ตอนที่ 121-5
ศิษย์น้องมู่เจ้าไหวหรือไม่
อาจารย์การปรุงยาระดับต่ำบอกว่าจะปรุงยาระดับสูงอย่างนั้นหรือ ล้อเล่นหรือเปล่า!
“มู่เกอบอกว่าจะปรุงยาระดับสูงอย่างนั้นหรือ เขาคิดว่าตนเองเป็นใคร หึ ดูเหมือนว่าการพนันในครานี้ เราต้องชนะเป็นแน่!”
“ช่างไม่รู้จักเจียมตัว!” ทั้งห้าที่ได้พนันกับมู่ชิงเกอ ต่างเผยรอยยิ้ม
เว่ยกว่านกว่านหันกลับมาจ้องพวกเขาด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม “พวกเจ้าจะไปรู้อะไร! หากมู่เกอบอกว่าได้ก็คือได้!”
แต่ว่า สายตาที่ได้รับจากพวกเขากลับเป็นสายตาที่แฝงความเย้ยหยัน
สุ่ยหลิงดึงเว่ยกว่านกว่านเอาไว้และพูดปลอบว่า “อย่าได้ไปสนใจพวกเขา ความเป็นจริงจะตบหน้าพวกเขาจนหงายเอง”
“ยาระดับสูง? เหอะ ปกปิดความสามารถได้ลึกถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ในสายตาของเตียวหยวนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและไอสังหาร
ฟ่งอวี๋กุยแอบวิเคราะห์สายตาของเตียวหยวน ในใจรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก เขาราวกับจะเห็นสภาพของมู่ชิงเกอหลังจากพ่ายแพ้แล้วกลายเป็นเพียงสุนัขถูกทอดทิ้งอย่างนั้น
“ยาคงรูปโฉมหรือ? ข้าให้ท่านอาจารย์ของข้าปรุงให้ตั้งนาน ท่านยังไม่ยินยอม หากมู่เกอสามารถปรุงได้จริง ๆ ต่อไปข้าจะต้องไปตีสนิทให้เขาให้มาก” จูหลิงลูบแก้มของตนเอง ในดวงตาอันน่าเย้ายวนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ไม่ว่าคนบนอัฒจันทร์จะตื่นตระหนกมากเพียงใด ท่านผู้อาวุโสบนเวทีก็ได้สั่งคนงานให้ไปเตรียมสมุนไพรแล้ว
ท่ามกลางการรอยคอย ใบหน้าของซ่งอวี้เผยรอยยิ้มอันโหดเหี้ยมและเย็นเยียบ “ช่างไม่รู้จักที่ตาที่สูง”
“ชมเกินไปแล้ว” มู่ชิงเกอยักคิ้ว รอยยิ้มเต็มไปด้วยความโอหัง
ใบหน้าอันงดงามและน่าเย้ายวนนั่น กลับทำให้ซ่งอวี้อยากจะกระโจนเข้าไปฉีกมันทิ้งเสีย
ไม่นาน คนงานก็กลับมา
ในขณะนี้เองก็มีคนจำนวนไม่น้อยเบียดเสียดเข้ามาในอัฒจันทร์ ราวกับได้ยินข่าวว่ามู่ชิงเกอผู้เป็นนักปรุงยาระดับตํ่าจะปรุงยาระดับสูงจึงได้รีบตามมา
“พวกเจ้าดูสิ นั่นใช่ศิษย์พี่เหมยหรือไม่”
“ศิษย์พี่เหมยมาจริง ๆ ด้วย!” ทันใดนั้น ท่ามกลางผู้คนก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้น จ้าวหนานซิงหันกลับไป มองร่างอันสูงโปร่งและโดดเด่นของเหมยจื่อจ้ง ที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัวราวกับล่องลอยเข้ามาหาพวกเขา
การปรากฏตัวของเหมยจื่อจ้ง ท่าให้จ้าวหนานซิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว หลังจากที่เขาเข้ามาใกล้ จึงได้ถามเบา ๆ ว่า “ศิษย์พี่ท่านมาทำอะไร”
เท่าที่เขารู้ การปรากฏตัวครั้งก่อน ๆ ของเหมยจื่อจ้ง ได้ทำให้มู่ชิงเกอกลายเป็นจุดสนใจ และสำหรับตอนนี้จะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างอาจารย์ของตนเองและหัวหน้าโรงโอสถรุนแรงขึ้นกว่าเดิม
“ข้าได้ยินว่าศิษย์น้องมู่จะปรุงยาระดับสูงจึงมา” เหมยจื่อจ้งตอบกลับอย่างเรียบเฉย
ยาที่มู่ชิงเกอปรุงเมื่อครั้งทดสอบ ในตอนนี้ยังอยู่ในมือเขา หากว่าเขาบอกว่าจะปรุงยาระดับกลาง เขายังรู้สึกว่าเป็นไปได้ แต่ว่าหากจะปรุงยาระดับสูง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
จ้าวหนานซิงแอบถอนหายใจ และทำได้เพียงพูดว่า “มาแล้วก็ช่างเถิด”
ในสายตาของเหมยจื่อจ้งแฝงคำขอโทษ ความหมายของจ้าวหนานซิงเขาเข้าใจ เพียงแต่ว่า…
“ศิษย์พี่เหมยก็มาหรือ!” เมื่อเห็นเหมยจื่อจ้ง จูหลิงก็ได้เผยท่าทางเขินอายออกมา
เหมยจื่อจ้งกลับมองนางอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง และตอบกลับว่า “ศิษย์น้องจู” จากนั้นก็ไม่มีปฏิสัมพันธ์อันใดต่อกันอีกเลย
บนเวทีประลอง มู่ชิงเกอและซ่งอวี้เริ่มบดยา
ซ่งอวี้ถือเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่ง การชงและบดยาล้วนใช้พลังเวทในการลงมือ ผู้คนที่อยู่ ณ ที่นี้ล้วนเห็นแสงสีเขียวที่ส่องประกายอยู่ระหว่างนิ้วชี้ของเขา สมุนไพรแต่ละชิ้นได้กลายเป็นกอง ๆ อยู่ตรงหน้าเขา
แล้วมู่ชิงเกอล่ะ แม้จะไม่ได้ใช้เครื่องมือเหมือนกัน แต่เพียงแค่จับและบีบ ยาก็กลายเป็นเศษผง ทำให้ผู้คนไม่อาจรู้ได้ว่าในด้านพลังเวทนางอยู่ในขั้นใดแล้ว
ไม่นาน ยาสมุนไพรชุดแรกของซ่งอวี้ได้บดจนเสร็จสิ้น และเตรียมจะลงสู่หม้อ
มู่ชิงเกอกลับบดจนสำเร็จเพียงแค่สองในสามของยาทั้งหมด
หลังจากที่ซ่งอวี้ตรวจสอบยาจนมั่นใจแล้ว ก็พบว่ามู่ชิงเกอบดยาทั้งสามชุดจนละเอียด จึงยิ้มอย่างเยาะเย้ยว่า “ดูเหมือนว่า ศิษย์น้องมู่นั้นช่างมองการณ์ไกลว่า ตนเองไม่สามารถสำเร็จได้ในครั้งแรก จึงได้เตรียมเอาไว้ทั้งสามชุด”
เสียดายคำพูดที่แฝงการเยาะเย้ยเหล่านี้ ไม่ได้ทำให้มู่ชิงเกอแสดงปฏิกิริยาอันใด เลย
ผู้ที่เริ่มปรุงยาอย่างนาง ราวกับได้หลุดไปอยู่อีกใบ ไม่ว่าโลกภายนอกจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สามารถรบกวนนางได้เลยแม้แต่น้อย
เพราะฉะนั้น การที่ท่านผู้อาวุโสบนเวทีประลองสั่งให้ทุกคนเงียบ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ได้จำเป็นสำหรับนางเลย
เมื่อไม่ได้รับการตอบกลับ สายตาของซ่งอวี้ก็มีประกายโหดเหี้ยมวาบผ่าน พลันอุทานอย่างเย็นเยียบทีหนึ่ง ก่อนจะเทผงยาลงในหม้อเพื่อเริ่มการปรุง หลังจากที่เขาได้หลอมรวมยาสองชนิดเข้าไปแล้ว ทางด้านของมู่ชิงเกอจึงได้เริ่ม
เวลาได้เดินไปเรื่อย ๆ บนอัฒจันทร์เงียบสงบ ความตื่นเต้นที่ไม่มีสาเหตุได้เกิดขึ้นในใจของทุกคน
ทันใดนั้น ก็มีเพียงเสียง ‘ตุ้ม’ หม้อที่อยู่ข้างกายมู่ชิงเกอได้มีกลุ่มควันสีดำลอยขึ้นมา และได้มีเสียงที่แฝงความเสียดายดังขึ้นท่ามกลางผู้คน ในทันที
“ข้าว่าแล้ว ยาระดับสูงใช่ยาที่สามารถปรุงออกมาได้ ง่าย ๆ ที่ไหนกันเล่า เจ้านี่ช่างสร้างภาพให้ทุกคนเชื่อเก่งเสียจริง!” มีคนดีใจที่เห็นความล้มเหลวในครั้งนี้
ทั้งห้าที่พนันกับมู่ชิงเกอ ในตอนนี้มีความเย้ยหยันปรากฏในสายตาชัดเจนมากกว่าเดิม ถึงขั้นพูดยั่วโมโหเว่ยกว่านกว่านและทุกคนว่า “หากไม่ได้มีหัวใหญ่ เพียงนั้น ก็อย่าได้สวมหมวกที่ใหญ่เกินหัว ช่างน่าอับอายเสียจริง!”
“พูดจาไร้สาระ! หากว่าเจ้าเก่งนักก็ไปปรุงเองสิ!” เว่ยกว่านกว่านพูดตอบโต้
ท่ามกลางทั้งห้าคน มีคนห้าม “พอเถอะ รอให้การประลองจบลงก่อนแล้วทุกอย่างจะกระจ่างเอง”
เว่ยกว่านกว่านอุทานคำหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไป
จูหลิงมองหม้อของมู่ชิงเกอ และส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ช่างน่าเสียดาย ข้าก็คิดว่าคราวหน้าจะไม่ต้องไปรบกวนท่านอาจารย์ให้ปรุงยาคงรูปโฉมให้ข้าแล้ว!”
จ้าวหนานซิงและเหมยจื่อจ้งมองหน้ากัน จนสามารถเห็นความกังวลที่แฝงอยู่ในสายตาของทั้งสอง ฟ่งอวี๋กุยที่อยู่ข้างเตียวหยวน เมื่อเห็นว่ามู่ชิงเกอทำพลาด ก็รีบรายงานผลงานอย่างผ่อนคลายเป็นที่สุด “ศิษย์พี่เตียว ราวกับจะเห็นผลแล้ว” ความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขา ดูเหมือนว่าจะมีเพียงเตียวหยวนเท่านั้นที่เข้าใจ
ตุ้ม!”
“พลาดอีกแล้ว”
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การทดลองในครั้งที่สองของมู่ชิงเกอ ราวกับจะผิดพลาดตั้งแต่เริ่ม
ผิดพลาดมาทั้งสองครั้ง ทำให้สายตาของเตียวหยวนมีความดีใจแฝงอยู่
เขาพยักหน้าเบาๆ และพูดด้วยเสียงที่ทุ้มตํ่าเป็นอย่างมาก “ได้ผลแล้วจริง ๆ”