Skip to content

พลิกปฐพี 680

ตอนที่ 680

ขอแสดงความยินดีราชาเทวะน้อยมู่

หยินเฉิน ไป๋สี่ โห่ว มองมู่ชิงเกออย่างนิ่งสงบ ทั้งหมดต่างสูดลมหายใจลึกโดยไม่ได้นัดหมาย ดวงตามีแต่ความหวาดหวั่น

ช่างน่ากลัวจริงๆ

เดิมทีเป็นเรื่องฆ่าล้างบางเรื่องหนึ่งแท้ๆ นอกจากจะถูกมู่ชิงเกอบิดเบือนอย่างง่ายดายยังไม่พอ นางยังจะได้ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่มาเป็นกำไรกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายอีก

“มนุษย์นี่ เจ้าเล่ห์แท้ๆ” สักพักโห่วก็เอ่ยออกมาคำหนึ่ง ไม่รู้ว่ายกย่องหรือตำหนิ

มู่ชิงเกอไม่ได้ใส่ใจ มุมปากยังคงมีรอยยิ้มทำให้ นางยิ่งดูลึกลับขึ้นมา

“สวรรค์ ชิงเกอ บางครั้งข้าก็อยากจะงัดสมองของเจ้าออกมาดูจริงๆ ว่าเจ้าคิดได้อย่างไร” ไป๋สี่อดไม่ได้ พูดออกมา

หลังจากหยินเฉินตกตะลึงและได้พิจารณาทั้งเหตุและผลดูแล้วก็เข้าใจเจตนาของมู่ชิงเกอ “ชิงเกอสังหารนายน้อยตระกูลมู่ ต่อไปก็ยากที่จะมีใครสงสัยฐานะของนาง ไม่เพียงแค่ทำความชอบให้ดินแดนเทพ ยังทำให้การไปมาในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรมีอิสระมากยิ่งขึ้น มีผลงานเหล่านี้ติดตัว ต่อไปใครจะกล้าดูแคลน ราชาเทวะน้อยดินแดนฮ่วนเยวี่ยคนนี้ สี่ดินแดนเทพแผ่นดินเทพตะวันตกก็จะวางใจไม่แคลงใจ สะดวกต่อการปฏิบัติภารกิจในภายหน้า”

มู่ชิงเกออมยิ้มผงกศีรษะ เท่ากับบอกว่าสิ่งที่หยินเฉินคาดเดาล้วนถูกต้อง

นับถือ นับถือจริงๆ นอกจากนับถือแล้ว พวกเขายังจะพูดอะไรได้อีก

หากมู่ชิงเกอเล่นเหลี่ยมขึ้นมา ไม่ใช่ว่าใครก็จะทาบได้ติด

นอกกระจก ผู้เฝ้ามองเงียบลง สองตาที่มองมู่ชิงเกอเปลี่ยนแปลงไปยากที่จะคาดเดาความคิด แต่ราชครูก็ยังพบบางสิ่งบางอย่างในนั้น

สิ่งนั้นเป็นความยินดี…หรือพูดได้ว่าตื่นเต้นยินดี

“หยวนหยวน เจ้ากลับเข้าช่องว่างไปหาเหมิงเหมิงเถอะ นางคิดถึงเจ้ามาก” มู่ชิงเกอมองหยวนหยวนและบอกเขา

เมื่อเอ่ยถึงเหมิงเหมิง ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ้มแย้มของหยวนหยวนก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นหลายส่วน

มู่ชิงเกอเปิดช่องว่างออก หยวนหยวนหมุนตัวทีเดียวก็หายไป จากนั้นมู่ชิงเกอก็มองไปที่ไป๋สี่กับโห่ว “พวกเจ้าสองคนก็กลับไปก่อนเถอะ”

ไป๋สี่ผงกศีรษะ

เดิมนางกำลังอยู่ระหว่างทะลวงขอบเขต ที่ออกมาครั้งนี้เพราะถูกเรียกตัวกะทันหัน นางต้องรีบกลับตอนนี้เพื่อทะลวงขอบเขตต่อ

แต่โห่วกลับบอกว่า “นังหนู ข้าคงไม่กลับไปแล้ว”

“เจ้าจะแยกตัวไปแล้วหรือ” มู่ชิงเกอถาม พันธสัญญาของนางกับโห่วนั้นถูกยกเลิกไปนานแล้ว เพียงแต่โห่วยังต้องการอยู่ร่วมกับนางเท่านั้น

เห็นโห่วพยักหน้าแล้วมู่ชิงเกอก็ผงกศีรษะเล็กน้อย “ก็ดี เจ้าจะไปที่ไหน ต้องการให้ข้าไปส่งไหม”

“ข้าจะกลับป่าอสูรก่อนสักพัก ถึงแม้โอสถจากเจ้าจะทำให้อาการบาดเจ็บของข้าหายดีแล้ว แต่ข้ายังต้องการจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จำเป็นต้องกลับป่าอสูรเท่านั้น รอให้ข้ากลับจากป่าอสูรและจัดการเจ้าพวกสารเลวพวกนั้นเมื่อไหร่ ข้าค่อยมาหาเจ้า” โห่วบอกแผนตัวเอง

ทุกคนต่างมีชะตาชีวิตของตัวเอง ต่างมีเส้นทางที่ตัวเองต้องเลือกเดิน

แม้แต่มู่ชิงเกอเองก็ไม่สามารถฝืนใจคนอื่นให้ละทิ้งทุกสิ่งของตัวเองเพื่อติดตามนางเท่านั้นได้

ดังนั้นกับการเลือกของโห่ว นางจึงพูดเพียงว่า “ดูแลตัวเองให้ดี”

ส่วนคำพูดที่ว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรไหมนั้น นางคิดว่าระหว่างนางกับโห่วไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันเช่นนั้น หากมีอะไรต้องการให้นางช่วย เชื่อว่าโห่วก็ คงไม่เกรงใจ

โห่วมองนางอย่างลึกซึ้งบอกว่า “นังหนู เจ้าก็ต้องดูแลตัวเองด้วยเล่า หากใครกล้ารังแกเจ้า บอกชื่อมันกับข้าได้เลย”

มู่ชิงเกอยิ้มออกมา

จากนั้นโห่วก็บอกหยินเฉินและไป๋สี่ว่า “พวกเจ้าทั้งคู่ถึงอย่างไรก็เป็นเผ่าอสูร หากอยากแข็งแกร่งขึ้น ช่วยเหลือนังหนูได้มากขึ้น หากมีเวลาก็ควรไปป่าอสูรสัก เที่ยว”

เขามองไปทางมู่ชิงเกอ “นังหนู เจ้าก็ด้วย แผ่นดินเทพมารใหญ่โตนัก มีโอกาสก็ไปป่าอสูรบ้าง ไม่เป็นผลร้ายต่อตัวเจ้าแน่”

“แน่นอน” มู่ชิงเกอรับปาก

ความจริงต่อให้โห่วไม่เตือน หากนางมีโอกาสก็จะไปดูว่าป่าอสูรเป็นอย่างไรเช่นกัน

โห่วไปแล้ว จากไปคนเดียวอย่างสง่าผ่าเผย

ไป่สี่ก็กลับเข้าไปในช่องว่างแล้ว มู่ชิงเกอเก็บหุ่นเทพมาร แล้วยืนอยู่ข้างศพมู่เทียนอินกับหยินเฉิน

“ตัดศีรษะเขาออกมา” มู่ชิงเกอสั่ง

หยินเฉินทำตามโดยไม่ลังเล เขาตัดศีรษะมู่เทียนอินมาถือไว้ในมือแล้วบอกมู่ชิงเกอว่า “ชิงเกอ ถึงแม้ทำเช่นนี้ ฐานะเจ้าจะมั่นคงขึ้น แต่เพราะเรื่องเคล็ดวิชาเทวะจะทำให้พวกเขาจับตามองเจ้า”

หยินเฉินเตือนได้ดี

มู่เทียนอินตายในมือมู่ชิงเกอ เคล็ดวิชาเทวะที่ทุกคนอยากได้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่สุดที่จะตกอยู่ในมือมู่ชิงเกอ

มู่ชิงเกอกลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องกลัว ข้าเป็นราชาเทวะน้อยฮ่วนเยวี่ย ต่อให้พวกเขาสงสัยก็ไม่กล้าลงมืออย่างเปิดเผย ข้าจะส่งข่าวไปให้คนดินแดนฮ่วนเยวี่ยมารับไม้ต่อ”

นัยน์ตาหยินเฉินเปล่งประกาย เข้าใจความหมายมู่ชิงเกอทันที

นางจะให้สี่ราชาเทวะแผ่นดินเทพตะวันตกเข้าใจว่า แม้นางจะได้เคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างส่วนหนึ่งมา แต่ก็ได้มอบให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไปแล้ว พวกเขาบีบบังคับนางได้ แต่บีบบังคับราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไม่ได้อย่างน้อย ยังไม่ใช่เวลาที่จะแตกหักกัน

เห็นมู่ชิงเกอคิดไว้ดีแล้ว หยินเฉินจึงไม่ได้พูดต่อ พวกเขานำศีรษะมู่เทียนอินลงมาจากเก้าชั้นฟ้า เดินไปหาราชครูกับผู้เฝ้ามอง

ผู้เฝ้ามองเห็นมู่ชิงเกอเดินย้อนแสงเข้ามาก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย ราวกับว่าเขาได้เห็นบรรพชนตระกูลมู่ครั้งนั้นกำลังเดินเข้ามา

“ความจริง ข้าต้องการคำอธิบายจากเจ้า แต่เวลานี้ไม่จำเป็นแล้ว” มู่ชิงเกอมองผู้เฝ้ามองพูดเสียงเรียบแล้วมองไปทางราชครู

ฝ่ายหลังเข้าใจรีบเดินจากข้างกายผู้เฝ้ามองเข้ามาผงกศีรษะให้นางและเอ่ยเรียกว่า “นายน้อย”

“พวกเราไป” มู่ชิงเกอจ้องดูผู้เฝ้ามอง หันกายจากไปพร้อมหยินเฉินและราชครู

ตั้งแต่ต้นจนจบ นางไม่ได้พูดเรื่องนายน้อยตระกูลมู่สักคำ และไม่ได้พูดอะไรกับผู้เฝ้ามองเรื่องการตายของมู่เทียนอินด้วย

คำพูดและการกระทำของนางเป็นลักษณะของผู้นำโดยแท้

การเป็นผู้นำ ไม่ว่าการกระทำ การตัดสินใจ ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นผู้เฝ้ามองเองก็ตาม มองดูเงาหลังที่จากไปของพวกมู่ชิงเกอสามคน ผู้เฝ้ามองก็ยืนนิ่งเฉยไม่ขยับเขยื้อน

จนกระทั่งมองไม่เห็นมู่ชิงเกอแล้ว ดวงตาลึกลํ้าคู่นั้นจึงผุดความสับสนยากจะเข้าใจขึ้นมา เป็นความรูลึกที่ทั้งยินดีทั้งค้างคาปะปนกัน

มู่ชิงเกอกลับมาตามทางเดิม เดินไปทางที่ดินแดนจื่อกวงรับผิดชอบดูแล

“ราชาเทวะน้อย เหตุใดท่านจึงกลับไวนักเล่า”

โชคดีนางพบกับอินผิงที่เคยนำทางให้นาง

พวกลูกศิษย์ดินแดนเทพที่เข้ามาในเก้าชั้นฟ้านั้นต่างตรงเข้ามาจากดินแดนเทพ ไม่ใช่คนนอกเขตเก้าชั้นฟ้าที่คนเหล่านี้คอยเฝ้าระวัง

พอเห็นเขา มู่ชิงเกอก็ขมวดคิ้วพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “เหตุใดเกิดเรื่องใหญ่ในเก้าชั้นฟ้าขนาดนั้น พวกเจ้าที่เฝ้าดูแลกลับไม่รู้เรื่องเลย”

คำถามของนางทำให้อินผิงที่ยิ้มประจบอยู่งงงัน

เขาชะงักไปเล็กน้อย ยังไม่ทันเข้าใจความหมายของมู่ชิงเกอ คิดจะถามว่าเกิดเรื่องอะไรในเก้าชั้นฟ้ากลับเห็นศีรษะที่หยินเฉินหิ้วอยู่ในมือเข้าเสียก่อน

ทันใดนั้น ตาดำเขาก็หดลงถามอย่างตกตะลึงว่า “ราชาเทวะน้อย คนผู้นี้เป็นใครหรือ”

“ขณะมีชีวิต พวกตระกูลมู่เหลือเดนเรียกเขาว่านายน้อย” มู่ชิงเกอตอบเรียบๆ

“อะไรนะ!” อินผิงราวกับตกใจอย่างมากจึงร้องเสียงดังขึ้นมาทันที เสียงร้องนี้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ เข้ามาทันที

เพียงแต่เขาไม่ทันใส่ใจท่าทีของคนอื่น เพียงแต่ถามมู่ชิงเกอให้แน่ใจอย่างระมัดระวังว่า “ราชาเทวะน้อย ท่านว่าเขาเป็นใครนะ”

“หากเขาไม่ได้เล่นลูกไม้ก็คงเป็นนายน้อยตระกูลมู่นั่นละ” มู่ชิงเกอพูดอีก

ซี้ด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!