Skip to content

พลิกปฐพี 614

ตอนที่ 614

ชุลมุน

“นี่… นี่ใช้อาคมกันไวเช่นนี้เลยหรือ”

“เหลวไหล เหลวไหลเกินไปแล้วจริงๆ”

“เพียงความสนุกสะใจชั่วครั้งชั่วคราว แต่ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา เพียงแค่เริ่มต้นก็ใช้พลังเทพกับปัญญาเทวะจนหมดเกลี้ยงแล้วการประลองต่อไปจะทำอย่างไร”

“คนหนุ่มสาวสมัยนี้ใจเร็วด่วนได้จริงๆ”

บนยอดเขาหิมะนอกเวทีประลอง หมู่คนที่ชมการแข่งขันบนเวทีประลองต่างเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก

พวกเขาต่างตกใจจากพลังอาคมหลากสีสัน บนเวทีประลอง ยิ่งไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมจึงใช้อาคมตั้งแต่การต่อสู้เฉพาะคน

มองเห็นคนถูกเตะลงจากเวทีไม่ขาดสาย ทั้งยังมีคนชนะไปหลายครั้งแล้วก็เกิดแพ้จนต้องเริ่มต้นใหม่ เสียงถอนใจของคนที่อยู่ด้านนอกเวทีก็มากยิ่งขึ้นทุกที

ซือมั่วซ่อนเร้นอยู่ในฝูงชน พอได้ยินเสียงพวกที่เรียกตนว่าผู้อาวุโสรอบกายวิพากษ์วิจารณ์กัน แล้วก็รู้สึกดูถูกดูแคลนในใจ

‘คนพวกนี้จะไปรู้อะไร ห่วงหน้าพะวงหลัง ยากที่จะทำการใหญ่สำเร็จได้ มีความแข็งแกร่งแต่ไม่ใช้ ไม่แน่ว่าจนสุดท้ายแล้วจะไม่เหลือแม้แต่โอกาสที่จะใช้’

‘ยังคงเป็นเสี่ยวเกอเอ๋อร์ของข้าที่ฉลาดกว่า’ ซือมั่วหรี่สองตายิ้ม สายตาจับจ้องที่มู่ชิงเกอไม่ยอมพลาดแม้เพียงวินาทีเดียว

ในสายตาของเขา ยุทธวิธีของมู่ชิงเกอนั้นถูกต้อง

อาคมที่มู่ชิงเกอใช้ทำให้คู่ต่อสู้ถอยร่นออกไป แล้วล้มลงกับพื้น เวลานี้เองผู้ดูแลแดนจงซานที่ยืนอยู่ที่ขอบเวทีก็จดบันทึกลงไปบนแผ่นหยกในมืออีกหนึ่งครั้ง

มู่ชิงเกอชนะติดต่อกันแปดครั้งแล้ว อีกเพียงสองครั้งนางก็จะเป็นคนแรกที่ได้เข้ารอบ

เยี่ยนเฉวียนที่คอยสังเกตทีท่ามู่ชิงเกออยู่ก็เห็นถึงจุดนี้ แววตาของเขาดำมืดลง เขาจะไม่ยินยอม ให้มู่ชิงเกอได้เข้ารอบก่อนตัวเองเป็นอันขาด การประลองนี้เขาจะต้องได้ที่หนึ่ง

คิดเช่นนี้แล้วแววตาของเยี่ยนเฉวียนยิ่งลึกลํ้าขึ้นไปอีก

เขาใช้อาคมโจมตีจนคู่ต่อสู้พ่ายไป คู่ต่อสู้กระอักเลือดล้มลงกับพื้นสลบไปทันที

ในการถกวิถีของสี่แดนเทพนั้นห้ามฆ่าคน หากมีใครฝ่าฝืนจะถูกไล่ออกไปในทันที ตลอดชีวิตเข้ามาร่วมถกวิถีอีกไม่ได้อีก นี่เป็นกฎเหล็ก ใครก็ฝ่าฝืนไม่ได้

มิฉะนั้น มู่ชิงเกอก็สังหารจี้หลุนไปแล้ว

การโจมตีของเยี่ยนเฉวียนเมื่อครู่นี้ อีกเพียงนิดเดียวก็จะเอาชีวิตคนคนนั้นแล้ว นับว่าลงมือเหี้ยมเกรียม ไร้ความปรานี

มิน่าก่อนที่คนคนนั้นจะสลบถึงใช้สายตาไม่อยากเชื่อมองไปยังเยี่ยนเฉวียน ครั้นแล้วแววตาก็ฉายความเดียดแค้นออกมา เพียงแต่ความแค้นเคืองนั้นเยี่ยนเฉวียนไม่ได้สนใจมันเลยสักนิด

ขณะที่คนสลบถูกหามลงไปรักษา เยี่ยนเฉวียนก็ถือโอกาสเรียกลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่สองคนมากระซิบสั่งว่า “ไปถ่วงเจ้าสามฮ่วนเยวี่ยไว้”

เขาให้คนถ่วงมู่ชิงเกอไว้ ขัดขวางไม่ให้เขาชนะอีกสองครั้งและสามารถเข้ารอบได้สำเร็จ

ส่วนตัวเขาเองยังต้องชนะต่ออีก จนถึงครั้งสุดท้ายแล้ว เขาจะไปสั่งสอนมู่ชิงเกอเอง ให้อีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกของการยืนอยู่บนยอดเขาแห่งชัยชนะ แต่กลายเป็นพ่ายแพ้กะทันหัน

สองลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่รับคำสั่งแล้วจากไป

เยี่ยนเฉวียนมองมู่ชิงเกอแล้วยิ้มเยาะ

แต่ขณะที่เขาละสายตากลับมาควานหาเหยื่อรายที่หกนั้นเอง เบื้องหน้าก็เกิดเงาดำวูบหนึ่ง ปรากฎเงาร่างของคนเข้ามาขวางทาง

พอเห็นชัดเจน สายตาก็เปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมแหลมคมทันที

“พี่เยี่ยนเฉวียน ข้ากับท่านดูเหมือนจะชนะแล้วห้าครั้ง นี่เป็นครั้งที่หก ไม่สู้เรามาประลองกันดีกว่าไหม’’ หลีเฉ ยืนยิ้มอยู่เบื้องหน้า

เยี่ยนเฉวียนหนักใจบอกหลีเฉาว่า “หลีเฉา เจ้ากับข้า ฝีมือสูสีกัน หากเป็นเวลาปกติ เจ้าอยากมาประลอง ข้าก็ยินดีตามใจเจ้าแต่ไม่ใช่เวลานี้ อย่างไร เจ้าคิดจะทิ้งโอกาสอาบแสงแห่งวิถีไปหรือไร”

รอยยิ้มที่มุมปากหลีเฉาค่อยๆ ลดลงบอกเขาว่า “ที่พูดมาก็พอมีเหตุผล แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้ารอบ จะทำอย่างไรดี”

เยี่ยนเฉวียนยิ้มเยือกเย็น “เจ้ากับข้า ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันล้วนไม่เคยเคืองแค้นกัน จะมาเป็นคู่แค้นกันทำไม เจ้าสู้ของเจ้า ข้าก็สู้ของข้า ต่างคนต่างติดอันดับ ไม่ใช่สมหวังด้วยกันหรือ”

“ปัจจุบันไม่เคืองแค้น” หลีเฉายิ้มอย่างขำขัน แววตากลับเย็นเฉียบขึ้นมา เขายังจำเข็มนํ้าแข็งที่เกือบซัดถูกตัวเองเมื่อห้าวันก่อนได้

หลีเฉาขวางอยู่เบื้องหน้าตัวเอง แต่ก็ไม่ลงมือและไม่แยกไป ทำให้เยี่ยนเฉวียนขมวดคิ้ว

เวลานี้เองลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่สองคนที่รับคำสั่งให้ไปขัดขวางมู่ชิงเกอก็กำลังประมืออยู่กับมู่ชิงเกอ ทั้งคู่อยู่ขั้นถํ้าวิญญาณขั้นสอง ถึงแม้ไม่สูงเท่ามู่ชิงเกอ แต่การที่สองคนจะร่วมมือกันเพื่อถ่วงมู่ชิงเกอไว้ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้

มู่ชิงเกอกวาดตามองทั้งคู่ มุมปากโค้งขึ้นเต็มไปด้วยการยิ้มเยาะดูแคลน

จุดประสงคของทั้งคู่ มีหรือที่นางจะไม่รู้

มู่ชิงเกอลดปลายทวนลงตํ่า ปลายทวนชี้พื้น มือหนึ่งไพล่หลัง เมื่อนางไม่ลงมือคนแดนจั๋วอวี่ทั้งคู่ก็เพียงเฝ้านางอยู่ทางด้านซ้ายและขวา ไม่ได้ลงมือเช่นกัน

ไหนๆ ภารกิจพวกเขาก็เพียงแค่ถ่วงเวลามู่ชิงเกอ ไม่ให้เขาเข้ารอบเท่านั้น

ทั้งสามคนตรึงกันอยู่ มู่ชิงเกอผุดรอยยิ้มประหลาดออกมากะทันหัน

นางยกมือที่ไพล่อยู่ข้างหลังสะบัดไปทางสองคนนั้น

กระแสสายฟ้าที่เล็กราวลูกงูซัดออกไปจากตัวนางตกลงไปบนร่างลูกศิษย์แดนจั๋วอวี่สองคนนั้น หลังจากร่างกายโดนสายฟ้าเข้าแล้ว ทั้งคู่ยังไม่ทันทำอะไรก็เกิดอาการชักกระตุกแล้วล้มลงกับพื้น นํ้าลายฟูมปาก ตาขาวกลอกขึ้น

“แดนฮ่วนเยวี่ย มู่ชิงเกอ ชนะติดกันสิบครั้ง” ผู้ดูแลแดนจงซานที่รับผิดชอบบันทึกผลต่อสู้ของมู่ชิงเกอ หลังจากบันทึกผลลงในแผ่นหยกแล้วก็ร้องออกมาเสียงดัง

มู่ชิงเกอเป็นคนแรกที่เข้ารอบ

หลังจากเข้ารอบแล้ว นางสามารถลงไปพักผ่อนก่อน รอให้มีผู้ชนะครบร้อยคนจึงจะร่วมชิงสามอันดับแรกกับลำดับที่สองลำดับที่สามและลำดับที่สี่ มู่ชิงเกอเก็บทวนหลิงหลง ขณะที่ทุกคนมองมายังมู่ชิงเกอ นางก็กระโดดลงจากเวทีประลองออกไปด้านข้าง รอคอยอยู่เงียบๆ

การที่มู่ชิงเกอเข้ารอบทำให้คนบนเวทีตกตะลึงไปเล็กน้อย
จนกระทั่งเขาลงจากเวทีประลองไปแล้วจึงค่อยรู้สึกตัว และต่อสู้กันต่อไป

การเข้ารอบของมู่ชิงเกอทำให้คนบนเวทีต่างเชื่อมั่นมากขึ้นว่า การใช้อาคมแต่แรกเป็นสิ่งถูกต้อง ฉับพลันนั้น เวทีประลองก็ชุลมุนขึ้นมาอีก ทุกพลังอาคมผสมปนเปอยู่บนเวที แม้กระทั่งรอบๆ เวทีก็เต็มไปด้วยพลังที่เกรี้ยวกราดของอาคม

เยี่ยนเฉวียนได้ยินประกาศว่ามู่ชิงเกอเข้ารอบสีหน้าก็เคร่งเครียดขึ้นทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความมืดทึบ มองหลีเฉาอย่างเหี้ยมโหดว่า ”เจ้าตั้งใจถ่วงข้าไว้”

หลีเฉาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่ยิ้มพูดว่า “เมื่อพี่เยี่ยนเฉวียนไม่อยากชี้แนะก็ขอเปลี่ยนเป็นวันหลังค่อยขอคำแนะนำแล้วกัน”

พูดจบก็ไม่ได้สนใจสีหน้าที่บิดเบี้ยวจนยากจะบรรยายของเขา หันไปหาคู่ต่อสู้ในทิศทางอื่น

เขาใช้อาคมไม่เกินหนึ่งกระบวนท่าก็ชนะได้หนึ่งครั้ง

เยี่ยนเฉวียนโกรธจนอยากฆ่าคน ดีที่สติยังคงมีอยู่ ไม่ได้วู่วาม

เขาระบายความแค้นแทบคลั่งไปที่ตัวลูกศิษย์แดนฮ่วนเยวี่ย อาคมที่รุนแรงถูกใช้โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น โจมตีจนคนสองคนพ่ายไปทันที ได้ชัยชนะติดกันแปดครั้งแล้ว

ชนะอีกเพียงสองคน เขาก็เข้ารอบแล้ว

เมื่อได้อันดับที่สอง เขาก็มีโอกาสสั่งสอนมู่ชิงเกอด้วยตัวเองแล้ว

“แซ่มู่หรือ หึๆ น่าสนใจดีนี่” บนบัวนํ้าแข็ง หลังจากราชาเทวะได้ยินคำประกาศของผู้ดูแลแล้ว สองตาที่หรี่อยู่ก็ค่อยๆ ลืมขึ้นมองไปยังมู่ชิงเกอที่ยืนอยู่นอกเวทีประลอง

เจ้าหนุ่มที่ทำให้เขารู้สึกสนใจ แซ่มู่รึ

แซ่นี้เป็นสิ่งต้องห้ามของแผ่นดินเทพทีเดียว

ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ แต่เจ้าคนรุ่นหลังที่เพิ่งจะหัดเดินถึงกับกล้าใช้แซ่นี้ออกมาท่องโลก นับว่า…

“ข้าควรบอกว่าเพราะเจ้าไม่รู้หรือว่าไม่กลัวกันแน่นะ” ราชาเทวะจงซานพูดเบาๆ

นํ้าเสียงนั้นฟังไม่ออกว่ารู้สึกชอบหรือโกรธ ทำให้คนเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่ แววตาที่เขามองมายังมู่ชิงเกอนั้นดูระยิบระยับมากขึ้น

ราวกับว่าได้ค้นพบของเล่นที่น่าสนุกชิ้นหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็มีความรู้สึกคล้ายการเฝ้ารอ ‘ม่นี้กับมู่นั้น จะมีความเกี่ยวพันกันไหมนะ ข้าหวังจริงๆ ว่าพวกเจ้ามาจากสายเดียวกัน ถ้าเป็นเช่นนี้คำตอบที่ทุกคนต่างไม่รู้ ปริศนานั้นก็จะได้เฉลยเสียที’

“แดนฮ่วนเยวี่ยมีคนน่าสนุกเพิ่มขึ้นมาอีกแล้วสิ” จู่ๆ ราชาเทวะจงซานก็พูดขึ้น

มู่ชิงเกอที่ยืนอยู่ข้างเวทีประลองไม่ได้สังเกตว่าราชาเทวะจงซานดูสนใจนางมากขึ้นเพราะชื่อ ทั้งไม่ได้ใส่ใจพวกผู้ชมต่างๆ ที่มีอาการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อนางด้วย

ไม่ใช่นางไม่ได้ใส่ใจเลย แต่เพราะในเวลานั้นนางรู้สึกได้ถึงแววตาท้าทายของเยี่ยนเฉวียน

ความเป็นศัตรูที่ไม่คิดอำพราง จิตสังหารที่ไม่คิดปิดบัง ทำให้สองตาของนางเย็นชาลง

การมาแดนจงซานของนางครั้งนี้ จุดประสงคหลักคืออาบแสงแห่งวิถี ไม่ได้คิดเป็นศัตรูกับใคร แต่ไม่ได้หมายความว่า เมื่อมีคนคิดสังหารนาง กัดนางไม่ปล่อยแล้ว นางก็ยังต้องอดทนอยู่

หลังจากมู่ชิงเกอลงจากเวทีประลองแล้ว เพียงชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชา เยี่ยนเฉวียนก็ชนะติดกันสิบครั้งและโดดลงจากเวทีประลองที่ชุลมุน ขณะที่เขาเพิ่งโดดลงมาหลีเฉา

ก็โดดลงจากเวทีตามมาติดๆ มายืนอยู่ข้างมู่ชิงเกอ

ได้สามอันดับแรกแล้ว

ตำแหน่งที่เหลืออีกเก้าสิบเจ็ดคนยังเป็นที่แย่งชิงกันอยู่

“มู่ชิงเกอ เจ้าวางแผนมาดีนี่” เยี่ยนเฉวียนยืนอยู่ตรงข้ามมู่ชิงเกอพลางพูดเสียงเย็นเฉียบ

หลีเฉาเข้าไปใกล้ตัวมู่ชิงเกอ มองเยี่ยนเฉวียนอย่างระแวดระวัง

มู่ชิงเกอยิ้ม ไม่ได้ใส่ใจคำพูดข่มขู่แม้แต่นิด “ใหญ่น้อยเยี่ยนเฉวียนไม่ต้องขอบคุณข้า ถึงแม้เจ้าจะใช้วีธีของข้าจนได้อันดับสองมาก็ตามที”

คำพูดเหน็บแนมนี้ทำให้สีหน้าเยี่ยนเฉวียนยิ่งไม่น่าดู ส่วนหลีเฉาเม้มริมฝีปากพยายามกลั้นหัวเราะ

เยี่ยนเฉวียนจ้องมู่ชิงเกออย่างแค้นเคือง หากแววตาฆ่าคนได้ ทั้งตัวมู่ชิงเกอคงโดนแทงจนพรุนตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

น่าเสียดายที่แววตาฆ่าคนไม่ได้ ต่อให้เยี่ยนเฉวียนจ้องนางอย่างไร นางก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เยี่ยนเฉวียน แค้นจนมือที่กำด้ามกระบี่กำแน่นแล้วคลายคลายแล้วกำแน่นอีก อดกลั้นจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดเขียวขึ้น

มา

“ฮึ!” สุดท้ายแล้ว เยี่ยนเฉวียนก็แค่นเสียงฮึออกมาแล้วเดินไปอยู่ด้านข้าง

แต่ก่อนเดินจากไปยังทิ้งคำพูดข่มขู่ไว้ว่า “ความโชคดีของเจ้าใกล้ถึงจุดจบแล้ว ข้าจะกำจัดเจ้าด้วยมือข้าเอง”

หลังจากเขาออกไป หลีเฉาก็บอกมู่ชิงเกอว่า “ดูท่าทาง เขากัดเจ้าไม่ปล่อยแน่ การแย่งชิงสามอันดับแรกเจ้าต้องระวังให้มาก หากข้าสู้กับเขาก่อนจะพยายามทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังให้มากที่สุด แต่ว่าหากสู้ไม่ได้ก็ต้องรีบยอมรับความพ่ายแพ้ ขั้นพลังเจ้าสู้เขาไม่ได้ ยอมแพ้

ไม่น่าอับอายอย่างน้อยก็คงรักษาสามอันดับแรกไว้ได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!