ตอนที่ 818
นี่คือ เขาปู้โจวหรือ
แรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อนพลันถาโถมลงบนร่างมู่ชิงเกอ ทำให้สีหน้านางซีดเซียวจนไม่เหลือสีเลือด
เวลานี้นางหันหลังให้ทุกคนพวกเขาจึงมองไม่เห็นสีหน้าเขียวคลํ้า ทั้งยังใบหน้าที่เขม็งเกร็งของนาง เห็นเพียงแผ่นหลังที่ตรงแน่วของนาง
“ถึงขนาดมาถึงขั้นที่ 98 แล้ว!” เป่ยเหยียนแหงนหน้ามองดูเงาร่างในแสงแห่งวิถีเอ่ยพึมพำขึ้น เขาไม่ทันสังเกตว่าเสียงของตัวเองนั้นสั่นเทาเล็กน้อย
คนทั้งหกนอกแสงแห่งวิถีต่างนิ่งสงบ รอบบริเวณเงียบสงัด ที่ไกลออกไปนั้น สี่คนที่ถูกมู่ชิงเกอตีจนสลบ นั้นยังคงสลบไสลไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
น่าตื่นเต้น! น่าตื่นเต้นเกินไปแล้ว!
ในใจของหกคนที่อยู่นอกแสงแห่งวิถีนั้นตื่นเต้นจนหาที่เปรียบไม่ได้
เนื่องจากมู่ชิงเกอไปถึงขั้นที่ 98 แล้ว ถึงแม้จะขึ้นไปไม่ถึงขั้นที่ 99 พวกเขาทั้งหกก็สามารถอยู่เหนือกว่าขั้น 90 ได้ทั้งหมดแล้ว
ความสูงระดับนี้ไม่เคยมีมาก่อนเลย!
แม้แต่หมิงถงเวลานี้ก็ลอบถอนหายใจ เขารู้สึกว่าที่มู่ชิงเกอขึ้นมาได้ถึงระดับนี้ก็ดีที่สุด ดีที่สุดแล้ว
“พวกเจ้าคิดว่า เขาจะเดินขึ้นไปถึงขั้นสุดท้ายไหม” ทันใดนั้น เป่ยเหยียนก็เอ่ยปากถาม
ขณะที่เขาพูด สองตาก็ยังคงจับจ้องเงาหลังมู่ชิงเกอตลอดเวลาราวกับเกรงว่าจะพลาดอะไรไป
จะขึ้นถึงขั้นสุดท้ายได้หรือไม่!
คำถามของเป่ยเหยียนทำให้คนทั้งห้าสะดุ้ง
ราชาเทวะน้อยดินแดนจินกวง สือฟางและเซียนเหนี่ยวสามคน ต่างสบตากันแล้วนิ่งเงียบ
เนื่องจากสำหรับพวกเขาแล้ว ขั้นที่มู่ชิงเกออยู่นั้น สูงมากพอแล้ว การที่เขาจะขึ้นถึงขั้นสุดท้ายได้หรือไม่นั้น สำหรับพวกเขาทั้งสามคนแล้วกลับเป็นไม่ได้สำคัญ อะไรนัก
“เขาทำได้แน่!” ชูเนี่ยนเดินขึ้นหน้าก้าวหนึ่งแล้ว พูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
เป่ยเหยียนหันมองนางแล้วละสายตา ยังคงจ้องมู่ชิงเกอต่อ
“แต่ขั้นที่ 99 คงขึ้นได้ไม่ง่ายแน่” ชูเนี่ยนกล่าวเพิ่มเติม สายตาเต็มไปด้วยความกังวล
เป่ยเหยียนพยักหน้านิดๆ เอ่ยอย่างสะท้อนใจว่า “ใช่แล้ว ขั้นที่สูงที่สุดนั้นจะขึ้นไปง่ายๆ ได้อย่างไร”
“แต่เขาจะไม่ยอมแพ้แน่นอน” ชูเนี่ยนขมวดคิ้ว สายตากังวลมากยิ่งขึ้น
ขณะที่นางพูดจบ รอบบริเวณก็เงียบสงบลงอีก
มู่ชิงเกอยืนอยู่ในแสงแห่งวิถี ห่างจากพวกเขาถึง 98 ขั้นจึงไม่ได้ยินคำวิจารณ์ของพวกเขาและไม่ได้เห็นสีหน้าของพวกเขาในเวลานี้
นางยืนอยู่ที่ขั้นที่ 98 พยายามก้าวเท้าตัวเองออกไป
แต่สองเท้านางราวกับถูกหล่อด้วยตะกั่วที่หนักอึ้งเหลือแสน ทั้งราวกับละลายเป็นเนื้อเดียวกับขั้นที่ 98 ไม่อาจก้าวเท้าออกไปได้เลย
‘เพราะอะไร เพราะอะไรขั้นที่ 99 ข้าจึงไม่สมควรไป!’ มู่ชิงเกอเม้มปากแน่น ใบหน้างดงามเขม็งเกร็ง นัยน์ตาที่ใสกระจ่างผุดความไม่ยินยอมอย่างแรงกล้าออกมา
นางมอ เห็นบันไดขั้นที่ 99 แล้ว ที่นั้นห่างจากนางเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น
แต่ในระยะห่างเพียงแค่ฉื่อเดียวนี้นางกลับไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกแม้เพียงนิด ที่นั้นราวกับเป็นสถานที่ต้องห้าม เพียงแค่มีอยู่แต่ปฏิเสธการเข้าถึงของทุกคน
‘ข้าไม่ยอม!’ นัยน์ตามู่ชิงเกอฉายประกายแน่วแน่ออกมา นางกัดฟันพยายามคิดจะขึ้นขั้นที่ 99
แต่นางเค้นพลังจนสุดแรงก็ยังคงยืนอยู่ที่ขั้น 98
‘เจ้า ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะขึ้นถึงจุดสุดยอด!’ เสียงชรานั้นดังแว่วมาอีกและเอ่ยเตือนมู่ชิงเกอ ‘หากยังยึดติดไม่ยอมปล่อยจะถูกขับออกจากแสงแห่งวิถี ห้าม ไม่ให้เข้ามาอีกตลอดชีวิต!’
คุณสมบัติ!
มู่ชิงเกอสะดุ้งเฮือก คลายพลังที่เท้าออกทั้งหมด นางแหงนหน้ามองดูขั้นที่ 99 ที่นั่นมองดูแล้วราวกับไม่มีอะไรพิเศษ
แต่เสียงนั้นบอกนางว่า เวลานี้นางยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นไปได้
‘ถ้าเช่นนั้นแล้ว เมื่อไรเล่าข้าจึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นไปได้’ มู่ชิงเกอถามตัวเองในใจ
คุณสมบัติไม่พอ หมายความว่ายังไม่ใช่โอกาสที่เหมาะสมที่สุด
แววตามู่ชิงเกอเปลี่ยนแปลงไปมาหลายครั้ง ยอมทิ้งการขึ้นสู่ขั้นที่ 99 ในที่สุด แหวกเสื้อคลุมออกแล้วนั่งขัดสมาธิลงที่ขั้น 98
พอนางนั่งลง บันไดขั้นที่ 97 ด้านล่างก็เปิดออก อาคมต้องห้ามคลายออกโดยพลัน
“เหมือนเขาจะละทิ้งขั้นสุดยอดนั้นด้วยตนเอง” นัยน์ตาเป่ยเหยียนฉายประกายงุนงงแวบหนึ่ง
ชูเนี่ยนกลับพูดว่า “ชิงเกอมีวิธีคิดของตัวเอง”
“พวกเจ้ายังรออะไรอยู่อีกเล่า” ราชาเทวะน้อยดินแดนจินกวง ตื่นเต้นยินดีที่สุด พุ่งเข้าไปในแสงแห่งวิถีทันที พอเขาขยับ ราชาเทวะน้อยดินแดนสือฟางกับเชีย นเหนี่ยวก็พุ่งตามเข้าไป
หมิงถงมองเป่ยเหยียน ฝ่ายหลังพยักหน้าว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
ชูเนี่ยนกระโดดขึ้นในทันที พุ่งเข้าไปในแสงแห่งวิถีขั้นที่ 96 ด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย นำหน้าราชาเทวะน้อยดินแดนจินกวงที่เข้าไปก่อนเป็นคนแรก
ส่วนเป่ยเหยียนกับหมิงถงพุ่งไปที่ชั้น 93 ที่เหลือสามคนหมดหนทาง ต้องนั่งลงที่ชั้น 88
“ชิงเกอ!” ชูเนี่ยนมองมู่ชิงเกอที่ชั้น 98 แล้วเรียกเสียงเบา แต่พอเห็นนางมีท่าทีสงบนิ่งไม่ขยับเขยื้อนก็รู้ว่านางได้เข้าสู่สภาวะการรับรู้แล้ว
ชูเนี่ยนยิ้มน้อยๆ แล้วนั่งลงขัดสมาธิที่ชั้น 96 เข้าสู่สภาวะการรับรู้เช่นกัน
คนอื่นๆ มีสภาพอย่างไรในแสงแห่งวิถี มู่ชิงเกอไม่ได้สนใจ
หลังจากนางเข้าสู่สภาวะว่างเปล่าแล้ว นางก็มาอยู่ท่ามกลางเมฆดาวต่างๆ นี้อีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้นางไปไกลขึ้นอีก จักรวาลรกร้าง กำเนิดเวลาไท่ซู…
มู่ชิงเกอรู้สึกว่าตัวเองกระโดดเข้าไปในทิวทัศน์ที่เคยประสบมาก่อน พุ่งเข้าไปท่ามกลางความว่างเปล่าที่พร่ามัว
เวลานั้นยังไม่มีท้องฟ้าดวงดาว ทุกอย่างล้วนเป็นความว่างเปล่าที่ไร้แสง ไม่มีสัญญาณของชีวิตแม้แต่นิด นี่คือต้นกำเนิดของหลักวิถี ต้นกำเนิดของอาคมทุกชนิด
ผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง นางเห็นกลุ่มแสงสีแดงที่เคยเห็นมาก่อน เพียงแต่ครั้งนี้นางเพียงเฉียดผ่านขอบแสงสีแดงนั้นไป หลังจากนางเฉียดผ่านไปนานแล้ว กลุ่มแสงสีแดงเกิดระเบิดขึ้นเบื้องหลังนาง
มู่ชิงเกอหันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นแสงสีแดงห่างจากตัวเองไกลออกไปเรื่อยๆ กลายเป็นจุดเล็กๆ หายไปในท่ามกลางความว่างเปล่านั้น
‘ครั้งก่อนข้าอยู่ภายในการระเบิด รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นหมื่นแสนล้านส่วน รับรู้หลักวิถีหมื่นพัน ครั้งนี้ข้าจะรับรู้อะไรได้อีกนะ’ ขณะที่มู่ชิงเกอเข้าไปในส่วนลึกมากขึ้น ในใจก็คิดอยู่เช่นนี้
ความรู้สึกชนิดนี้ละเอียดอ่อนมากๆ ทำให้คนหลงลืมตัวตน หลอมละลายเข้าไปในความว่างเปล่า
ยังคงลึกเข้าไปในความว่างเปล่า มู่ชิงเกอลืมไปว่าตัวเองล่องลอยอยู่ในนี้นานเท่าไรแล้ว ในที่สุดนางเห็นแสงสว่างระยิบระยับ
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าแสงนั้นเป็นอะไรโชคดีหรือภัยร้าย แต่ท่ามกลางความมืดนั้นก็ยังดึงดูดให้คนเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัว
มู่ชิงเกอก็เช่นเดียวกัน
นางมุ่งตรงเข้าใกล้แสงอ่อนจางนั้นเรื่อยๆ แสงนั้นใหญ่โตขึ้นและสว่างขึ้นเรื่อยๆ ในสายตานาง
นางไม่รู้ว่าผ่านทะลุกาลเวลาไปแล้วเท่าไร ไม่รู้ว่าเข้าไปอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่านั้นนานเท่าไรแล้ว แต่ในที่สุดนางก็ไปถึงเบื้องหน้าแสงเรื่อเรืองนั้น
เพียงแต่ขณะที่นางเห็นชัดถึงทิวทัศน์เบื้องหน้า นางกลับอดจิตใจสั่นสะท้านไม่ได้ จ้องมองแน่นิ่ง และร้องเสียงหลงอยู่ในใจว่า ‘เขาปู้โจวหรือ!’
เขาปู้โจวในตำนาน เป็นเสาคํ้ายันขณะแยกฟ้าดิน และเสาดาราเบื้องหน้าก็ผลักความว่างเปล่าออกไป!