ตอนที่ 181-4
อยู่ห่างเขาไว้เขาอันตรายมาก
รุ่งเช้าของวันที่สอง มู่ชิงเกอตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ออกมาจากห้องนอนของเจียงหลี
บรรดาหญิงรับใช้ที่เตรียมจะมาปรนนิบัติเจียงหลีตอนตื่นนอน อีกทั้งองครักษ์จวนรับรองถูกนางทำให้ตกใจจนหม้อไหกะละมังหล่นพื้นตกแตก คุณชายมู่มาที่จวนรับรองตั้งแต่เมื่อใดกัน? แล้วเหตุใดจึงออกมาจากห้องฮ่องเต้หญิงของพวกเขาได้?
ฮือ ฮือ ฮือ ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของฮ่องเต้หญิงถูกทำลายไปแล้วหรือนี่?
ข้ารับใช้หญิงของแคว้นกู่วู่พกเอาความรู้สึกโศกเศร้าไม่พอใจเข้าไปในห้องของเจียงหลี
เจียงหลีที่อยู่ในการหลับใหลถูกเสียงดังปลุก ส่งเลียงคำรามด้วยความโมโหว่า “ไสหัวไป!”
สะเทือนจนหลังคาเรือนรับรองสั่นไหว
มู่ชิงเกอกลับมาถึงเรือนรับรอง วันเวลาต่อจากนั้นนางก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก
ผ่านไปห้าวัน ก็มีการเปิดงานชุมนุมใหญ่ของหลินชวน วังหลวงส่งคนนำกฎระเบียบงานชุมนุมใหญ่หลินชวนมาส่งถึงมือตัวแทนแต่ละกลุ่มอำนาจของแต่ละแคว้นที่เรือนรับรองตั้งแต่เช้าตรู่
พูดกันอย่างจริงจังงานชุมนุมใหญ่หลินชวนครั้งนี้เป็นการประลองฝีมือระหว่างแคว้นอันดับสองกับแคว้นอันดับสามเท่านั้น ส่วนอาณาจักรเซิ่งหยวนและกลุ่ม อำนาจอื่นๆ ที่ได้รับสิทธิ์ตั้งแต่ต้น เพียงแค่นั่งชมความสนุกอยู่ข้างๆ เท่านั้น
ดังนั้นกฎการประลองของงานชุมนุมใหญ่คือสามรอบ คัดออกตามคะแนนกลุ่ม สี่แคว้นที่ชนะจะได้รับสี่สิทธิ์สุดท้าย
เพียงแต่ว่าตอนที่มู่ชิงเกอได้รับระเบียบและอ่านจนจบแล้วนั้น เกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นในใจ
“เป็นอะไรไป?” จ้าวหนานซิงเห็นท่าทางของมู่ชิงเกอแปลกไป จึงเอ่ยปากถามขึ้นมา
มู่ชิงเกอนำกฎในมือตนเองส่งให้กับจ้าวหนานซิงและฟ่งอวี๋เฟย ย่นคิ้วเอ่ยขึ้นว่า “ครั้งนี้สี่ตระกูลใหญ่เข้าร่วมด้วย”
“พวกเขานึกสนุกอะไรขึ้นมา?” จ้าวหนานซิงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจแกมสงสัย
ส่วนฟ่งอวี๋เฟยใส่ใจในเรื่องของปัญหาการแบ่งรายชื่อ “หากพวกเขาเข้าร่วมด้วยแล้วชนะขึ้นมา ก็ต้องแบ่งสิทธิ์ไปหนึ่งสิทธิ์ด้วยหรือเปล่า?’’
มู่ชิงเกอส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือสิ่งที่ข้าว่าแปลก ความจริงแล้วงานชุมนุมใหญ่ของหลินชวนทุกครั้งสี่ตระกูลใหญ่จะได้สิทธิ์จากเชื้อพระวงศ์ ดังนั้นจึงไม่ได้เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่หลินชวน แม้ว่าครั้งนี้จะเข้าร่วม แต่ก็เพียงเข้าร่วมเท่านั้นไม่ได้มาชิงสิทธิ์”
จ้าวหนานซิงเองก็พยักหน้า ดูกฎพลางเอ่ยขึ้นว่า “ในกฎบอกว่า คนของสี่ตระกูลใหญ่เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่หลินชวนนี้ เพียงเพื่อเป็นโอกาสให้บรรดาคนรุ่นเยาว์ในตระกูลเก็บประสบการณ์สักครั้ง”
“แปลกประหลาดถึงเพียงนี้? เรื่องที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ สี่ตระกูลใหญ่จะมาพัวพันหรือ?” ฟ่งอวี๋เฟยเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
มู่ชิงเกอคิดใคร่ครวญโดยละเอียด ขบเม้มริมฝีปากเอ่ย สิ่งที่คาดเดาออกมา “ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีประโยชน์หากในงานชุมนุมใหญ่หลินชวนนี้สามารถบั่นทอนกำลังของแคว้นอื่นลงได้หลังจากที่เข้าไปหาสมบัติในเศษซากของสถานโบราณแล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์ก็จะเป็นพวกเขา”
“แต่กล่าวเช่นนี้ก็ออกจะดูลงทุนลงแรงเกินไปนัก” จ้าวหนานซิงเอ่ยขึ้นอย่างลังเล
มู่ชิงเกอย่นคิ้วพยักหน้ารับ “นี่คือจุดที่ข้ารู้สึกว่าแปลกๆ ตอนนี้ยังไม่เข้าใจ บางทีในระหว่างงานชุมนุมใหญ่อาจ จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นก็ได้”
“อืม” จ้าวหนานซิงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของมู่ชิงเกอ
ถึงอย่างไรการเข้าร่วมของสี่ตระกูลใหญ่ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ถึงพวกเขาคัดค้านไปก็ไม่มีประโยชน์
จ้าวหนานซิงก้มหน้าลงวิเคราะห์กฎการแข่งขันโดยละเอียด จากนั้นก็ส่งต่อให้กับฟ่งอวี๋เฟย เขามองหน้ามู่ชิงเกอแล้วเอ่ยขึ้นว่า “การแข่งขันแบ่งเป็นสามรอบ ทุกรอบแข่งเจ็ดวัน จากนั้นให้พักผ่อนสามวันค่อยแข่งขันต่อ รอบแรกคือการพิทักษ์เขตแดน โดยหกแคว้นที่ต้องการชิงตำแหน่งจะต้องแบ่งกันพิทักษ์หกเขตแดน และคนที่แต่ละแคว้นพามาจะต้องแบ่งเป็นกลุ่มป้องกันและกลุ่มโจมตี กลุ่มป้องกันก็จะต้องตั้งมั่นปกป้องเขตแดน หากเขตแดนของแคว้นตนเองถูกแย่งชิง ตัวแทนแคว้นแคว้นนั้นก็จะถูกตัดสิทธิ์การแข่งขันหนึ่งรอบ ส่วนกลุ่มโจมตีรับผิดชอบจู่โจมเขตแดนของแคว้นอื่น หากแพ้ก็ไม่มีผลอะไร ปกป้องเขตแดนสำเร็จครั้งหนึ่งจะได้รับคะแนนสะสมสามแต้ม โจมตีเขตแดนชนะครั้งหนึ่งจะได้ คะแนนสะสมสองแต้ม ตลอดการแข่งขันเจ็ดวันนี้ไม่แบ่งกลางวันกลางคืน เมื่อเริ่มต้นแล้วก็จะสิ้นสุดลงในอีกเจ็ดวันให้หลัง สุดท้ายก็จะจัดอันดับตามคะแนนสะสม ในกฎกล่าวไว้ชัดเจน สุดท้ายสองแคว้นที่ถูกคัดออกก็ต้องดูคะแนนสะสมรวมทั้งสามรอบ”
ตอนนี้เองฟ่งอวี๋เฟยที่อ่านกฎจบแล้วก็หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นว่า “หากผู้ปกป้องเขตแดนถูกตีแตกภายในร้อยกระบวนท่าก็จะนับว่าปกป้องเขตแดนไม่สำเร็จ ถูกระงับการแข่งขันหนึ่งรอบ แต่ถ้าหากกลุ่มโจมตีใช้เกินร้อยกระบวนท่าถึงจะเอาชนะกลุ่มป้องกันได้นั้นก็จะนับเพียงแค่ว่าเป็นการท้ารบสำเร็จ สามารถไปท้ารบเขตแดนอื่นต่อได้ แต่กลุ่มที่ปกป้องเขตแดนก็จะไม่ถูกนับว่าพ่ายแพ้”
มู่ชิงเกอเคาะนิ้วเป็นจังหวะลงบนโต๊ะ เอ่ยเตือนทั้งสองคนว่า “ดังนั้นพวกเราจะต้องจำกฎนี้เอาไว้ให้ดี หากทำให้อีกฝ่ายหยุดการแข่งขันไปหนึ่งรอบ พวกเขาก็จะสูญเสียคะแนนสะสมไปอย่างน้อยสิบแต้ม เช่นนั้นก็จะต้องเตะอีกฝ่ายลงจากเขตแดนภายในร้อยกระบวนท่าให้ได้”
“นี่เป็นระบบสะสมคะแนน หากคนของเราสามารถทำให้แคว้นอื่นถูกระงับการแข่งขัน การสะสมคะแนนของพวก เขาก็จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย” ฟ่งอวี๋เฟยกล่าว
จ้าวหนานซิงกลับตีความในใจรอบหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ พวกเราไม่สามารถดูแค่ผลของรอบนี้ ยังมีการแข่งขันอีกสองรอบ ในการแข่งขันรอบแรกนี้ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็จะต้องทุ่มเทเอาชนะคว้าคะแนนสะสม”
มู่ชิงเกอเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วย “ไม่เลว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาวัดผลแพ้ชนะ พวกเราจะต้องคว้าคะแนนของตัวเองมาไว้ให้มั่นเสียก่อน ดังนั้นการคัดเลือกคนที่จะมาปกป้องเขตแดนคือหัวใจสำคัญ จำเป็นต้องตั้งรับการโจมตีของแคว้นอันดับสองสามครั้งให้ได้ไม่สามารถถูกระงับการแข่งขัน สูญเสียเวลาในการคว้าคะแนน ส่วนการคัดเลือกคนที่จะมาโจมตีเขตแดนนั้นขอเพียงสามารถรับรองว่าทุกครั้งที่โจมตีมีสิทธิ์คว้าคะแนนได้ก็พอแล้ว”
ฟังดูแล้วเหมือนไม่ยาก แต่ในทางปฏิบัติจริงนั้น…
ฟ่งอวี๋เฟยมองสบตากับจ้าวหนานซิง ต่างหัวเราะขมขื่นในใจ
คนที่พวกเขาพามา แม้ว่าจะเก่งกล้าในแคว้น แต่เมื่อเทียบกับแคว้นอันดับสองแล้วยังคงมีความต่างชั้นอย่างเห็นชัด ไม่ว่าจะเป็นการปกป้องเขตแดนหรือโจมตีเขตแดนคล้ายกับไม่มีทางได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย