Skip to content

พลิกปฐพี 637

ตอนที่ 637

มู่ชิงเกอที่คนให้ความสำคัญ

“เขาขึ้นได้ถึงชั้นที่ 52 ของบันไดแสงแห่งวิถีเชียวรึ” ใบหน้าที่นิ่งสงบของชูเนี่ยนตื่นตกใจขึ้นในที่สุด

ครั้งนี้นางตื่นตกใจจริงๆ การจัดงานสี่แดนเทพถกวิถีที่แผ่นดินเทพใต้นางเองก็เคยได้ที่หนึ่งและเข้าไปในแสงแห่งวิถี แม้ทุ่มเทจนสุด ชีวิตก็ขึ้นได้เพียงชั้นที่ 30 เท่านั้น

ส่วนในสถิติที่บันทึกไว้ของสี่ดินแดนเทพแผ่นดินเทพใต้นั้นก็ไม่เคยมีลูกศิษย์คนไหนสามารถขึ้นได้ถึงชั้นที่ 52 สถิติสูงสุดเป็นชั้นที่ 48 เมื่อหลายหมื่นปีก่อน

ในแสงแห่งวิถี ทุกขั้นบันไดเป็นตัวแทนการรับรู้ที่ต่างกัน ราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยแห่งแผ่นดินเทพตะวันออกคนนี้สามารถขึ้นได้ถึงชั้นที่ 52

“ท่านพ่อ หากข้าไม่ได้จำผิด ในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร ยังไม่เคยมีใครขึ้นถึงชั้นที่ 52 ของบันไดแสงแห่งวิถีเลยนะ” ชูเนี่ยนสูดลมหายใจลึกๆ เอ่ยถามออกมา

ราชาเทวะอู๋หวาผงกศีรษะช้าๆ “เจ้าไม่ได้จำผิด ดังนั้น พรสวรรค์ของคนผู้นี้เปี่ยมล้นเกินกว่าที่พวกเราจะคิดฝันได้ มิน่าราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยจึงยกให้เขาเป็นราชาเทวะน้อย”

พูดจบเขาพูดอีกว่า “อย่างไรก็ตาม เขามาครั้งนี้ถือเป็นโอกาส หากสามารถผูกสัมพันธ์ได้ดี ไม่แน่ว่าจะเป็นโอกาสสานสัมพันธ์ระหว่างดินแดนอู๋หวากับดินแดนฮ่วนเยวี่ย”

ชูเนี่ยนนิ่งเงียบไม่พูดจา นางไม่ชอบที่บิดาของนางมักจะคิดคำนวณทุกเรื่องเอา

ไว้เช่นนี้

ทั้งๆ ที่เขาได้เป็นราชาเทวะแล้ว แต่เหตุใดเวลาจะทำเรื่องอะไรก็ตามจะต้องคำนวณส่วนได้ส่วนเสียทุกครั้ง ดินแดนฮ่วนเยวี่ยแผ่นดินเทพตะวันออกเป็นสถานที่วางตัวอยู่เหนือความวุ่นวายทั้งหลายตลอดมา ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหลายยุคหลายสมัยล้วนไม่สนใจเรื่องราวในแผ่นดินทั้งสี่สมุทร แต่ก็แปลกที่สถานะเช่นนี้กลับมีความแข็งแกร่งชนิดไม่สามารถหยั่งถึงเกื้อหนุนเอาไว้ ทำให้คนที่ไม่พอใจไม่สามารถทำอะไรได้

ดังนั้น นางเข้าใจในการคิดคำนวณผลได้ผลเสียของบิดา แต่ไม่สามารถยอมรับได้

ผู้มาคือแขก เรื่องที่จะให้นางไปต้อนรับราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยนั้นนางไม่มีความเห็นต่างแต่อย่างใด แต่จะให้นางกระทำไปอย่างมีวัตถุประสงค์หรือว่าให้ใกล้ชิดเอาอกเอาใจด้วยนั้นทำให้นางรู้สึกไม่ยินดีนัก

“เนี่ยนเอ๋อร์ช่วยพ่อทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จด้วยนะ” ราชาเทวะอู๋หวาราวกับรู้ว่านางคิดอะไรอยู่จึงกำชับอย่างไม่ไว้ใจนัก

ขณะที่พ่อลูกสองคนคุยเรื่องมู่ชิงเกอ มู่ชิงเกอกับหยินเฉินก็เข้าใกล้วังราชาเทวะไปทีละก้าวจากการนำทางของลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าดินแดนอู๋หวา

ระหว่างทาง มู่ชิงเกอกับหยินเฉินต่างรับรู้ได้ถึงความงามของวังอู๋หวา

ส่วนหุ่นเทพมารนั้น เดิมจิตของพวกเขาก็มาจากมู่ชิงเกออยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาได้เห็นก็คือสิ่งที่มู่ชิงเกอได้เห็น

ลูกศิษย์ใหญ่ตำหนักหน้าดินแดนอู๋หวาแสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็นต่อหุ่นเทพมารมาก เพียงแต่มู่ชิงเกอไม่อธิบาย เขาเองก็ไม่กล้าถามมาก

“ราชาเทวะน้อย เชิญด้านนี้” ลู่เยี่ยมีมารยาทต่อมู่ชิงเกอยิ่งนัก ในมารยาทนั้นแฝงด้วยความเคารพ แน่นอนว่ามู่ชิงเกอเข้าใจดีว่าความเคารพที่เขามีนั้นไม่ใช่เพราะตัวนาง แต่เป็นดินแดนฮ่วนเยวี่ยเบื้องหลังนางต่างหาก จากหลินชวนถึงโลกแห่งยุคกลาง เบื้องหลังที่นางใช้พึ่งพาได้นั้นความจริงมีไม่มาก

บ้านตระกูลมู่ในลั่วตู ณ แคว้นฉินแห่งหลินชวน ขณะที่นางปรากฎตัวขึ้นก็มีสถานะง่อนแง่นเต็มทน ที่นางสามารถใช้ได้เหลือเพียงแค่ตำแหน่งผู้สืบทอดจวนโหว และความกริ่งเกรงของฮ่องเต้ ในโลกแห่งยุคกลาง นางยิ่งอาศัยความสามารถของตัวเอง ปากกัดตีนถีบสร้างฐานะมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยอาศัยใครเลย ปัจจุบันเมื่อมาถึงแผ่นดินเทพ เพียงคำพูดเดียวของจวงซานก็ได้เลือกเส้นทางที่สะดวกปลอดโปร่ง ได้อาศัยพึ่งพิงเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง

ความแจ่มชัดภายในจิตใจ แจ่มชัดจนนางลืมไปว่า หากไม่ใช่เพราะความเพียรพยายามของนาง ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยคงไม่มีทางให้นางได้เป็นถึงราชาเทวะน้อย

“ที่นี่ก็คือวังราชาเทวะของพวกเราดินแดนอู๋หวา” เมื่อขึ้นไปจนถึงยอดสุดแล้ว ลู่เยี่ยก็บอกพวกมู่ชิงเกอ

ทั้งห้าคนยืนอยู่บริเวณตำหนักหน้าที่ยิ่งใหญ่โอฬาร

พอแนะนำจบก็มองเห็นว่านอกประตูวังมีร่างสูงโปร่งแสนงามยืนอยู่

ดวงตาลู่เยี่ยผุดความรู้สึกคลุมเครือแฝงประกายรักใคร่อย่างชัดเจนออกมา แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกเขาเก็บงำเอาไว้ด้วยความระมัดระวัง ไม่เผยออกมาให้เห็นอีกแม้แต่น้อย

“องค์หญิง” ลู่เยี่ยเอ่ยทักด้วยความเคารพ

ความเคารพของเขาเวลานี้ล้วนออกมาจากใจจริง ไม่เหมือนที่แสดงต่อมู่ชิงเกอเพราะฐานะเท่านั้น

คำทักของลู่เยี่ยทำให้ทั้งมู่ชิงเกอและหยินเฉินต่างหันไปมองชูเนี่ยน

ครั้งแรกที่เห็นองค์หญิงชูเนี่ยนราชาเทวะน้อยของดินแดนอู๋หวาตามที่เล่าลือ คิ้วของมู่ชิงเกอเลิกขึ้นเล็กน้อย คิดในใจว่า ‘เป็นสาวงามที่งดงามสูงส่งจริงๆ’

รูปโฉมหยินเฉินแต่เดิมก็ถือว่าเป็นหนึ่งอยู่แล้ว ต่อให้อยู่กับมู่ชิงเกอก็ยังด้อยกว่าไม่มากนัก นัยน์ตาสีเลือดทั้งคู่มองชูเนี่ยนเพียงแวบเดียวก็ละสายตากลับคืน

ราวกับว่าในใจเขา ไม่มีหญิงใดเทียบเคียงได้กับเจ้านายข้างกายเขา

ใบหน้าของมู่ชิงเกอกับหยินเฉินล้วนงามเลิศลํ้า ชูเนี่ยนเบื้องหน้าพวกเขากลับกลายเป็นจืดจางไป เพียงแต่ความงามของนางไม่ใช่ชนิดเฉิดฉายแพรวพราวแบบมู่ชิงเกอ และไม่ใช่แบบเย้ายวนพราวเสน่ห์แบบหยินเฉิน เป็นความงามที่เรียบง่ายสง่างามให้ความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง

ขณะที่พวกเขาพิจารณาชูเนี่ยน ชูเนี่ยนก็กำลังพิจารณาพวกเขาเช่นเดียวกัน

นางเองก็อยากรู้อยู่เหมือนกันว่าราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยเป็นคนเช่นไร แต่เมื่อนางเห็นมู่ชิงเกอครั้งแรกนั้น นางก็ตะลึงไปเล็กน้อย

ราวกับ นางจะนึกไม่ถึงว่าราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยจะเป็นคนหนุ่มหน้าตาดีถึงเพียงนี้ งามจนหาที่ติไม่ได้แม้แต่นิด กระทั่งชายพราวเสน่ห์ผมเงินตาสีเลือดข้างกายเองก็โดดเด่นเหนือผู้ใด ผู้ติดตามด้านหลังมีหน้าตาเย็นชา รูปโฉมสง่างามยิ่งนัก บุคคลเช่นนี้ต่อให้ยืนนิ่งอยู่กับที่ก็สามารถทำให้คนรู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างจ้าขึ้นมาได้

เก็บความตกตะลึงในแววตาแล้ว ชูเนี่ยนก็เดินลงจากบันไดมาถึงเบื้องหน้าพวกเขาแล้วเอ่ยกับลู่เยี่ยก่อนว่า “ต่อไปมอบให้ข้าเอง เจ้าออกไปได้แล้ว”

ลู่เยี่ยหลุบตา การเข้ามาใกล้ของชูเนี่ยนทำให้เขาระมัดระวังกริยามากขึ้นกว่าเดิม

แต่เขาก็ยังรักษาทีท่าไว้ได้อย่างดี รับคำแล้วถอยออกไป

หลังจากเขาจากไปแล้ว ชูเนี่ยนก็มองไปที่คนทั้งสี่ เมื่อกวาดสายตาไปรอบหนึ่งแล้วก็หยุดลงที่ตัวมู่ชิงเกอซึ่งสวมชุดสีแดงเพลิงบาดตา “ราชาเทวะน้อยฮ่วนเยวี่ย ยินดีต้อนรับสู่ดินแดนอู๋หวา ข้าคือชูเนี่ยน”

การแนะนำตัวของนางเรียบง่ายมาก ราวกับว่าหากพูดเกินไปแม้เพียงคำเดียวก็เป็นเรื่องที่เกินจำเป็นอย่างมาก ยังดีที่มู่ชิงเกอไม่ได้ใส่ใจ นางผงกศีรษะน้อยๆ บอกว่า “องค์หญิงชูเนี่ยน ได้ยินชื่อเสียงท่านมานาน ข้าน้อยมู่ชิงเกอมาจากดินแดนฮ่วนเยวี่ยแผ่นดินเทพตะวันออก”

“ท่านแซ่มู่หรือ” ตาหงส์ที่สวยงามของชูเนี่ยนผุดประกายแปลกประหลาดไปเล็กน้อย

ทั้งๆ ที่รู้ว่าแซ่มู่นี้เป็นเรื่องอ่อนไหวสำหรับแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรแต่มู่ชิงเกอก็ยังไม่คิดปิดบัง นางยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกครั้งที่แจ้งชื่อมักทำให้คนประหลาดใจ”

ชูเนี่ยนเก็บอาการคืนสู่ท่าทีปกติ นางยิ้มบางๆ บอกมู่ชิงเกอว่า “โปรดตามข้ามา ท่านพ่อคอยอยู่พักหนึ่งแล้ว”

“รบกวนราชาเทวะอู๋หวาแล้ว” มู่ชิงเกอพูด

จากนั้น ทั้งสี่คนก็ตามชูเนี่ยนเข้าวังราชาเทวะด้วยกัน พวกเขาเดินทะลุผ่านตำหนักใหญ่มาถึงใต้บัลลังก์ที่อยู่สูงขึ้นไป

มู่ชิงเกอแหงนหน้ามองขึ้นไปยังคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์

บัลลังก์นี้สูงกว่าของดินแดนฮ่วนเยวี่ย ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างจำต้องแหงนหน้ามองจึงจะมองเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างบน

มู่ชิงเกอแค่นยิ้มในใจ

”ผู้นี้คือราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยสินะ เจ้ามาอวยพรวันเกิดข้าทำให้ข้ายินดียิ่งนัก” ราชาเทวะอู๋หวา เปิดปากพูด

มู่ชิงเกอยิ้มน้อยๆ ก้มศีรษะลงนิดๆ พูดอย่างสงบว่า “มู่ชิงเกอดินแดนฮ่วนเยวี่ยคารวะราชาเทวะอู๋หวา”

“เจ้าแซ่มู่หรือ” พอได้ยินชื่อมู่ชิงเกอ สีหน้าราชาเทวะอู๋หวาก็เปลี่ยนไปทันที

มู่ชิงเกอเงยหน้ายิ้มว่า “ในโองการที่ราชาเทวะของข้าน้อยแจ้งต่อแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรได้ระบุชื่อข้าน้อยไว แล้ว เหตุใดราชาเทวะจึงยังตกใจเช่นนี้เล่า”

ราชาเทวะอู๋หวาเงียบไป หนังสือนั้นมีแจ้งชื่อไว้จริง แต่เวลานั้น เขาคิดว่านั้นเป็น เรื่องของแผ่นดินเทพตะวันออก ไม่เกี่ยวกับเขา อีกทั้งนั่นยังเป็นดินแดนฮ่วนเยวี่ยที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใครด้วย

ดังนั้นจึงรู้เพียงว่าดินแดนฮ่วนเยวี่ยมีราชาเทวะน้อยแล้ว แต่ไม่ได้สนใจถึงชื่อแซ่ต่างๆ

สีหน้าราชาเทวะอู๋หวาเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง จนกลับคืนสู่ปกติ “อืม ข้าลืมไป” คราวนี้ เขามองไปที่หุ่นเทพมารด้านหลังมู่ชิงเกอ นัยน์ตาดำหดลง อดถามอย่าง แปลกใจไม่ได้ว่า “หุ่นเทพมาร! หุ่นเทพมารนี้ต้องเป็นคนที่อยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปจึงจะสามารถสร้างขึ้นได้ เหตุใดเจ้าจึงครอบครองได้”

พูดจบ เขาไม่รอคำตอบของมู่ชิงเกอก็พึมพำว่า “หรือราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกลัวเจ้าจะเสียเปรียบตอนเดินทางภายนอกจึงสร้างให้เจ้าเป็นกรณีพิเศษ”

ให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยรับหน้าแทนนายท่านมั่วไปก็ไม่เลวเหมือนกัน เพราะถึงอย่างไรราชาเทวะอู๋หวาก็คงไม่ไปถามราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยถึงแผ่นดินเทพตะวันออกแน่

ดังนั้น มู่ชิงเกอจึงผงกศีรษะ “ถูกต้อง ก่อนหน้านี้ ราชาเทวะน้อยเซิ่งจิ่งดินแดนเฝินไห่แผ่นดินเทพใต้เกิดเรื่อง ราชาเทวะเกรงข้าอาจจะถูกรังแกภายนอกดินแดนจึงมอบหุ่นเทพมารสองตัวนี้ให้ข้า”

นางพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ราชาเทวะอู๋หวาเข้าใจชัดเจนจึงบอกว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง”

กลับคิดในใจว่า ‘ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยให้ความสำคัญกับคนผู้นี้มากขนาดนี้ จะละเลยไม่ได้ ต้องต้อนรับให้ดีๆ’

คิดคำนวณผลดีผลเสียแล้ว ราชาเทวะอู๋หวาก็บอกชูเนี่ยนว่า “เนี่ยนเอ๋อร์ ในเมื่อราชาเทวะน้อยมู่มาถึงวังอู๋หวาแล้ว หลายวันนี้ก็ให้อยู่ในวังอู๋หวา เจ้าจัดเตรียมที่พักให้เขาดีๆ อย่าได้ละเลยราชาเทวะน้อย”

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” ชูเนี่ยนผงกศีรษะ

ตามด้วย ราชาเทวะอู๋หวาบอกมู่ชิงเกอว่า “ราชาเทวะน้อยมู่ เจ้าเพิ่งมาวันนี้ ให้ชูเนี่ยนพาเจ้าไปเที่ยวชมที่ต่างๆ หากต้องการอะไรให้บอกชูเนี่ยนได้”

ดวงตามู่ชิงเกอเกิดประกายวูบหนึ่ง ยิ้มพลางผงกศีรษะ “รบกวนราชาเทวะและองค์หญิงแล้ว”

เดิมนางคิดว่า เมื่อพบราชาเทวะอู๋หวาแล้วจะสอบถามบางสิ่งในวังอู๋หวาโดยตรง แต่ไม่คิดว่าราชาเทวะอู๋หวาจะให้องค์หญิงชูเนี่ยนมาต้อนรับนาง

ไม่นึกว่า วนไปรอบหนึ่งก็กลับมาตรงหน้าองค์หญิงผู้นี้อีก เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ทำตามที่วางแผนไว้แต่เดิม ดูว่าจะสามารถสอบถามอะไรจากปากองค์หญิงผูนี้ได้หรือไม่

มู่ชิงเกอคิดในใจ

ข่าวจากกู่เย่บอกว่าราชาเทวะอู๋หวามีส่วนหนึ่งของเนื้อความเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่าง

เคล็ดวิชาเทวะ เป็นตำรามหัศจรรย์ที่เผ่าเทพใฝ่ฝันอยากจะได้มาตลอด หากราชาเทวะอู๋หวาได้มา จะต้องเก็บไว้กับตัว ไม่ก็ซ่อนไว้ในที่ลึกลับและปลอดภัยอย่างที่สุดในวังอู๋หวา

ส่วนจะอยู่ที่ไหน ทั้งยังมีเรื่องความแม่นยำถูกต้องของข่าวนี้ มู่ชิงเกอจะต้องได้ความแน่ชัดภายในสามวันนี้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!