Skip to content

พลิกปฐพี 130-3

ตอนที่ 130-3

ของพวกนี้คือสมบัติอันล้ำค่าในการหลอมอาวุธ

ในปากที่เต็มไปด้วยคราบเลือดของมัน คาบร่างครึ่งท่อนที่เตียวหยวนโยนลงทะเลสาบเยวี่ยไว้ มันมองทุกคน พลางกัดแล้วกลืนกินร่างครึ่งท่อนนั้นลงไป

“เจ้ามนุษย์ริบังอาจรบกวนเวลาพักผ่อนของข้า!” มังกรวารีตัวใหญ่กลางอากาศ ยังสามารถพูดภาษาคนได้อีกด้วย

ลูกศิษย์โรงโอสถที่อยู่บนพื้น หน้าซีดลงอีกหลายระดับ มีหลายคนถึงขั้นยืนไม่ไหว นั่งลงกับพื้น ขาทั้งสองข้างต่างแปดเปื้อนดินโคลน

สีหน้าของเตียวหยวนเองก็ขาวซีด สายตาอันโหดเหี้ยมมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่

แต่ทว่า เขาก็ยังคงรวบรวมความกล้า หยิบสิ่งของบางอย่างออกจากกระเป๋า แล้วยื่นให้กับมังกรวารีตัวใหญ่นั่น

มังกรวารีก้มหน้าลงมองมือของเตียวหยวน ในมือของเขา มีป้ายเล็กๆ กำอยู่

มู่ชิงเกอและทุกคนล้วนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า บนป้ายนั่นมีคำว่า ‘หัว’ แน่นอนว่ามันคือป้ายประจำตัวของหัวชางซู่และเป็นตัวแทนของหัวชางซู่!

มังกรวารีตัวใหญ่รู้จักป้ายนั่น และพูดขึ้นอีกครั้งว่า “เจ้าเป็นคนที่มนุษย์ผู้นั้นส่งมาหรือ”

เตียวหยวนพยักหน้า

“แย่แล้ว มังกรวารีตัวใหญ่นั้นมีความสามารถไม่น้อยกว่าสายนํ้าเงิน เราจะต้องหาโอกาสหนีไป” มู่ชิงเกอพูดกับทั้งสี่ที่อยู่ข้างๆ โดยกดโทนเสียงให้ตํ่าลง

ทั้งสี่พยักหน้าเล็กน้อย ในสายตาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด

“ว่ามา เรื่องอันใดกัน ช่วยเจ้าครานี้ สิ่งที่ข้าติดค้างเขาเอาไว้ก็ถือว่าหมดสิ้น” มังกรวารีตัวใหญ่พูดขึ้นอีกครั้ง

ความหวาดผวาในดวงตาของเตียวหยวนเริ่มแปรเปลี่ยน เป็นความตื่นเต้น มือที่ถือป้ายของเขาชี้พวกของมู่ชิงเกอในทันที และพูดอย่างอำมหิตว่า “ฆ่าพวกเขา!”

“ฆ่าคนอย่างนั้นหรือ” ส่วนศีรษะของมังกรวารีค่อยๆ หันไปหาพวกของมู่ชิงเกอ นํ้าเสียงของมันนิ่งสงบ สำหรับมันแล้ว การฆ่าคน เป็นเรื่องธรรมดาราวกับการ กินอาหาร

พวกของมู่ชิงเกอถูกมันจ้องจนหนังหัวกระตุก

“ใช่! ฆ่าพวกมันเสีย! อีกประการหนึ่ง ข้าต้องการหน่อจันทร์มายาที่อยู่ใต้ทะเลสาบเยวี่ย! เตียวหยวนรีบบอกความต้องการของตนเอง

ในตอนนี้ดวงตาของมังกรวารีเย็นเยียบลงหลายเท่า พลันมองเตียวหยวน “เจ้ามนุษย์โลภมาก คิดอยากครอบครองหน่อจันทร์มายาของข้า รีบใสหัวไปเสีย มิ เช่นนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าด้วย”

สีหน้าของเตียวหยวนเปลี่ยนไป ในส่วนลึกของสายตามีความคลุมเครือ หลังจากที่เถียงกันตนเองครู่หนึ่ง จึงกัดฟันและพูดกับคนข้างหลังว่า “ไป!”

เขาพากำลังคนและเตรียมจะจากไป มู่ชิงเกอกลับฉวยโอกาสนี้ในการพูดกับทั้งสี่ว่า “เราก็ไปกันเถิด แยกกันไป!”

แทบจะในขณะนั้นเอง พลังคนและม้าที่ต่อสู้กันก่อนหน้านี้ ล้วนเคลื่อนตัวและพุ่งออกจากทะเลสาบเยวี่ย

เตียวหยวนเห็นว่ามู่ชิงเกอกำลังหนี ความเลือดเย็นในสายตาชัดเจนเป็นอย่างมาก

“คิดจะหนีหรือ พวกมนุษย์เจ้าเล่ห์!” มังกรวารีสัมผัสได้ว่าพวกของมู่ชิงเกอกำลังเคลื่อนไหว หางยาวของมัน สะบัดทีหนึ่ง ก็ทำให้ทั้งห้าลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วกระแทกลง และในขณะนั้นเอง เตียวหยวนและคนอื่นๆ ก็ได้เข้าสู่ผืนป่าในสภาพสะบักสะบอม

“ทำอย่างไรดี” ทันทีที่ทั้งห้าร่วงลงพื้น ก็เขยิบเข้าไปใกล้กัน โดยล้อมกันเป็นวงกลมและมองมังกรวารีอย่างระวัง จ้าวหนานซิงหันมาถาม

มู่ชิงเกอหรี่ตาลง และพูดอย่างเย็นเยียบว่า “หากหนีไม่ได้ก็สู้!”

ทันทีที่สิ้นเสียง มือขวาของนางก็มีแสงสีนํ้าเงินอันแสบตาส่องประกายออกมา ปลอกนิ้วที่สวมอยู่กลายเป็นทวนเทพหลิงหลงอยู่ในกำมือของนาง

ภาพนี้ทำให้ทั้งสี่ที่อยู่ข้างนางตะลึง

มังกรวารีกลางอากาศพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “อาวุธเทพ!”

ในดวงตาดวงโตสาดฉายประกายแห่งความละโมบออกมา

“ฆ่า!” มู่ชิงเกอพูดด้วยโทนเสียงต่ำ รอบข้างเกิดลำแสงสีนํ้าเงินและพุ่งเข้าหามังกรวารี

มังกรวารียิ้มเยาะ สะบัดหางยาวทีหนึ่ง หยุดการโจมตีของมู่ชิงเกอเอาไว้

“สายนั้าเงิน! เขาเป็นถึงสายนํ้าเงิน!” จ้าวหนานซิงเงยหน้าขึ้นมองมู่ชิงเกอที่กำลังต่อสู้กับมังกรวารีอย่างตะลึง

“ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเป็นสายนํ้าเงินระดับสูงสุด!” เหมยจื่อจ้งพูดเสริมด้วยท่าทางอันแนบนิ่ง แต่ทว่า ไม่มีใครสัมผัสได้ถึงความเงียบเหงาที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา

สูด~~~

ซางจื่อซูและคนอื่นๆ ล้วนสูดหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง

จูหลิงพูดด้วยความสับสนว่า “ทักษะการปรุงยาที่พลิกปฐพีก็ช่างเถิด แต่ยังเป็นถึงยอดฝีมือสายนํ้าเงินระดับสูง ยังเหลือพื้นที่ไว้ให้คนอื่นๆ อยู่หรือไม่”

จ้าวหนานซิงมองนาง และพูดด้วยรอยยิ้มอันทุกข์ใจว่า “ในครั้งนี้ ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของเจ้า”

“หยุดพูดมากได้แล้ว เราจะยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้” ซางจื่อซูก้าวออกมา สายตาอันเย็นชาจ้องร่างของมู่ชิงเกอที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วพร้อมพูด

เหมยจื่อจ้งพยักหน้าและพูดกับทั้งสามว่า “ความสามารถของเราสู้ศิษย์น้องมู่ไม่ได้ แต่จะอยู่เฉย ๆ รอความตายไม่ได้ เรากระจายกันออกไปล่อมังกรวารี เพื่อ เบี่ยงเบนความสนใจของมัน ในขณะเดียวกันก็ต้องระวังตนเองให้ดี อย่าเป็นภาระให้ศิษย์น้องมู่”

ทั้งสามพยักหน้าด้วยสายตามันเคร่งขรึม และแยกกันไปคนละทาง เพื่อโจมตีมังกรวารี

ทั้งสี่มีเป้าหมายหลักคือการรบกวน เพราะฉะนั้นในการโจมตีทุกครั้งมิได้สร้างบาดแผลอันใดให้กับศัตรู เพียงแต่หลบไปอย่างรวดเร็วและมีบางครั้งที่เทยาออกมาถุงหนึ่ง เพื่อรบกวนการเคลื่อนไหวและการมองเห็นของมัน

มังกรวารีถูกพวกเขารบกวนจนแทบจะหมดความอดทน แล้วยังต้องรับมือกับการโจมตีของมู่ชิงเกอ จึงตะโกนออกมาทั้งความโกรธว่า “เจ้ามดปลวกน่า รังเกียจ! ไปตายซะ!”

พูดจบมันก็คำรามทีหนึ่งและยิงธนูนํ้าพุ่งเข้าหาทั้งสี่จากทางปาก

การโจมตีอย่างกะทันหัน ทำให้เหมยจื่อจ้งที่ได้สติเป็นคนแรกหรี่ตาลงและตะโกนว่า “รีบหนี!”

เขามีความ รู้สึกว่า หากถูกธนูนํ้าอันหนาใหญ่นี้แทงเข้า แม้ว่าเขาจะเป็นสายคราม ก็อาจจะเอาชีวิตไม่รอด

เพราะคำเตือนของเหมยจื่อจ้ง จ้าวหนานซิงและจูหลิง ล้วนถอยหนี

มีเพียงซางจื่อซูที่อยู่ใกล้ที่สุด ในขณะที่เห็นธนูนํ้า มันก็อยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ จึงไม่สามารถหลบได้

“จื่อซู!”

“จื่อซู!”

จ้าวหนานซิงและจูหลิงตกใจจนร้องเสียงหลง พวกเขาอยากจะไปช่วยจนสุดชีวิต แต่เพราะระยะทางกลับไกลมากถึงเพียงนั้น ซางจื่อซูได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจของพวกเขาและ เห็นธนูนํ้าที่เข้าหาตนเองอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเย็นเยียบจนเข้ากระดูก ทั้งยังแหลมคมอย่างเป็นที่สุด รวมทั้งไอสังหารที่มาพร้อมกับธนูนํ้า ทำให้นางถูกสะกดอยู่กับที่ไม่สามารถขยับตัวได้

‘จะต้องตายไปเช่นนี้แล้วหรือ!’ ในขณะที่ธนูนํ้าอยู่ใกล้ตนเองเพียงนิดเดียวเท่านั้น ซางจื่อซูก็พูดอย่างแนบนิ่งในใจ

ไม่มีความหมดหวัง ไม่มีความกลัว มีเพียงความเสียดายจางๆ

นางยังมีเรื่องอีกมากมายที่ยังคางคาอยู่ ที่รับปากกับมู่ชิงเกอว่าจะปรุงยาสามปีก็ยังไม่ได้ทำตามเลย…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!