Skip to content

พลิกปฐพี 803

ตอนที่ 803

ตาสุนัขมองคนต่ำ?

‘เด็กเหล่านี้คงยังไม่รู้ว่า สถานที่ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ กฎเกณฑ์ปลาใหญ่กินปลาเล็กก็ยิ่งโหดร้ายทารุณมากเท่านั้น แผ่นดินเทพมาร ห่างไกลจากความดีงามที่ พวกเขานึกฝันไว้มาก’

หากเป็นไปได้ เขายอมอยู่ในโลกแห่งยุคกลางไปตลอดชาติ ไม่ขึ้นมาอีกเลยจะดีกว่า น่าเสียดายเขามีหน้าที่ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้รออยู่

เจ้าสำนักวิถีโอสถนึกสะท้อนใจ

“ข้างหน้ามีแสงสว่าง” อิ๋งเจ๋อมองไปที่เบื้องหน้า แสนห่างไกลนั้นแล้วบอกพวกเขา

“ดูแล้วคงใกล้ทางออกแล้ว” เว่ยมั่วลี่ก็พูดออกมาด้วย

รอยยิ้มบนใบหน้าจีเหยาฮั่วกดลึกขึ้น พูดด้วยความยินดี “ฮ่าๆๆ แผ่นดินเทพมาร ข้ามาแล้ว”

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!

ร่างกายคนทั้งสี่กลายเป็นแสงสี่สาย มุ่งไปทางปากบ่อด้วยความเร็วสูง

เพียงแต่ขณะถึงปากบ่อนั้น ทั้งสี่คนกลับถูกแสงสว่างจ้านั้นทำให้มองอะไรไม่เห็น

“หลับตา” เจ้าสำนักวิถีโอสถเอ่ยเตือน

พอเขาพูดจบ จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ และเว่ยมั่วลี่ทั้งสามคนต่างก็หลับตาลงโดยไม่ลังเล ปล่อยให้แสงสว่างจ้านั้นปกคลุมร่างกายตัวเอง

ทันใดนั้นแรงดึงดูดมหาศาลก็ดึงพวกเขาโดดออกมาจากบ่อบิน

จนเมื่อเท้าเหยียบพื้นได้แล้ว ทั้งสี่คนจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น

เพียงแต่ยังไม่ทันรอให้สายตาของพวกเขากลับคืนสู่สภาวะปกติสามารถมองเห็นรอบบริเวณได้ชัดเจนก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งกระแหนะกระแหนเหน็บ แนมดังขึ้นที่ข้างหู

“ฮึ มาทีตั้งสี่คนเลย”

“ทั้งยังมีตาแก่มาด้วยอีกคนหนึ่ง”

“สี่คน ไม่ต้องแย่งกันแล้ว พวกเราสามดินแดนเทพ ดินแดนละหนึ่งคนพอดี”

“แล้วที่อีกเหลือหนึ่งคนเล่าจะทำอย่างไร”

“ที่เหลือ…ก็ปล่อยให้เขาหาทางรอดเอาเองในมหาสมุทรดวงดาวก็แล้วกัน”

“ฮ่าๆๆๆ”

ได้ยินเสียงหัวเราะอย่างเหิมเกริม เวลานี้สายตาคนทั้งสี่ก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น มองเห็นคนหกคนปรากฎที่เบื้องหน้า

เสียงหัวเราะทั้งเสียงพูดคุยสักครู่นี้มาจากพวกเขานั่นเอง

“ยังไม่ต้องรีบดีใจไป ใครจะรู้ว่าพวกลูกแหง่ที่เพิ่งบินขึ้นมาจะมีฝีมือหรือไม่ หากไม่มีฝีมือจะเอากลับไปทำไม เอาไปให้เสียทรัพยากร สู้ปล่อยให้พวกเขาหาทาง รอดเอาเองดีกว่า”

“ฮี่ๆ หากทั้งสี่คนมีพื้นฐานใกล้เคียงกันก็ยังพอได้ หากพวกเขามีคนที่พื้นฐานไม่เลว คงจะต้องแย่งชิงกันอีกแล้ว”

“หลายวันนี้คนที่บินขึ้นน้อยมาก พวกเรานั่งเฝ้าอยู่ที่บ่อบินนี้ทั้งวันหงอยเหงานัก เวลานี้มาตั้งสี่คน สู้ลองเอาพวกเขามาเล่นสนุกสักพัก ปรนนิบัติพวกเราให้ดี แล้วค่อยมาคุยเรื่องเลือกคน”

“ก็ได้ แค่มดปลวกข้างล่างที่บินขึ้นมาไม่กี่คน ให้พวกเขาปรนนิบัติพวกเรา นับว่าเห็นแก่หน้าพวกเขามากแล้ว”

“น่าเสียดายที่มีแต่ผู้ชาย หากมีผู้หญิงด้วยค่อยมีรสมีชาติหน่อย”

คนทั้งหกพูดคุยอย่างไม่หวั่นเกรงอะไร ไม่ได้เห็นพวกจีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ ทั้งสี่คนอยู่ในสายตาเลย

ทั้งสี่คนได้ยินคำพูดของพวกเขาชัดเจน อารมณ์ตื่นเต้นยินดีถูกดับไปจนหมดเกลี้ยง

โดยเฉพาะจีเหยาฮั่ว เขาเป็นนายน้อยตระกูลจี ในโลกแห่งยุคกลาง เคยปรนนิบัติใครเสียที่ไหน เพิ่งเข้ามาถึงแผ่นดินเทพมารก็โดนดูหมิ่นเหยียดหยามถึงเพียงนี้แล้ว

ยังดีที่เขานับว่ามีความอดทน ได้แต่ระงับไฟโทสะไว้ไม่ได้ระเบิดออกมาในทันที

สายตาของคนทั้งสี่ได้ฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติแล้ว

สายตาเจ้าสำนักวิถีโอสถกวาดผ่านป้ายบนตัวคนทั้งหกอย่างเงียบๆ จึงพอรู้ถึงฐานะของพวกเขา ‘ดินแดนกู่เฟิ่งแผ่นดินเทพตะวันตก ดินแดนสือฟางแผ่นดิน เทพเหนือ ทั้งยังมีดินแดนจั๋วอวี่แผ่นดินเทพตะวันออก’

จีเหยาฮั่ว อิ๋งเจ๋อ กับเว่ยมั่วลี่สามคนเองก็เห็นหน้าตาของคนทั้งหกแล้ว เพียงแต่พวกเขาไม่รู้จักว่าป้ายประจำตัวหมายความว่าอย่างไร ดังนั้นจึงยังไม่รู้ฐานะของคนทั้งหก

พวกเขาสามคนขมวดคิ้วนิดๆ หกคนเบื้องหน้าดูอายุพอๆ กัน เพียงแต่เสื้อผ้าต่างกัน พวกเขาเวลานี้อยู่ในที่คล้ายแท่นปากบ่อแห่งหนึ่ง

เพียงแต่แท่นปากบ่อแห่งนี้ ลอยอยู่บนท้องฟ้าดวงดาว มองไม่เห็นพื้นดิน

แผ่นดินเทพมารตามตำนานเล่า

ภาพเบื้องหน้าทำให้คนทั้งสามออกจะรู้สึกเกินความคาดหมายไปบ้าง

“ไม่มีผู้หญิงก็ไม่เป็นไร ข้าเห็นในนี้มีคนหนึ่งหน้าตางดงาม หากแต่งเป็นผู้หญิงก็คงยั่วยวนน่าดู ไม่สู้ให้เขาแต่งเป็นผู้หญิง สร้างความบันเทิงให้เราสักหน่อยเป็นอย่างไร” ลูกศิษย์ดินแดนสืลือฟางจ้องจีเหยาฮั่วอย่างหื่นกระหาย ใช้คำพูดแทะโลม

สายตาของเขาตกอยู่บนร่างจีเหยาฮั่ว ทำให้สีหน้าของจีเหยาฮั่วเครียดลง

ไม่เพียงเท่านั้น คนผู้นั้นยังคิดจะยื่นนิ้วไปลูบหน้าจีเหยาฮั่วอีกด้วย

จีเหยาฮั่วเคยถูกรังแกหยามเหยียดเช่นนี้เสียที่ไหน ไฟโทสะที่อัดแน่นไว้ในอกพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ดีที่อิ๋งเจ๋อดึงเขาไว้ได้ทัน ใช้สายตาห้ามไม่ให้เขาหุนหันพลันแล่น

นัยน์ตาจีเหยาฮั่วราวกับเปลวเพลิงลุกโหม หมัดกำแน่นจนเห็นข้อกระดูกซีดขาว

เขาสะบัดศีรษะ หลบการเย้าหยอกจากลูกศิษย์ดินแดนสือฟางคนนั้น

คนอื่นๆ ต่างหัวเราะเยาะท่าทีคว้าอากาศของลูกศิษย์ดินแดนสือฟางคนนั้นทันที พอโดนหัวเราะเยาะ หน้าตาลูกศิษย์ดินแดนสือฟางก็ดำคลํ้า ยกมือฟาดพลังเทพออกไปที่หน้าอกจีเหยาฮั่วทันที

กระบวนท่านี้หากจีเหยาฮั่วถูกฟาดแล้วไม่ตายก็ต้องเจ็บหนัก

ตบะบำเพ็ญของคนทั้งสามนับว่าเป็นสุดยอดในโลกแห่งยุคกลาง แต่จะนับเป็นอะไรได้ในแผ่นดินเทพมาร

ขณะที่จีเหยาฮั่วใกล้จะโดนพลังนั้นฟาดเข้านั้น เจ้าสำนักวิถีโอสถก็ลงมือ เขาไม่ได้ออกไปรับมือการโจมตีนั้น แต่ดึงตัวจีเหยาฮั่วหลบไปออกด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลบพ้นไปได้อย่างเฉียดฉิว

คราวนี้ลูกศิษย์ดินแดนเทพทั้งหกคนต่างเลิกเย้ยหยัน มองทั้งสี่คนด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม

อิ๋งเจ๋อกับเว่ยมั่วลี่ชักอาวุธของตัวเองขึ้นมาพร้อมกัน จีเหยาฮั่วเองก็หยิบพัดของตัวเองออกมาด้วย อาการที่พวกเขาแสดงท่าทีไม่เป็นมิตรเช่นนี้ทำให้หกคนนั้น หัวเราะเยาะออกมา

“พวกเจ้าไก่อ่อนไม่กี่ตัว ตั้งท่าเช่นนี้คิดจะทำอะไรกัน”

“โอ้ เดี๋ยวนี้มดปลวกที่บินขึ้นมาจากข้างล่างช่างใจกล้านัก ถึงกับกล้าต่อกรกับพวกเราเชียว”

“ไม่เป็นไร ปล่อยพวกเขาไป พวกเราก็ถือว่าเล่นสนุกกับพวกเขาแล้วกัน”

“เล่นหรือ พวกเขาเล่นไหวหรือ กุ้งแห้งไม่กี่ตัวนี้แค่กระบวนท่าเดียวของข้าก็จัดการได้หมดแล้ว”

“มาๆๆ ตีบิดาตรงนี้เลย” ลูกศิษย์ดินแดนกู่เฟิ่งยกมือตบหน้าอกตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

จีเหยาฮั่วโมโหจนทนไม่ไหว เตรียมฟาดพัดในมือออกไป

เขาคิดเช่นนี้และทำเช่นนี้ พัดของเขาเป็นยุทธภัณฑ์ชั้นมหาเทพที่มู่ชิงเกอทำให้เองกับมือ พอเขาสะบัดพัดออกไปทำให้แววตาของคนทั้งหกตาสว่างวาบขึ้นมาทันที

“อาวุธไม่เลวเลย” ลูกศิษย์ดินแดนจั๋วอวี่คนหนึ่งพูด

“เสียดายที่เจ้าของไม่ไหว” ลูกศิษย์ดินแดนสือฟางพูด

ลูกศิษย์ดินแดนกู่เฟิงพูดต่อว่า “ในเมื่อเจ้าของไม่ไหว พวกเราก็เปลี่ยนเจ้าของให้มัน พวกเจ้าว่าข้าเป็นอย่างไร”

พูดจบก็ยื่นมือคิดจะแย่งพัดของจีเหยาฮั่วมา

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สีหน้าจีเหยาฮั่วเปลี่ยนไป เขาคิดจะเรียกพัดคืน แต่ไม่คิดว่าพัดกลับไม่ฟังคำสั่ง บินไปยังมือของเหล่าลูกศิษย์ดินแดนเทพ

จีเหยาฮั่วโผขึ้นไป คิดจะแย่งพัดคืน ถูกลูกศิษย์ดินแดนเทพกลับแค่นเสียง พลังเทพพุ่งมายังคนทั้งสี่ทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!