Skip to content

พลิกปฐพี 127-6

ตอนที่ 127-6

ยาและพิษเป็นสิ่งเดียวกัน!

ที่พักของหัวชางซู่ นับได้ว่าเป็นตำแหน่งที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดในโรงโอสถ แต่ทว่า พื้นที่อันสวยงามในตอนนี้ กลับถูกหมอกควันปกคลุมเอาไว้

ข้างนอกอากาศปลอดโปร่งอยู่แท้ๆ แต่พอเข้าไปใกล้ก็รับรู้ถึงความเย็นเยียบจนเข้ากระดูก ในขณะที่จูหลิงกลับมาถึง ก็มีความรู้สึกเช่นนี้ ราวกับว่าในพื้นที่ที่ถูกหมอกควันปกคลุมเอาไว้ ราวกับมีเปลวเพลิงแห่งโทสะปะทุอยู่

“ศิษย์พี่”

ลูกศิษย์โรงโอสถที่ผ่านมา ล้วนคำนับจูหลิง จูหลิงเรียกเอาไว้คนหนึ่งแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์และศิษย์พี่เตียวล่ะ”

คนผู้นั้นก้มหน้าลงและตอบว่า “ศิษย์พี่เตียวถูกท่านอาจารย์เรียกเข้าไปในห้อง ยังไม่ออกมา”

จูหลิงลังเลครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดกับเขาว่า “รู้แล้ว เจ้าไปเถิด”

หลังจากที่อีกฝ่ายจากไป จูหลิงจึงเดินเข้าไปในที่พักของท่านอาจารย์แต่ก็ยังคงลังเล ไม่ว่าท่านอาจารย์และเตียวหยวนจะคุยอะไรกันอยู่ ในตอนนี้ก็ไม่เหมาะที่นางจะเข้าไป

ดูเหมือนว่า หากต้องการสืบเรื่องนี้ ทำได้เพียงแค่หาโอกาสที่เหมาะสม

หลังจากที่ตัดสินใจแล้ว จูหลิงจึงหันหลังและเดินจากไป แต่ไม่ได้เดินไปไกลมากนัก เพียงแอบหยุดรออยู่บริเวณนั้น

ในห้องของหัวชางซู่ เตียวหยวนคุกเข่าอยู่บนพื้น ราวกับกำลังโดนทำโทษ

หัวชางซู่หันหลังให้เขา และพูดด้วยน์าเสียงอันเย็นเยียบว่า “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเป็นอย่างมาก! ถึงขั้นสั่งหลี่เฉิงฟงไปทำเรื่องเลว ๆ เช่นนั้น!”

สายตาอันโหดเหี้ยมของเตียวหยวนเผยความอำมหิต และพูดด้วยนํ้าเสียงอันเคร่งขรึม “ศิษย์เพียงให้เขาไปหาเรื่องศิษย์ในสำนักของโหลวชวนป่าย แต่ไม่คิดว่าเขา จะบ้าบิ่นมากถึงเพียงนั้น”

สิ่งที่น่าโมโหที่สุดคือ ทำไปแล้วหากสำเร็จก็น่ายินดี แต่นี่กลับเสียท่า ไม่เพียงแค่ ขายหน้ายังทำให้เขาต้องลำบากอีก

“พอเถิด เจ้าคิดว่าเรื่องที่เจ้าทำลับหลังข้า ข้าไม่รู้หรือ ตอนนี้เจ้ามีเวลามาจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไปเสียเวลากับการปรุงยาไม่ดีกว่าหรือ ในเวทีประลองเดือนหน้า สร้างชื่อเสียงให้ข้าและลบล้างความสำเร็จของโหลวชวนป่าย!” หัวชางซู่พูดอย่างหมดความอดทน หากไม่ใช่เพราะลูกศิษย์ผู้นี้คือคนที่เก่งที่สุด เขาคงจะฆ่าไปตั้งนานแล้ว

“รับทราบ ท่านอาจารย์” เตียวหยวนตอบรับ แต่นัยน์ตากลับปรากฏความอำมหิตที่ยากจะซ่อนเร้นได้ออกมา

เงียบไปครู่หนึ่ง เตียวหยวนจึงพูดว่า “ศิษย์ได้ข่าวว่า หลังจากที่เจ้ามู่เกอกลับโรงโอสถก็ได้ไปพบกับโหลวชวนป่าย ไม่รู้แน่ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน มู่เกอได้เข้าสู่สำนักของพวกโหลวชวนป่ายหรือไม่”

ข่าวนี้ ทำให้หัวชางซู่หันกลับมาในทันที พลันมองเตียนหยวนด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม นัยน์ตาของเขาเผยความเจ้าแผนการและความเย็นเยียบ ครู่หนึ่งจึงได้พูดว่า “เจ้าไปสืบมาให้กระจ่าง หากไม่สามารถให้ข้าใช้ได้ โหลวชวนป่ายเองก็อย่าคิดว่าจะได้”

“เข้าใจแล้ว ท่านอาจารย์’ ในสายตาของเตียวหยวนแฝงแผนการและความได้ใจ

“ออกไปเถิด” หัวชางซู่ยกมือขึ้นสะบัดอย่างรำคาญ

เตียวหยวนออกไปตามคำสั่ง

จูหลิงรออยู่นอกประตู เมื่อเห็นเตียวหยวนเดินออกมา หยุดคิดครู่หนึ่ง นางเองก็เดินออกมา ราวกับว่าพบกันโดยบังเอิญ

“ศิษย์พี่เตียว” จูหลิงทักทายด้วยรอยยิ้มอันเบิกบาน

สายตาของเตียวหยวนฉายความโหดเหี้ยม และพูดพร้อมรอยยิ้มอันเย็นเยียบว่า “ที่แท้ก็ศิษย์น้องจูนี่เอง ช่วงนี้ลมพัดแรงมาก ศิษย์น้องอยู่แต่ในโรงโอสถจะดีกว่า อย่าออกไปยุ่งกับคนและเรื่องราวที่ไร้สาระเลย”

“ขอบคุณศิษย์พี่มากที่เตือน ศิษย์พี่จะไปไหนหรือ” จูหลิงตอบด้วยรอยยิ้มอันเบิกบานดั่งดอกไม้

เตียวหยวนกระตุกรอยยิ้มอันร้ายกาจตรงมุมปาก พลัน พูดพร้อมสายตาอันโหดเหี้ยมว่า “แน่นอนว่าไป จัดการเรื่องที่ท่านอาจารย์สั่ง” พูดจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อและเดินจากไป

มองตามแผ่นหลังของเขา รอยยิ้มตรงมุมปากของจูหลิง ค่อยๆ จางไป ในใจแอบคิดถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเตียวหยวน

“ดูเหมือนว่า โรงโอสถจะไม่สงบอีกต่อไปแล้ว” ครู่หนึ่ง จูหลิงจึงพึมพำพร้อมสายตาอันเคร่งขรึม

มู่ชิงเกอออกจากที่พักของโหลวชวนป่าย และกลับบ้านไม้ไป

หากจะย้ายออกไป แน่นอนว่าจะต้องเก็บของ

นางจะไป แน่นอนว่าพี่น้องตระกูลเว่ยจะอาลัยอาวรณ์ แต่ว่า ก็รู้ว่าโอกาสเช่นนี้มันไม่ได้มาง่ายๆ แม้จะอาลัยอาวรณ์มากเพียงใด พวกเขาก็ไม่ได้ห้าม

ก่อนจะจากไป มู่ชิงเกอได้ไปพบกับฟู่เทียนหลง และได้พูดถึงเรื่องที่ไม่มีใครรู้

เพียงแต่ว่าก่อนไป นางก็ได้สั่งให้พี่น้องตระกูลเว่ยตั้งใจฝึกการปรุงยา จากนั้นจึงกลับที่พักของโหลวชวนป่าย พร้อมกับจ้าวหนานซิงที่มารับนาง

กลับมาที่นี่อีกครั้ง นางไม่ได้พบกับซางจื่อซู เห็นเพียงแค่เหมยจื่อจ้งในชุดสีขาวปลิวพลิ้วกำลังทำความสะอาดที่พักที่เตรียมไว้ให้กับนางยืนอยู่

“ศิษย์น้องมู่ สุดท้ายเจ้าก็มาเป็นศิษย์น้องของข้า” เหมยจื่อจ้งพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ

มู่ชิงเกอเผยรอยยิ้มบางๆ และพูดเบาๆ คำหนึ่งว่า “ศิษย์พี่”

เหมยจื่อจ้งพยักหน้าเล็กน้อย และพูดกับนางว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นนอกโรงโอสถในวันนี้ หนานซิงได้บอกข้าทั้งหมดแล้ว ขอบใจมาก”

“ศิษย์พี่อย่าได้เกรงใจ” มู่ชิงเกอพูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก

เหมยจื่อจ้งกลับพูดอย่างตั้งใจว่า “อย่างไรก็ตาม บุญคุณในครั้งนี้ข้าและท่านปรมาจารย์จะจำเอาไว้ เจ้ามาอยู่ที่นี่ ต้องการอะไรก็ให้มาหาข้า หากข้าไม่อยู่ ก็ไปหาหนานซิง”

“ได้ รบกวนศิษย์พี่ด้วย” มู่ชิงเกอพยักหน้า

ในคืนนี้ เป็นคืนแรกที่มู่ชิงเกอเข้าไปอยู่ในสำนักของโหลวชวนป่าย

ในยามค่ำคืน ถือว่าเงียบสงบ

วันต่อมา ตอนที่มู่ชิงเกอฟื้นจากการฝึกพลังเวทก็เที่ยงแล้ว

ทันทีที่นางออกจากประตู ก็เห็นโหลวชวนป่ายยืนหน้าเศร้าอยู่ข้างนอก ราวกับมีเรื่องทุกข์ใจ

“ท่านอาจารย์”

“ท่านอาจารย์!”

มู่ชิงเกอเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็เห็นเหมยจื่อจ้งและจ้าวหนานซิง รวมทั้งซางจื่อซูล้วนเดินออกมาล้อมโหลวชวนป่ายเอาไว้

โหลวชวนป่ายพยักหน้าอย่างใจลอย เห็นว่ามู่ชิงเกอเดินเข้ามาหาตนเอง จึงได้สติและพูดว่า “วันนี้ข้าไปประกาศเรื่องที่รับมู่เกอมาเป็นลูกศิษย์แต่หัวหน้าหัว

กลับดูนิ่งและประกาศภารกิจทดสอบปรุงยา ข้าคิดว่ามันแปลกๆ”

“ภารกิจทดสอบปรุงยาอันใดกัน” จ้าวหนานซิงถาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!