำแหน่งของทะเลเพลิง แล้วพูดกับมู่ชิงเกอว่า “มันอยู่ตรงนั้น!”

มู่ชิงเกอมองตามที่เขาชี้ แต่กลับไม่เห็นอะไร ขมวดคิ้วทีหนึ่ง แล้วนางก็ตั้งคำถามว่า “จะเอามาได้อย่างไร”

“เข้าไปใกล้ก็จะสามารถเอามาได้” หานฉายไฉ่ตอบ

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก แล้วเยาะเย้ยว่า “ช่างเป็นการอธิบายที่เข้าใจง่ายนัก”

“หากไม่เป็นเช่นนั้น แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ” หานฉายไฉ่เชิดหน้าใส่นางทีหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “เจ้าต้องการใช้พญาเพลิงในการกระตุ้นสายโลหิต ถ้าเช่นนั้น ยาช่วยชีวิตที่ต้องเตรียมก็คงจะเตรียมพร้อมแล้ว เอาของเหลวเย็นออกมาสิ เจ้าต้องใช้สิ่งนั้นตอนโดดลงสู่ใจกลางพญาเพลิง”

ไม่ต้องให้เขาเตือน ในมือของมู่ชิงเกอก็ได้มีขวดที่บรรจุของเหลวเย็นวางอยู่แล้ว

“ทันทีที่เจ้าพบกับพญาเพลิงก็โดดลงไปเลย เรื่องอื่นไม่ต้องเป็นห่วง ตั้งใจกับการกระตุ้นสายโลหิต ตอนนี้มันไม่ทันได้ตั้งตัวถือเป็นโอกาสที่ดีมาก แต่ทันทีที่ต้องเริ่มต่อสู้กับมันบางทีทั้งเจ้าและข้าอาจจะไม่มีโอกาสแล้ว” หานฉายไฉ่พูด

“แล้วเจ้าล่ะ” มู่ชิงเกอมองเขา

หานฉายไฉ่กระตุกรอยยมตรงมุมปาก “วางใจเถิด หากยังไม่ได้ในสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไม่ไปไหนแน่ ในขณะที่เจ้ากระตุ้นสายโลหิต ข้าจะคอยช่วยเจ้าหลอกล่อพญาเพลิง หากมีโอกาส ข้าก็จะเริ่มกลืนกินมัน และหลังจากที่เจ้าทำสำเร็จแล้ว คอยคุ้มครองข้าก็พอ”

เพียงมองเขาแวบหนึ่ง มู่ชิงเกอไม่ได้พูดอะไรต่อ

เจ้านี่ก็พูดชัดเจนแล้ว ก็คืออยากจะ ‘เล่นทีเผลอนั่นเอง’

ทั้งสามารถตอบสนองความต้องการของนาง และได้ในสิ่งที่ตนเองปรารถนา

“ถ้าเช่นนั้นก็ลงมือเถอะ” มู่ชิงเกอทำท่ายืดเส้นยืดสาย จนไขข้อทั่วร่างกายส่งเสียงดัง ‘ก๊อกๆ’

หานฉายไฉ่มองนางอย่างพินิจแวบหนึ่ง แล้วพูดอย่างเย่อหยิ่งว่า “เจ้าควรจะเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้สักชุด ข้าไม่อยากจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น” พูดจบก็กวาดสายตา จากต้นขาทั้งสองข้างของมู่ชิงเกอไล่ลงไป

สีหน้าของมู่ชิงเกอเคร่งขรึมลง แทบจะอดไม่ได้ที่จะเข้าไปฉีกปากของเขา

“เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ ข้าไม่อยากจะเป็นตากุ้งยิงหรอกนะ” มู่ชิงเกอโต้ตอบ

หานฉายไฉ่ไม่เข้าใจว่าตากุ้งยิงที่นางพูดมีความหมายว่าอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ถาม เพราะอย่างไรก็คงไม่ใช่คำที่มีความหมายในแง่ดีแน่นอน

หลังจากที่เตรียม ทั้งสองก็ลงมือ

ทั้งสองลอยขึ้นกลางอากาศ มุ่งไปในทิศทางที่พญาเพลิงเมฆสุริยาซ่อนตัวอยู่

และก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ทั้งสองเพิ่งจะลอยขึ้นกลางอากาศ ใต้ทะเลเพลิงก็มีมวลหมู่เพลิงมัจฉาที่มีปีกจำนวนมหาศาลบินออกมา มันกระพือปีก แล้วพุ่งเข้าหาพวกเขา

หมู่เพลิงมัจฉาพวกนั้นไม่ได้ตัวใหญ่มากนัก ทว่ามีฟันที่แหลมคมและเต็มไปด้วยเปลวเพลิงทั่วทั้งร่างกาย

หากไม่ระวังแล้วไปโดนเข้า ตอนจบที่ได้อาจจะเป็นการถูกเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิง

หานฉายไฉ่และมู่ชิงเกอต่างตกใจ และรีบตอบโต้

แสงสีน้ำเงินส่องประกาย ป้องกันการเข้าโจมตีของเพลิงมัจฉา

แต่ทว่า เพลิงมัจฉาที่มีจำนวนนับไม่ถ้วน ร่วมมือกันสร้างตาข่ายอันมิดชิด แล้วหว่านมาทางทั้งสอง

หานฉายไฉ่กวาดดาบที่ส่องประกายสีนํ้าเงิน เพื่อแยกเพลิงมัจฉาออก แล้วคว้าข้อมือของมู่ชิงเกอโดดไปอยู่ข้างหลัง แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ถอยก่อน!”

ร่างของทั้งสองส่องแสงวาบทีหนึ่ง แล้วหยุดอยู่บนหินใหญ่อีกครั้ง

และหลังจากที่เพลิงมัจฉาพวกนั้นศูนย์เสียเป้าหมายที่จะโจมตี ก็กลับเข้าสู่ทะเลเพลิงอีกหน เพื่อหลบซ่อนตนเอง

“นี่มันอะไรน่ะ” มู่ชิงเกอถามด้วยความตื่นตระหนก

ในส่วนลึกของสายตาฉายความเคร่งเครียด “ร่างเชิดไฟ”

มู่ชิงเกอมองเขาแล้วขมวดคิ้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!