Skip to content

บัลลังก์หมอยาเซียน 6

บทที่ 6 รอดพ้นวิกฤติ

ยังไม่ทันเรียกสติกลับมาได้ คอของนางก็ถูกนิ้วที่แข็งดังเหล็กบีบไว้จนแน่น ดวงตาของนางเบิกโพลง มองเห็นใบหน้าอันโกรธแค้นเดือดดาลของอ่องสู่ ราวกับอากาศถูกเค้นออกจากทรวงอก ภาพตรงหน้ามืดลง เรื่อยๆ คล้ายว่านางใกล้จะหมดสติลงไปทุกทีๆ

“กระทั่งเด็กที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ” เสียงบดฟันกรามดังกรอด ๆ ของเขาดังขึ้นที่ข้างหูของนาง”เจ้าถึงกับ กล้าลงมือได้อย่างชั้วช้าโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ พวกเจ้า! มาลากพระชายาออกไป ลงทัณฑ์ตีด้วยกระบอง สามสิบไม้!”

หยวนชิงหลิงนอนไม่หลับติดต่อกันมาหลายวัน ร่างทั้งร่างแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่แล้ว หลังจากถูก ตบไปฉาดใหญ่ นางก็อ่อนแรงเกินกว่าจะยืนเองได้ไหว ทันทีที่มือของเขาซึ่งบีบคอนางอยู่ถูกคลายออก คน ก็ทรุดฮวบล้มลงไปกับพื้นอย่างสิ้นแรง อากาศกลับคืนเข้าสู่ปอดอีกครั้ง นางสูดหายใจเข้าเอือกใหญ่ แต่แล้ว จู่ๆร่างของนางก็พลันถูกคนลากออกไป

ในห้วงความมืดนั้น นางมองเห็นเพียงสีหน้าเย็นชาจนแทบจะเป็นน้ำแข็ง รวมถึงความรู้สึกรังเกียจที่ปรากฎใน แววตาของอ่องสู่ที่มองมาเท่านั้น อีกทั้งชายผ้าของชุดเสื้อคลุมที่ดูหรูหรามีราคานั้น……………..

นางถูกลากออกไปตามขั้นบันไดหินทั้ง ๆ อย่างนั้น หัวกระแทกเข้ากับขั้นบันไดแข็งๆ ความรู้สึกเจ็บปวดที่ เสียดแทงเข้ามา ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของนางพลันมืดสนิท ในที่สุดก็เป็นลมหมดสติไปจริงๆ

นางไม่ได้หมดสตินานนัก ความเจ็บปวดที่โจมตีเข้ามาระลอกแล้วระลอกเล่าเหล่านั้น มันเป็นความเจ็บปวดที่ นางไม่เคยได้พานพบมาก่อนในชีวิต ไม้กระบองลงทัณฑ์กระหนํ่าตีเข้าที่ช่วงเอวกับต้นขาของนางไม่ยั้ง แต่ละไม้ที่ตีลงมาทำให้เจ็บปวดลึกไปจนถึงกระดูก นางถึงกับรู้สึกว่า ทั้งเอวและขาของนางอาจจะหักไปแล้วก็ได้

หยวนชิงหลิงได้กลิ่นคาวเลือดจากในปากตัวเอง นางกัดทั้งปาก กัดทั้งลิ้นตัวเองจนแตก กระทั่งเลือดไหล อาบ ภาพตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำมืดไปทุกขณะ แต่นางกลับไม่อาจหมดสติไปได้

ความเจ็บปวดเหล่านั้น มันทำให้นางมีสติตื่นอยู่ตลอดเวลา

ทัณฑ์โบยสามสิบไม้ แต่หยวนชิงหลิงกลับรู้สึกว่า มันยาวนานราวกับทั้งชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

นางคือหยวนชิงหลิง อัจฉริยะแห่งศตวรรษที่ยี่สิบสอง ผู้คนมากมายต่างยกย่องชื่นชมนาง ทั้งยังเคารพให้ เกียรตินาง ไม่ว่างานไหน ๆ กิจกรรมใดๆที่นางได้เข้าร่วม นางก็มักจะเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจอยู่ เสมอๆ

มีผู้ป่วยมากมายเท่าไหร่ ที่รอคอยให้นางพัฒนายาเพื่อไปช่วยรักษาชีวิตพวกเขา

แต่กับที่นี่ นางแค่อยากช่วยชีวิตเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ สักคน กลับเป็นเรื่องที่ช่างยากเย็นแสนเข็ญอะไรขนาดนี้ ยากเย็นแสนเข็ญจนถึงขั้นแทบจะต้องแลกด้วยชีวิต

ยามนี้ร่างของหยวนชิงหลิงถูกลากกลับไปแล้ว ไม่มีใครนึกสนใจความเป็นความตายของนางแม้แต่คนเดียว จะดีที่สุดถ้านางจะตายไปซะให้พ้นๆ

ร่างของนางถูกโยนลงบนพื้นหินอ่อนของหอเฟิ่งหยี กระทั้งกล่องยาใบนั้น ก็ถูกโยนไปกระแทกเข้าที่แผ่น หลังของนางอย่างแรง

นางพลิกตัวไม่ไหว คิดได้แค่ว่าแผ่นหลังของนางตอนนี้ เนื้อหนังคงจะปริแตกเสียจนไม่เหลือสภาพเดิมแล้ว นางฝืนกัดฟันพลิกมือออกไปลากกล่องยามา เปิดแล้วหยิบยาออกมาเม็ดหนี่งกลืนลงไป จากนั้นจึงฉีดยาให้ ตัวเองอีกเข็ม หวังเพียงแค่ว่า ตนเองจะมีชีวิตรอดผ่านพ่นช่วงวิกฤตินี้ไปได้

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หยวนชิงหลิงหมดสติลงไปในที่สุด

ณ.ลานอ่าย หลังจากอ่องสู่ หยู่เหวินเห้า ได้สั่งให้คนลงทัณฑ์โบยหยวนชิงหลิงอย่างหนักแล้ว ทว่าโทสะใน ใจของเขาก็ยังคงไม่คลายลง เขาพูดปลอบใจแม่นมฉีไปสองสามประโยค ก็จากไป

ทังหยางรีบเดินตามหลังเขาไปทันที ” ท่านอ่อง ทางด้านพระชายานั้น จำเป็นต้องเชิญหมอมาตรวจดูอาการ หรือไม่พ,ะย่ะค่ะ?”

ในดวงตาของหยู่เหวินเห่าพลันสาดฉายแววอึมครึมมืดทะมึน เงยหน้าขึ้นพูดอย่างบึ้งตึงว่า ” ไม่ต้อง ตายแล้ว ก็แค่เอาไปโยนลงหลุมฝังไปซะก็สิ้นเรื่อง!”

“๗นนั้นทางเจ้าพระยาจิ้ง … จะอธิบายอย่างไรหรือพ,ะย่ะค่ะ?” ทังหยางเอ่ยถาม

” ข้าต้องอธิบายอะไรด้วยหรือ?” นํ้าเสียงหยู่เหรินห้าวเย็นชาหาใดเปรียบ

ทังหยางเข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที “พะย่ะค่ะ!”

หยู่เหรินห้าวก้าวเท้ายาว ๆ เดินออกไปทันที

ทังหยางเดินกลับเข้าไปในลานอ่าย เพื่อจะสั่งลู่หยาไปรับยามาให้หกเกอเอ่อ

หลังจากเข้าไปในลานอ่าย กลับได้เห็นว่า หกเกอเอ่อนั้นหลับปุยไปแล้ว

แม่นมฉีเช็ดนํ้าตา พลางเก็บกวาดทำความสะอาดสำลีที่เปื้อนเลือดเปื้อนหนองเหล่านั้น ปากก็พูดไปทั้งที่ยัง สะอื้นไปด้วยว่า “นอนหลับได้ก็ดีแล้ว ที่ผ่านมาเขาเจ็บปวดมากเสียจนนอนไม่หลับเลย”

ทังหยางหันไปมองดูบริเวณดวงตาของหกเกอเอ่อ ชะงักไปครู่หนี่งแล้วพูดขึ้นว่า ” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้บวม ขนาดนั้นแล้วนี่”

แม่นมฉีเงยหน้าขึ้นโดยพลัน จึงเห็นว่าอาการบวมที่ดวงตาของเขาลดลงแล้ว อีกทั้งไม่เห็นว่ามีเลือดหรือ หนองไหลออกมาแล้วจริงๆ

ทังหยางมองดูสิ่งที่นางเพิ่งจะเก็บกวาดไป คว้าหยิบหลอดเข็มขึ้นมาดู “ของสิ่งนี่ มันคืออะไรกัน?”

“ไม่รู้เจ้าค่ะ เป็นของที่ผู้หญิงคนนั้นทิ้งไว้ที่นี่” แม่นมฉีเอ่ยตอบ

เพราะความเกลียดชัง นางจึงได้ใช้คำว่า ผู้หญิงคนนั้น มาเรียกแทนตัวหยวนชิงหลิง

ทังหยางไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน” คงไม่ใช้ว่าคิดวางยาพิษอีกครั้งหรอกนะ?”

“ท่านหมอไปแล้วหรือ!?” แม่นมฉีร้องถามอย่างร้อนรน

“ไปแล้วล่ะ ทั้งไว้เพียงใบสั่งยาเท่านั้น” ทังหยางเหลือบไปมองหกเกอเอ่ออีกครั้ง “วางใจเถอะ ข้าก็แค่คาด เดาไปส่งๆเท่านั้นเอง ดูไปแล้วก็ไม่เหมือนว่าถูกวางยาพิษหรอก”

แม่นมฉีกลอกดวงตาที่แดงกํ่าบวมช้ำขึ้น มองไปด้วยความรู้สึกที่โล่งอกลงไปได้บางแล้ว เอ่ยกับทังหยางว่า “ข้าน้อยอยากดูแลเขา ใต้เท้าพอจะเมตตาข้าน้อยได้หรือไม่เจ้าคะ … ”

“ไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าอยู่กับหกเกอเอ่อเถอะ” ทังหยางเอ่ยตอบ

“ขอบคุณใต้เท้ามากเจ้าค่ะ!”

ทังหยางถอนหายใจเบา ๆ “หมอบอกว่าคงจะเป็นคืนนี้แล้ว เจ้าก็ดูเขาให้มากหน่อยเถอะนะ”

แม่นมฉีนํ้าตาไหลอาบหน้าอีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!