Skip to content

พลิกปฐพี 126-2

ตอนที่ 126-2

รักเจ้าจนกลายเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้

“คุณชาย ท่านอยากทานอะไร ข้าน้อยจะไปเตรียมให้” โย่วเหอเปลี่ยนเรื่อง

มู่ชิงเกอหยุดคิดอย่างตั้งใจครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกรายการอาหารที่ตนเองชอบออกมา

โย่วเหอจำทั้งหมดเอาไว้แล้วถอยออกไปเตรียมอาหาร

ฮวาเยวี่ยอยู่รับใช้ข้างกายมู่ชิงเกอ

หลังจากรับประทานอาหารอันหลากหลาย และมู่ชิงเกอได้อาบนํ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นอนลงบนเตียงนุ่นอันแสนสบาย แขนขาที่กางออกผ่อน คลายอย่างเป็นที่สุด

“สบายจังเลย” มู่ชิงเกอหลับตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข

อยู่ๆ นางก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน และเห็นเงาสีขาวกำลังพุ่งเข้าหาตนเอง

ตาทั้งสองข้างของนางเบิกโตในทันที แต่อีกฝ่ายกลับควบคุมแขนขาของนางเอาไว้อย่างว่องไวจนนางไม่ทันได้ตอบโต้

รับรู้ได้ว่า สองขาของตนเองถูกกดทับเอาไว้ แขนทั้งสองข้างก็ถูกอีกฝ่ายล็อคไว้แน่น นํ้าเสียงของนางเย็นเยียบลงหลายระดับ “ปล่อยข้า!”

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์คิดถึงข้าหรือไม่” ใบหน้าอันเย้ายวนที่โน้มเข้ามาแฝงรอยยิ้มบางๆ นัยน์ตาสีนํ้าผึ้งเต็มไปด้วยความเอ็นดู

“ไสหัวออกไป!” นํ้าเสียงของมู่ชิงเกอเคร่งขรึมขึ้นอีกหลายเท่า

แต่ว่า หลังจากที่ซือมั่วได้ยินแล้ว ก็ดูเหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ คำเตือนของมู่ชิงเกอ ไม่ได้อยู่ในสายตาของซือมั่วเลยแม้แต่น้อย เขายังคงก้มหน้าลงมองนางด้วยรอยยิ้ม ผมเงาดำที่สยายลง แน่นอนว่าได้ลงไปปะปนอยู่กับผมของมู่ชิงเกอ

“ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านหนักมาก” มู่ชิงเกอกัดฟันแล้วเปล่งคำพูดเหล่านี้ออกมาจากไรฟัน ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง ก็รู้สึกว่าโลกหมุนอย่างรวดเร็วในทันที

ทันทีที่ความรู้สึกดั่งโลกหมุนเช่นนั้นหายไป นางก็ได้ เปลี่ยนตำแหน่งกับซือมั่ว กลายเป็นนางที่อยู่บนตัวของซือมั่ว ท่านี้ช่างสนิมสนมเกินไปแล้ว แม้ว่านางจะหน้าหนาเพียงใด ก็รับรู้ได้ถึงสองแก้มที่ร้อนดั่งไฟเผา ท่าที่ใกล้ชิดกันมากเกินไป ทำให้มู่ชิงเกอมีความรู้สึกอยากจะหนี

แขนทั้งสองข้างของนางได้ถูกปล่อยออก ซือมั่วเปลี่ยนมือทั้งคู่มาคล้องเอวของนางไว้แทน ทำให้ร่างกายของทั้งสองแนบชิดกันจนไม่เหลือช่องว่าง มือทั้งคู่ของมู่ชิงเกอดันอยู่ตรงหน้าอกของซือมั่ว อยากจะเว้นระยะห่างของทั้งสอง

แต่ว่า นางกลับพบว่าแรงของชายผู้นี้ ช่างมีมากจนน่าโมโห!

ดวงตาอันสดใสเย็นเยียบลง สีนํ้าเงินเข้มปนม่วงส่องประกายออกจากร่างของมู่ชิงเกอ นางราวกับอยากจะใช้พลังเวทในการ ‘ช่วยตนเองออกมา!’

แสงสีนํ้าเงินเข้มกระจายออกจากร่างกายของมู่ชิงเกอ และค่อยๆ เคลื่อนไปแตะร่างของซือมั่ว

แต่ว่า เขาราวกับไม่รู้ตัว และกอดนางแน่นขึ้นกว่าเดิม นิ้วมืออันเรียวยาวตั้งใจหาเรื่องเคลื่อนตัวไปมาบนแผ่นหลังของนาง ความรู้สึกจั๊กจี้กระจายออกจากแผ่นหลัง ทำให้มู่ชิงเกอร้อนรนจนแทบคลั่ง

“ยิ่งเสี่ยวเกอเอ๋อร์ต่อต้าน ข้าก็ยิ่งหวั่นไหว” โน้มตัวเข้ามาพูดข้างหู ทำให้มู่ชิงเกอตกใจจนตัวแข็งในทันที

ราวกับว่า ในวินาทีต่อมา ซือมั่วก็จะแปลงร่างเป็นหมาป่า และบังคับให้นางทำเรื่องลามก

กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของมู่ชิงเกอแข็งเกร็ง ทำให้มุมปากของซือมั่วค่อยๆ ยกขึ้น จากนั้นเขาจึงพูดต่อว่า “เสี่ยวเกอเอ๋อร์คิดถึงข้า แล้วเหตุใดพอเจอข้า กลับแสดงท่า

ทางเกลียดชังเช่นนั้นเล่า”

“คิดถึงว่าท่านไปตายน่ะสิ!” ในที่สุดมู่ชิงเกอก็ระเบิดออกมา!

ในวินาทีนี้ แม้ว่าชายผู้นี้จะตบนางให้ตายคาที่ นางก็จะตอบโต้

คิดไม่ถึงว่า พลังที่มู่ชิงเกอรวบรวมเอาไว้บนมือขวาจะพุ่งเข้าหาหน้าอกของซือมั่วอย่างรุนแรง

แต่ทว่า เสียงตูมที่คาดว่าจะเกิดกลับไม่เกิด ภาพโลหิตสาดเต็มท้องฟ้าดั่งกลีบดอกไม้ก็ไม่เกิดขึ้น

มู่ชิงเกอสัมผัสได้เพียงแค่ว่า พลังเวทที่นางปล่อยออกไป ได้ถูกพลังบางอย่างดูดเข้าไป

หน้าอกของซือมั่วราวกับกลายเป็นหลุมที่กลืนกินทุกอย่างและดูดพลังเวทที่นางปล่อยออกไปจนหมดสิ้น นางรู้มาโดยตลอดว่า ความสามารถของตนเองและคุณ ตัวประหลาดต่างกันมาก แต่ว่า เมื่อต้องยอมรับความจริง มันก็ช่างสะเทือนใจของนางเป็นอย่างมาก!

อยู่ข้างนอก บางทีนางก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง

แต่ว่า เมื่ออยู่ตรงหน้าชายผู้นั้นนางกลับไม่มีแม้กระทั่งพลังที่จะตอบโต้

‘ได้! สู้ไม่ไหว ก็จะวางยาพิษเจ้าให้ตาย!’ มู่ชิงเกอกัดฟันพูดในใจ

แต่คุณตัวประหลาดพันปีราวกับจะสัมผัสได้พลันพูดด้วยนํ้าเสียงระคนเสียงหัวเราะว่า “แม้จะเป็นยาพิษ หากเสี่ยวเกอเอ๋อร์เป็นคนป้อนข้า ข้าก็ยอมแต่โดยดี”

เหอะ! อย่าพูดจาชวนขนลุกเช่นนี้ได้หรือไม่ ป้อน ป้อน บ้าอะไรกันเล่า!

ช่างน่าโมโหนัก!

มู่ชิงเกอราวกับได้ยินเสียงกัดฟันของตนเอง

‘ชายผู้นี้จัดการยากเสียจริง!’ มู่ชิงเกอแอบพูดในใจพลางถอนหายใจ

ทันใดนั้น นางก็ตาเป็นประกายอย่างมีแผนการในใจ ‘เหมือนว่าจะมีวิธีหนึ่งที่จะทำให้เขาจมมุมได้’

อยู่ๆ ใบหน้าอันงดงามของมู่ชิงเกอก็เผยรอยยิ้มงดงาม ชวนหวั่นไหวออกมา

นางยื่นมือออกไปดึงตุ้มหูของตนเองออก เมื่อไม่มีเครื่องมือมายาคอยปิดบัง นางก็ราวกับเป็นหญิงงามที่เดินออกมาจากสายหมอกและพิงอยู่บนหน้าอกของซือมั่ว อย่างชัดเจน

นัยน์ตาของซือมั่วเป็นประกาย และรอคอยการกระทำต่อไปอย่างตื่นเต้น

มู่ชิงเกอไม่ดิ้นรนอีกต่อไป มือทั้งคู่วางแนบบนหน้าอกของซือมั่ว คางวางลงบนหลังมือ ใบหน้าอันน่าเย้ายวนฉายแววเกียจคร้านที่สะกดโลกทั้งใบเอาไว้

“ท่านมหาปราชญ์หวังจะมอบกายให้กับข้า ถ้าเช่นนั้น ข้าก็คงต้องรับไว้แล้ว ใต้หล้านี้ ผู้ที่ท่านมหาปราชญ์หวัง ยอมลดตัวลงมาเอาใจเช่นนี้ ก็คงมีเพียงข้าคนเดียว” ในระหว่างที่พูด ปลายนิ้วของมู่ชิงเกอก็กวาดไปมาบนหน้าอกของซือมั่วราวกับตั้งใจและไม่ตั้งใจในขณะเดียวกัน

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์จะรับไว้อย่างไร” ซือมั่วทำท่าทางราวกับกำลังบอกว่า ‘ผู้ที่โชคดีเช่นนี้มีเพียงแค่เจ้าคนเดียว’ แต่เสียงนั้นแหบพร่าลงหลายเท่าอย่างเห็นได้ชัด

มู่ชิงเกอขมวดคิ้วเบาๆ ราวกับตั้งใจคิดคำตอบของคำถามนี้

ครู่หนึ่ง นางจึงพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “ฮู้ว ปรนนิบัติอย่างไรน่ะหรือ เป็นเรื่องที่ท่านมหาปราชญ์ต้องเป็นคนคิดมิใช่หรือ”

อยากจะเล่นใช่ไหม ได้! ข้าจะตอบสนองให้ถึงที่สุด!

“ถ้าเช่นนี้ข้าปรนนิบัติเสี่ยวเกอเอ๋อร์โดยการถอดเสื้อก่อน” ซือมั่วพูดจบ ก็นอนเอียงลงข้างกายมู่ชิงเกอ มือหนึ่งกอดนางเอาไว้อีกมือกำลังยื่นออกไปจับสายรัดเอวของมู่ชิงเกอ

เพียงแค่เขาออกแรงดึง สายรัดเอวก็จะถูกคลายออก เผยให้เห็นความงดงามมากมาย

สายตาของมู่ชิงเกอหยุดอยู่บนมือข้างนั้นของเขา พลันเก็บซ่อนความตื่นเต้น แกล้งทำราวกับไม่ใส่ใจ และยิ้มอย่างยั่วยวนมากขึ้น

ท่าทางเช่นนี้ ทำให้นัยน์ตาสีนํ้าผึ้งของซือมั่วหรี่ลง มือสั่นเล็กน้อย สายรัดเอวถูกแก้ออก ชุดผ้าไหมค่อยๆ ไหลเลื่อนลงไป เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าอันได้รูปของมู่ชิงเกอ และผิวพรรณที่ขาวดั่งหิมะ ตรงหน้าอก โชคดีที่ว่าในตำแหน่งสำคัญมีผ้าพันเอาไว้ ไม่ได้เห็นทั้งหมด

แต่ทว่า เพียงเท่านี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้ซือมั่วใจละลายไปกว่าครึ่งแล้ว!

ทันใดนั้น นางก็เผยรอยยิ้มอันน่าเย้ายวนตรงมุมปาก นางยื่นมือออกไป จับสายเข็มขัดของซือมั่วเอาไว้ และพูดด้วยนํ้าเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการจูงใจ “ถ้าเช่นนั้น ให้ข้าถอดเสื้อให้ท่านมหาปราชญ์ด้วยดีกว่า”

พูดจบ นางก็ออกแรงดึงสายเข็มขัดของซือมั่ว

แต่ทว่า ยังไม่ทันที่นางจะดึงลง มือของนางก็ถูกซือมั่วกดทับเอาไว้แน่น ทำให้นางรับรูได้ถึงกล้ามเนื้อแน่นที่อยู่ใต้ผ้าและผิวหนังที่ร้อนเล็กน้อย

มู่ชิงเกอตะลึง เงยหน้าขึ้นมองซือมั่ว แต่กลับสบกับนัยน์ตาสีนํ้าผึ้งที่ฉายความลึกซึ้งดวงนั้นในทันที

เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นความลึกซึ้ง ความจดจ่อเช่นนั้น

“เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ตั้งแต่นี้ไป เป็นภรรยาของข้าดีหรือไม่” อยู่ๆ ซือมั่วก็พูดขึ้นอย่างแน่วแน่ นํ้าเสียงไร้ซึ่งการล้อเล่น ราวกับเป็นคำถามที่สำคัญที่สุดในชีวิต

แต่ว่า คำพูดนี้เมื่อเข้าหูของมู่ชิงเกอกลับเป็นตั้งสายฟ้าแลบในวันที่อากาศสดใส! ไม่ให้นางได้เตรียมใจเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่คำพูดนี้วนผ่านหัวของนางอย่าง ชัดเจน นางก็โพล่งออกมาว่า “ท่านเป็นบ้าหรอ!”

คำตอบเช่นนี้ ทำให้สายตาของซือมั่วมืดครึ้มขึ้นหลายระดับ เขาไม่โกรธและไม่ผิดหวัง แต่กลับมองนางอย่างแน่วแน่มากกว่าเดิม และพูดทีละคำๆ ว่า  “ใช่ รักเจ้าจนเป็นโรค โรคที่ไม่มียารักษา มีเพียงเจ้า ที่เป็นยาที่ดีที่สุดของข้า”

พรึบ!

มู่ชิงเกอขนลุกขึ้นมาในทันที และพูดอย่างหมดความอดทนว่า “ท่านเทพ คำพูดที่ชวนขนลุกเช่นนี้ท่านไปฝึกมาจากไหนเนี่ย”

“เจ้าไม่ต้องเฉไฉ คิดทบทวนคำพูดของข้าให้ดี ข้าไม่บังคับเจ้า” ซือมั่วถอนหายใจอย่างจำยอม และพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึม

มู่ชิงเกอกระตุกมุมปาก และเงียบลงโดยดี

ซือมั่วจ้องริมฝีปากที่เม้มแน่นของมู่ชิงเกอริมฝีปากที่แดงกํ่าในตอนแรกถูกนางเม้มจนขาวซีด ทำให้เขาปวดใจนัก

เขาค่อยๆ ก้มหน้าลง อยากจะช่วยคลายริมฝีปากอันน่าสงสารนั่น

ลมหายใจของทั้งสองใกล้เข้าไปเรื่อยๆ จนมีลมหายใจหนึ่งเดียวกัน มู่ชิงเกอเบิกตาโต จ้องใบหน้าของซือมั่วที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขม็ง ในขณะที่จมูกแตะกันเบาๆ นางก็หันหน้าออก

ริมฝีปากที่แฝงความเย็นของซือมั่วมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ กวาดผ่านแก้มของนาง ทำให้ผิวหนังของนางสั่นระริกขึ้นมาทีหนึ่ง

ราวกับว่า มู่ชิงเกอได้ยินเสียงถอนหายใจดังๆ ข้างหูเสียงหนึ่ง จากนั้นนางก็สลบไป

ในคืนนั้นนางหลับลึกและสบายเป็นพิเศษ

ในห้วงความฝัน คำพูดของซือมั่ว ยังคงดังก้องอย่างไม่รู้หยุด

ในขณะที่นางตื่นจากความฝัน ก็ยังคงตกอยู่ท่ามกลางความพร่าเบลอ ไม่รู้แน่ว่าเป็นความจริงหรือยังอยู่ในความฝัน

และข้างๆ ตัวนาง ร่างของซือมั่วได้หายไปตั้งนานแล้ว และไม่ทิ้งเอาไว้แม้กระมั่งเศษเสี้ยวของกลิ่นกาย ราวกับว่า ความทรงจำทั้งหมดของมู่ชิงเกอเมื่อคืนนี้ เป็นเพียงความฝันของนางจริงๆ นอนอยู่บนเตียงนุ่ม มู่ชิงเกอเหม่อมองบนม่านมุ้ง เนื้อผ้าพลิ้วไหวที่ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ราวกับเมฆหมอกที่บดบังความจริงเอาไว้

ซือมั่วผู้เป็นตัวประหลาดที่มีชีวิตอยู่เป็นพันปีบอกว่า ชอบนาง และยังจะให้นางเป็นภรรยาของเขาอย่างนั้นหรือ นางหูฝาดไปใช่หรือไม่

ในส่วนลึกของดวงตาคู่สว่างไสวของมู่ชิงเกอแฝงความประหลาดใจ

นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้นางกลัวมากที่สุด แต่สิ่งที่นางกลัวคือ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางกลับไม่รู้สึกขยะแขยงและไม่ชอบใจเลยแม้แต่น้อย!

นี่มัน…สถานการณ์อย่างไรกัน!

ความมุ่งนั้นว่าจะไม่แต่งงานที่ได้กล่าววาจาไว้ล่ะ ภารกิจอันสำคัญที่สุดที่จะผจญภัยใต้หล้านี้ล่ะ แล้ว ทีบอกว่าจะปลอมตัวเป็นชายท่องไปทั่วทุกมุมโลกล่ะ แต่งงานมีลูก?!

คำพูดเหล่านี้ เป็นดั่งภาพอันน่ากลัวที่ค่อยๆ เผยออกมา!

มู่ชิงเกอจินตนาการถึงภาพที่ตนเองมือข้างหนึ่งอุ้มลูก ข้างหนึ่งต่อสู้กับคนร้าย ก็ตัวสั่นขึ้นมาในทันที ตกใจจนเกือบจะเหงื่อแตก

“เหอะ! ข้าจะต้องถูกคุณตัวประหลาดวางยาเป็นแน่! ต้องเป็นยาพิษขั้นร้ายแรงที่สร้างความหลงใหล!” มู่ชิงเกอด่าอย่างรุนแรงคำหนึ่ง ทันใดนั้น บนใบหน้าที่ซือมั่วจูบเมื่อคืนก็ร้อนผ่าวขึ้นมา นางยกมือขึ้นแนบแก้มอย่างไม่รู้ตัว และรับรู้ว่าแก้มของตนเองแดงและเห่อร้อนในทันที ความร้อนเช่นนี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ทำให้ร่างกายของนางราวกับเป็นเหล็กที่ถูกแผดเผาจนกลายเป็นสีแดง

ร้อนจนยากที่จะต้านทานได้ มู่ชิงเกอลุกขึ้นจากเตียงในทันที พลันยื่นคอออกไปตะโกนว่า “โย่วเหอ ฮวาเยวี่ย เตรียมนํ้า ข้าจะอาบนํ้าเย็น!”

แม้ว่านางจะไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมรับ แต่ก็จำเป็นต้องกระจ่างในความจริงที่ว่า นางถูกคุณตัวประหลาดอายุพันปีจีบ!

อาบน้าเย็นแต่เช้าเลยหรือ

คุณชายเล่นอะไรอีกแล้ว

โย่วเหอและฮวาเยวี่ยยกถังนํ้าเข้าไปในห้องของมู่ชิงเกอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง พลันเทนํ้าลงในอ่างอาบนํ้า

ไม่นาน ในอ่างอาบนํ้าก็เติมไปด้วยนํ้าเย็น

เมื่อโย่วเหอและฮวาเยวี่ยออกไป โย่วเหอจึงพูดว่า “คุณชาย เช้านี้จะรับอะไรดีเจ้าคะ”

มู่ชิงเกอพูดด้วยนํ้าเสียงที่แฝงความหงุดหงิด “ช่วงนี้ข้าร้อนใจ เจ้าเตรียมอาหารที่ดับร้อนก็พอแล้ว ใช่สิ ชาของข้าเปลี่ยนเป็นเก๊กฮวย!”

‘วันนี้คุณชายดูแปลกมาก!’

‘ใช่ๆ! เหตุใดอยู่ๆ ก็ร้อนใจขึ้นมาได้’

ทั้งสองคุยกันด้วยสายตา ก่อนจะถอยออกไป

หลังจากที่ทั้งสองออกไปแล้ว มู่ชิงเกอก็แช่ตัวเองลงในนํ้าเย็น จึงรู้สึกว่าความร้อนในร่างกายได้ถูกดับลง การอาบนํ้าเย็นในครั้งนี้ใช้เวลาอาบไปหนึ่งชั่วยามพอดี มู่ชิงเกอจึงเดินออกมาพร้อมความสดชื่น

ในห้องรับแขก บนโต๊ะกลม โย่วเหอได้เตรียมอาหารลดความร้อนให้กับมู่ชิงเกอไว้ตั้งนานแล้ว แต่ว่า มีเพียงฮวาเยวี่ยที่กำลังยุ่งอยู่ โย่วเหอกลับไม่อยู่

มู่ชิงเกอนั่งลง พลันยกโจ๊กขึ้นดื่มคำหนึ่ง แล้วถามว่า “โย่วเหอล่ะ”

ฮวาเยวี่ยพลางตักกับข้าวให้มู่ชิงเกอ พลางตอบ “นางไปจัดการภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากคุณชายเมื่อวานนี้”

นึกถึงภารกิจสืบข่าวขุมกำลังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเตียนหยวนที่นางได้มอบหมายให้กับโย่วเหอเมื่อวานนี้ มู่ชิงเกอก็พยักหน้า และไม่ได้ถามอะไรอีก

จนถึงช่วงบ่าย หลังจากที่มู่ชิงเกอตื่นจากนอนกลางวัน โย่วเหอจึงกลับมาพร้อมความเหน็ดเหนื่อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!