Skip to content

พลิกปฐพี 188-2

ตอนที่ 188-2

ตระกูลหลานขวัญกล้าเทียมฟ้า!

“เจ้าคิดจะเข้าไปกับพวกเราจริงหรือ? ในเมื่อมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนมากมายเพียงนั้น ไม่สู้ให้เจ้ารั้งอยู่ที่นี่ยังพอจะขัดขวางพวกเขาที่เล่นตุกติกอยู่ข้างนอก” มู่ชิงเกอเอ่ยเตือนเจียงหลีขึ้นอีกครั้ง

เจียงหลีส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ช่องว่างแห่งการทดสอบ เมื่อเปิดออกก็ยากที่จะเปิดขึ้นอีกครั้งในระยะเวลาอันสั้น ถ้าหากข้าอยู่ข้างนอกแม้จะรู้ว่าพวกเขามีกลอุบายใดกับเจ้าก็ทำได้เพียงร้อนใจ ดังนั้นข้ายังคงจะเข้าไปกับเจ้า ยังไงซะข้าเองก็ยังไม่เคยเห็นว่าช่องว่างแห่งการทดสอบนี้แท้จริงเป็นเช่นไร”

นางพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ มู่ชิงเกอกลับสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของนางจากในประโยค ในใจเกิดความรู้สึกตื้นตัน มู่ชิงเกอเอ่ยกับนางว่า “ความจริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าไปเสี่ยงอันตรายเพื่อข้า”

“หากเปลี่ยนเป็นตัวเจ้าล่ะ?” เจียงหลีย้อนถาม

มู่ชิงเกอไม่มีสิ่งใดจะกล่าว สิ่งที่นางจัดการได้ไม่ถนัดคือปัญหาเรื่องความรู้สึกประเภทต่างๆ หากไม่ประมือกันระหว่างนางกับเจียงหลีก็คงไม่ได้รู้จัก สัญญาใจที่ออกมาจากจิตวิญญาณ กลายเป็นสายสัมพันธ์และมิตรภาพที่ไร้รูปร่าง ผูกทั้งสองฝ่ายเอาไว้ นางไม่หวังให้เจียงหลีตกอยู่ในอันตรายเพื่อนาง แต่ก็เข้าใจได้เช่นเดียวกัน หากวันนี้คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเป็นเจียงหลี เกรงว่าตัวนางเองก็คงยืนอยู่ข้างหน้ากำบังเกาทัณฑ์ทั้งในที่ลับที่แจ้งเพื่อนาง

ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยกับเจียงหลีประโยคหนึ่งว่า “ทุกอย่างต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยก่อน”

เจียงหลีเอ่ยกับนางยิ้มๆ “หวังแค่ว่าพวกเราจะแค่กังวลใจไปเกินเหตุ สุดท้ายแล้วไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย”

“ไปกันเถอะ ใกล้ได้เวลาแล้ว” มู่ชิงเกอเอ่ยกับเจียงหลี

ตอนที่เข้าไปในพระราชวัง มู่ชิงเกอก็ครุ่นคิดอยู่ในใจ เดิมทีนางคิดไว้ว่าแคว้นระดับสามจะผูกไว้ด้วยกัน หลังจากที่เข้าไปในช่องว่างแห่งการทดสอบก็หาแผ่นป้ายด้วยกัน สุดท้ายค่อยมาจัดแบ่งตามคะแนนสะสมของทั้งสามฝ่าย รับประกันว่าทั้งสามแคว้นต่างมีคุณสมบัติที่จะเข้าไปในสุสานโบราณ

แต่ว่าหากในช่องว่างแห่งการทดสอบมีคนพุ่งเป้ามาที่นางจริงๆ คนของแคว้นลี่กับแคว้นอวี๋ติดตามนาง จะต้องได้รับอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย หากแยกกัน หากว่าพวกเขาถูกกุมตัวไปเป็นเป้าล่อนาง…ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนกัน ทันใดนั้นมู่ชิงเกอก็มีความรู้สึกว่าเป็นภาระผู้อื่นขึ้นมา ความรู้สึกนี้ทำให้นางรู้สึกไม่ดี อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

“ชิงเกอ อย่าคิดมาก เรื่องทุกอย่างยังไม่เกิดขึ้น เจ้าไม่ต้องแบกนับภาระหนักอึ้งเช่นนี้” ราวกับจ้าวหนานชิงสัมผัสได้ว่ามู่ชิงเกอมีความกดดันจึงเอ่ยปากปลอบ โยน

ฟ่งอวี๋เฟยก็เอ่ยขึ้นว่า “คุณชาย ที่พวกเราติดตามท่าน เพราะอยากจะแข็งแกร่ง ไม่ได้หวังจะเป็นภาระของท่าน ดังนั้นไม่ต้องกังวลพวกเราจนเกินไป”

มู่ชิงเกอมองคนทั้งสอง ก่อนจะระบายยิ้มออกมา

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบไร้เสียง

คนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึงเขตหวงห้ามของพระราชวัง ด้านหน้าเส้นทางของการเปิดช่องว่างแห่งการทดสอบ

สถานที่แห่งนี้ว่างเปล่าจนไม่ปรากฏสิ่งใด

เกรงว่าแม้ไม่ได้เขียนป้ายว่า ‘เขตหวงห้าม’ ก็ไม่มีใครฝ่าเข้าไป ถึงแม้จะฝ่าเข้าไปก็ไม่ได้อะไร

มู่ชิงเกอรอเวลาให้ผู้คนเดินทางมาถึง มีคนมาที่นี่แล้วไม่น้อย

คนจากแคว้นต่างๆ ของแคว้นระดับสอง ยังมีคนหนุ่มสาวจากสี่ตระกูลใหญ่ที่เกาะกลุ่มกันอยู่

มู่ชิงเกอมองกวาดสายตาไป แควันตี๋ แคว้นหรง แคว้นอวี่ต่างก็พาคนเข้าไปหนึ่งร้อยห้าสิบคน ส่วนฝั่งของสี่ตระกูลใหญ่จำนวนคนเยอะที่สุด เครื่องแต่งกายหลากหลายคละอยู่ด้วยกันมีประมาณสามสี่ร้อยคน เวลานี้หวงฝู่ฮ่วนก็เดินผ่านมา ยืนอยู่ระหว่างมู่ชิงเกอกับเจียงหลี เอ่ยเสียงทุ้มตํ่าว่า “คนตระกูลหลานยังไม่มา”

เจียงหลีกวาดสายตามองก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าเองก็ยังไม่เห็นคนของสำนักหมื่นอสูรและหอหลอมศาสตรา”

เรื่องนี้หวงฝู่ฮ่วนกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ “วันนี้เข้าไปในช่องว่างแห่งการทดสอบ เจ็ดวันให้หลังจึงจะสามารถออกมาได้พวกเราที่อยู่ด้านนอกไม่มีทางรับรู้ สถานการณ์ด้านในได้ มาก็มาเปล่า ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของกลุ่มอำนาจที่ไม่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขัน”

เจียงหลีนิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามขึ้นว่า “หากโลกภายนอก ไม่สามารถรับรู้ได้ แล้วคนข้างในเกิดอันตรายขึ้นมาจะทำเช่นไร?”

หวงฝู่ฮ่วนยิ้มอย่างมีเลศนัย เก็บงำเอาไว้“รออีกสักครู่หนึ่งเจ้าก็จะได้รู้แล้ว”

มู่ชิงเกอมองดูคนทั้งสอง ดวงตากระจ่างใสแฝงแววพิจารณา มองดูสายตาที่หวงฝู่ฮ่วนใช้มองเจียงหลี คล้ายกับว่ามีอะไรไม่เหมือนเดิม แต่ว่าตรงไหนที่ไม่เหมือนเดิมกันแน่ นางเองก็บอกไม่ถูก

ทันใดนั้น ก็แว่วเสียงฝีเท้าคนชุดหนึ่งลอยมา ขัดจังหวะบทสนทนาของใครหลายๆ คน ผู้คนที่ยืนอยู่ด้านในเขตหวงห้าม ต่างก็มองผู้มาใหม่

เห็นแค่เพียงคนหนุ่มสาวที่สวมชุดเครื่องแบบจวนตระกูลหลาน ภายใต้การนำของหลานเฟยเยว่ที่สวมผ้าคลุมหน้า เอ้อระเหยลอยชายมาสาย

คนเหล่านี้มีมากกว่าร้อยคน เช่นนี้นับๆ ดูแล้วจำนวนคนของสี่ตระกูลใหญ่มีประมาณห้าร้อยคน เป็นกลุ่มที่มีจำนวนคนที่เยอะที่สุดในการเข้าไปในช่องว่างแห่งการทดสอบ

ในสี่ตระกูลใหญ่มีจิ่งเทียนเป็นผู้นำคนตระกูลจิ่ง

หลังจากที่สู้รบปรบมือกับมู่ชิงเกอไปหลายครั้ง ทั้งยังถูกบิดากล่าวตักเตือนด้วยความอดทน ความทะนงตนที่เขาเคยมีก็ลดลงไปเยอะมาก เวลานี้เมื่อพบมู่ชิงเกอก็คล้ายว่าเขาไม่รู้จักนางอย่างนั้น ไม่มองมาสักนิด

คนของตระกูลฮวาล้วนเป็นสตรี นำโดยคุณหนูฮวาฉินฉินที่รักมู่ชิงเกอแต่ฝ่าเข้าไปไม่ได้ผู้นั้น

ตระกูลเฉินย่อมนำโดยเฉินปี้เฉิง

หลานเฟยเยว่นำคนตระกูลหลานเดินเข้ามา สีหน้าฉายประกายเย็นชา ดูโดดเดี่ยวเย็นชาราวกับจันทราในคืนเหมันต์ เดินผ่านมู่ชิงเกอไปรวมตัวกับสี่ตระกูลใหญ่ ตอนที่นางเดินผ่านข้างๆ ตัวเองนั้น มู่ชิงเกอได้ยินเสียงแค่นในลำคออันเยือกเย็นทิ่มกระดูกอย่างชัดเจน และก็เป็นเพราะระยะห่างอันแสนใกล้นี้ มู่ชิงเกอสำรวจ ใบหน้าของนางภายใต้ผ้าคลุม ไม่พบรอยแผลเป็นอันน่าเกลียดที่ถูกตนเองทำไว้

มู่ชิงเกอเลียริมฝีปาก เอ่ยในใจ ‘ดูท่าว่าสายข่าวของเจียงหลีจะไม่ผิด สำนักหมื่นอสูรมอบยาฟื้นฟูให้ตระกูลหลาน’

ความพิเศษของสำนักหมื่นอสูร สามารถมียาฟื้นฟูของโรงโอสถเตรียมเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

“ความแค้นที่นางมีต่อเจ้า ไม่แม้แต่จะปกปิดเก็บเอาไว้เลย!” เจียงหลีกระซิบข้างหูมู่ชิงเกอ

เสียงแค่นเสียงอย่างเย็นชานั้น ไม่ใช่มีเพียงมู่ชิงเกอคนเดียวที่ได้ยิน

มู่ชิงเกอหัวเราะนิ่งๆ ไม่ได้ใส่ใจท่าทีที่หลานเฟยเยว่มีต่อตน

เช่นเดียวกัน นางเองก็ไม่รู้สึกว่านางลงมือเหี้ยมโหดเกินไป วันนั้นหากว่าระดับพลังของนางไม่สูงกว่า หลานเฟยเยว่สู้นางไม่ได้ เกรงว่าบทสรุปของคนทั้งคู่จะ สลับกัน

สิ่งที่ตนไม่ปรารถนา ก็อย่าไปยัดเยียดให้ผู้อื่น นางก็แค่เพียงคัดลอกวิธีการของผู้อื่นมาใช้กับตนเองก็เท่านั้น

เมื่อหลานเฟยเยว่นำคนตระกูลหลานยืนอยู่กับสี่ตระกูล ผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมดก็ถือว่ามากันครบหมดแล้ว

รอคอยเพียงประมุขทั้งสี่ตระกูลที่ถือกุญแจเปิดช่องว่างแห่งการทดสอบ อีกทั้งการปรากฏตัวของจักพรรดิหยวน หวงฝู่เฮ่าเทียน ท่ามกลางสี่ตระกูลใหญ่ ฮวาฉินฉินมองหลานเฟยเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เผยรอยยิ้มสะดุดใจคนเป็นพิเศษ “เอ๊ะ นี่ไม่ใช่คุณหนูเฟยเยว่หรอกหรือ? เหตุใดจึงไม่คอยอยู่ที่ตำหนักหลีกงกันเล่า จะออกมาลำบากกับพวกเราทำไม!”

นางตั้งใจเย้าแหย่หลานเฟยเยว่ พาให้บรรดาทหารหญิงตระกูลฮวาระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การเขม่นของเพศเดียวกัน

โดยเฉพาะฮวาฉินฉินและหลานเฟยเยว่ต่างก็เป็นโฉมงามทั้งคู่ เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกขัดหูขัดตากัน

แต่ก่อน เนื่องจากฮวาฉินฉินเห็นว่าหลานเฟยเยว่แสดงตนเป็นคนของตำหนักหลีกงดังนั้นจึงไม่กล้าล่วงเกินมากนัก แต่พอมาวันนี้ฝันหวานในการเข้าตำหนักหลีกงของหลานเฟยเยว่ดับสลาย ทั้งยังหาเรื่องเป็นปรปักษ์กับมู่ชิงเกออยู่ตลอดเวลา ฮวาฉินฉินไหนเลยจะปล่อยโอกาสในการเหยียบนางให้จมดินผ่านไป?

“หุบปาก” หลานเฟยเยว่สาดคำพูดเย็นชาออกมาหนึ่งประโยค

ฮวาฉินฉินตะลึง แค่นเสียงในลำคออย่างไม่สนใจ “ทำไมรึ คุณหนูเฟยเยว่ยังจะใช้ชื่อของมหาปราชญ์มากดขี่พวกเราหรืออย่างไร?”

หลานเฟยเยว่มองตรงมาที่นาง เผยให้เห็นส่วนหนึ่งของแส้หนังโผล่มาที่แขนเสื้อ เอ่ยด้วยนํ้าเสียงเยือกเย็น “เจ้าอยากตาย ข้าจะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา”

ระดับพลังของฮวาฉินฉินไม่อาจเทียบชั้นหลานเฟยเยว่ ยิ่งไม่กล้าดูถูกแส้หนังในมือของนาง จิตใต้สำนึกสั่งให้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพราะเหตุนี้จึงได้สังเกตแส้หนังที่อยู่ในมือนางว่าไม่ใช่แส้อำพรางเมฆาที่นางใช้ประจำ แต่เป็นแส้อีกเส้นหนึ่ง

การถอยหลังออกไปของฮวาฉินฉิน ทำให้หลานเฟยเยว่ซีกยิ้มหมิ่นๆ

สะบัดชายเสื้อเก็บแส้เข้าที่

รังสีความเยือกเย็นที่แผ่คลุมทั่วร่างนาง แฝงความรู้สึกที่ห้ามผู้ใดเข้าไปใกล้

ฮวาฉินฉินเบะปากอย่างไม่ใส่ใจ กลอกตาใส่หลานเฟยเยว่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!