ตอนที่ 755
เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าเห็น
“ราชาเฟิ่ง” เฟิ่งอาวุโสตัวหนึ่งเดินมาด้านหลังราชาเฟิ่งแล้วเรียกด้วยความเคารพ
ราชาเฟิ่งละสายตากลับคืนมาจากบนท้องฟ้า หันกายมองเขา
พอราชาเฟิ่งมองมา เขาก็ยิ่งแสดงท่าทีเคารพนบนอบมากขึ้น “ราชาเฟิ่ง เวลานี้แผ่นดินเทพมารมีขั้นศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน เพียงแต่ไม่รู้ว่าขั้น
ศักดิ์สิทธิ์คนนี้เป็นใคร ขึ้นกับเผ่าไหน”
เขาหยุดนิดหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ข้าได้ส่งลูกน้องออกไปสืบหาแล้ว ดูว่าในป่าอสูรมีใครทะลวงขอบเขตสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วบ้าง”
“เมื่อเข้าสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว หากเขาไม่ยินยอมขั้นพลังก็จะกลับคืนสู่สภาวะก่อนหน้านี้ ยากที่จะรับรู้ได้ หากขั้นศักดิ์สิทธิ์ใหม่คนนั้นไม่ได้เปล่งบารมีออกมาเอง พวกเจ้าก็หาเขาไม่พบหรอก” ราชาเฟิ่งเอาสองมือไพล่หลังพูดเรียบๆ
เฟิ่งอาวุโสมองมาแล้วพูดอย่างลังเลว่า “ความจริง…โดยทั่วไปแล้ว หากมีคนเข้าสู่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเรื่องที่สมควรยินดีฉลองกัน ไม่ว่าจะเจ้าตัวหรือผู้อยู่ข้างเคียงต่างต้องป่าวร้องกันเสียใหญ่โต จะมีคนที่เก็บตัวเงียบเชียบหรือ”
ราชาเฟิ่งนิ่งเงียบครู่หนึ่งแล้วบอกเขาว่า “เช่นนั้น เจ้าก็ลองตรวจสอบดูว่าจะได้อะไรบ้าง”
“ขอรับ ราชาเฟิ่ง” เฟิ่งอาวุโสค้อมตัวด้วยความเคารพ
พูดเรื่องนี้จบแล้วเฟิ่งอาวุโสก็หยุดนิดหนึ่งแล้วพูดอีกว่า “ราชาเฟิ่ง องค์หญิงนิพพานมาสิบปีแล้ว ระยะนี้ไฟนิพพานมีเค้าลางว่าจะมอดดับ ดูท่าทางองค์หญิงกับเผ่ามนุษย์คนนั้นจะออกมาแล้ว”
สีหน้าราชาเฟิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดเสียงเครียดว่า “บอกพวกเจ้าไปกี่ครั้งแล้วว่าเผ่ามนุษย์นั้นชื่อมู่ชิงเกอ”
“ขอรับ มู่ชิงเกอ” เฟิ่งอาวุโสรีบเปลี่ยนคำเรียก
“ราชาเฟิ่ง องค์หญิงกับมู่ชิงเกอใกล้จะออกมาแล้ว พวกเราจะต้องเตรียมทำอะไรหรือไม่” เฟิ่งอาวุโสขอความเห็น
ราชาเฟิ่งถลึงตา “แน่นอนอยู่แล้ว ลูกสาวข้ากลับมาแล้วอีกทั้งฟื้นคืนจากนิพพาน ไม่สมควรเฉลิมฉลองกันทั่วหล้าหรือ”
“แต่ว่าเรื่องก่อนหน้านี้ขององค์หญิง…หากโจรที่ขโมยราชินีกับองค์หญิงรู้เข้าจะทำอย่างไรดี” เฟิ่งอาวุโสพูดด้วยความกังวล
“กลัวอะไร ข้ายังกลัวเขาไม่กล้ามาด้วยซํ้า” ราชาเฟิ่งพูดด้วยความโกรธ
เฟิ่งอาวุโสปิดปากนิ่งเงียบ รอให้ความโกรธของราชาเฟิ่งผ่อนคลายลง เขาจึงว่า “ไม่เช่นนั้นรอให้องค์หญิงฟื้นคืนแล้วค่อยคุยเรื่องเฉลิมฉลองกันดีไหม”
สีหน้าราชาเฟิ่งเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็ปัดมือ ยอมด้วยความรำคาญ
เขาไม่กลัวราชาเทวะอู๋หวาจะรู้ว่าเขาหาบุตรสาวพบแล้ว แต่เกรงว่าการตัดสินใจโดยพลการจะทำให้ชูเนี่ยนเสียใจต่างหาก
เฟิ่งอาวุโสค้อมกายถอยไป คงเหลือเพียงเงาหลังของราชาเฟิ่งยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ณ ที่เดิม
พอเงาภาพขั้นศักดิ์สิทธิ์ปรากฎ ผู้ที่สะท้านสะเทือนมากที่สุดก็คือสิบหกดินแดนเทพในแผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทร
ไม่ว่าจะเป็นดินแดนเทพตะวันออก ตะวันตก เหนือหรือใต้ ต่างคาดเดากันว่าใครกันแน่ที่ทะลวงขอบเขตขั้นศักดิ์สิทธิ์
เป็นใคร
เป็นใครกันแน่
เวลานั้น สายสืบดินแดนเทพต่างๆ ล้วนเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ค้นหาข่าวสารขั้นศักดิ์สิทธิ์คนใหม่
ในดินแดนฮ่วนเยวี่ย ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยนั่งอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน ดูจากเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อย ราวกับเพิ่งตื่นจากความฝัน อาการเกียจคร้านของเขา ผมดำ ขลับสยายออก ทิศทางของนัยน์ตาหงส์ที่เฉี่ยวตรงก็คือ ท้องฟ้านอกหน้าต่าง
ราชาเทวะเฒ่าเดินเอามือไพล่หลังเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ก็บอกว่า “เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม แผ่นดินเทพมารได้กำเนิดขั้นศักดิ์สิทธิ์คนใหม่อีกแล้ว น่า กลัวว่าแผ่นดินเทพมารที่เงียบสงบมานานปี จะไม่สงบอีกต่อไป”
นัยน์ตาราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเกิดประกายแวบหนึ่ง ค่อยๆ เก็บสายตาคืน เขาตอบไม่ตรงคำถามว่า “เจ้าสามจากไปสิบปีได้แล้ว สมควรได้เวลากลับแล้ว”
ราชาเทวะเฒ่าชะงัก ถลึงตาเอ่ยว่า “ข้ากำลังคุยกับเจ้าเรื่องขั้นศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ เหตุใดเจ้าจึงพูดถึงเจ้าหนูนั่นขึ้นมา”
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยหลุบตาไม่พูด ใบหน้าแสนงามนั้นราวกับรูปแกะสลัก
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ากังวลว่าเจ้าหนูนั้นอยู่ภายนอก จะเกิดปัญหา หากมีอันตรายแล้วจะเสียเปรียบใช่ไหม” ราชาเทวะเฒ่าพูด
ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไม่พูดอะไร
ราชาเทวะเฒ่ากลับยิ้มย่องพูดว่า “เจ้าวางใจเถอะ ไม่ว่าใครจะเสียเปรียบ เจ้าหนูนั่นก็ไม่เสียเปรียบ เขาไม่ใช่คนสงบเสงี่ยม ให้เขาอยู่ผจญภัยข้างนอกดีแล้ว พอเหนื่อยย่อมกลับบ้านเอง อีกอย่างหนึ่ง หากถูกรังแกจริงๆ ไม่ใช่ยังมีพวกเราสองผู้เฒ่าอยู่หรือ”
เวลานี้เองราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยก็มองเขาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “ข้ายังไม่แก่”
ในป่าอสูร ภายในป่าหวูถง ไฟนิพพานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว ใกล้จะมอดดับลง
ในสิบปีนี้มู่ชิงเกอเปลี่ยนแปลงจากเกิดเป็นตาย จากตายเป็นเกิดไม่หยุดหย่อน การรับรู้จากพญาเพลิงเวียนว่ายสองขั้วทำให้เข้าใจหลักธรรมเป็นตายมากขึ้น มี ผลในการรับรู้นิ้วหนึ่งจิตอีกด้วย เวลานี้นางอยู่ในไฟนิพพาน รับรู้ถึงหลักธรรมเป็นตายสิบปี การรับรู้จึงยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นไปอีก
พูดได้ว่า การรับรู้นิ้วหนึ่งจิตของนางได้มาถึงจุดสุดยอดแล้ว
จากนี้ไป นางสามารถวางมือจากนิ้วหนึ่งจิตและเริ่มต้นเรียนรู้วิชาที่สองของเคล็ดวิชาเทวะส่วนล่างอย่าง ‘หมัดมังกรฟ้า’ ได้แล้ว
มู่ชิงเกอค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น ภาพข้างหน้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา ต่างหูสีม่วงของนางได้ฟื้นคืนสภาพเรียบร้อยแล้ว เสื้อผ้าบนร่างกายก็ยังคงอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ
เวลาสิบปี นางรู้สึกราวกับผ่านไปเพียงคืนเดียวเท่านั้น
หวนนึกถึงเมื่อสิบปีที่แล้ว ตอนที่ชูเนี่ยนเปลวไฟท่วมตัวกลายร่างเป็นหวงไฟโผมาที่ตัวเองนั้นราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้
มู่ชิงเกออดไม่ได้พูดอย่างสะท้อนใจว่า “เป็นความจริงที่การบำเพ็ญไร้กำหนดเวลา บำเพ็ญเพียงวันเดียว โลกก็ผ่านไปแล้วพันปี”
เลิกทอดถอนใจแล้ว สายตามู่ชิงเกอก็มองไปที่หวงเก้าสีซึ่งนอนอยู่เบื้องหน้า เพียงแวบเดียว นางก็จำได้ว่าหวงเก้าสีที่ยังหลับสนิทอยู่นั้นก็คือชูเนี่ยนหลังการ
ฟื้นตื่นของสายเลือด
เฟิ่งหวงเก้าสี มู่ชิงเกอเพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรก ช่างสวยสดงดงามยิ่งนัก
มู่ชิงเกอพิจารณาด้วยความตะลึงงันอย่างละเอียดลออ สีทั้งเก้าบนร่างชูเนี่ยนล้วนเปล่งรัศมีสีทอง ขนปุยละเอียดสวยงามยิ่งนัก ไม่มีตำหนิแม้เพียงนิดเดียว
ทันใดนั้น มู่ชิงเกอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลับตารับรู้ความรู้สึกภายใน
นางรับรู้ได้ในทันทีว่าในปัญญาเทวะของตน มีหวงตัวจิ๋วกำลังท่องอยู่อย่างสบายอารมณ์หวงน้อยราวกับรู้สึกถึงการจับจ้องของนางจึงมองมายังนางแล้วส่งเสียงร้องทักทายอย่างใกล้ชิดสนิทสนม
เสียงร้องที่เต็มไปด้วยการพึ่งพาและใกล้ชิดนี้ทำให้มุมปากมู่ชิงเกอเชิดขึ้น แย้มรอยยิ้มที่ใกล้ชิดสนิทสนมออกมาด้วย
นางรู้ว่า นี่คือสิ่งที่มีหลังจากนางมีพันธสัญญากับชูเนี่ยนแล้ว เป็นความสัมพันธ์ที่มีอยู่ในร่างนาง นางรู้ด้วยว่าในปัญญาเทวะของชูเนี่ยนก็จะต้องหลงเหลือสิ่งที่ เกี่ยวข้องกับพันธสัญญาอยู่แน่นอน
นับจากนี้ไป พวกนางก็จะมีความสัมพันธ์เป็นตายร่วมกัน
นับได้ว่า การมีพันธสัญญากับนกอมตะเผ่าเฟิ่งหวง นางเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมหาศาล เนื่องจากพันธสัญญาร่วมเป็นร่วมตาย ข้อพิเศษที่สุดคือมีอายุขัยร่วมกัน
มู่ชิงเกอออกจากปัญญาเทวะ ค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น
ขณะที่นางลืมตาขึ้นมา ชูเนี่ยนที่หลับสนิทก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเช่นกัน
ทันทีที่นางลืมตา ร่างจริงของหวงเก้าสีก็หายไป ชูเนี่ยนที่มู่ชิงเกอคุ้นเคยปรากฎอยู่เบื้องหน้านาง
นัยน์ตาหงส์ของชูเนี่ยนใสกระจ่างยิ่งนัก ใสสะอาดจนไม่มีตำหนิแม้แต่นิด นางมองไปยังมู่ชิงเกอ แววตาที่สะท้อนภาพของมู่ชิงเกอผุดความรู้สึกแปลกใจ
ความแปลกใจนี้ทำให้มู่ชิงเกอตกใจ คิดว่า ‘คงไม่ใช่ลืมหมดหรอกนะ’
นางถาม “ชูเนี่ยน เจ้ายังจำข้าได้ไหม”