Skip to content

พลิกปฐพี 830

ตอนที่ 830

ปีนจุดสุดยอด ชมเหล่าขุนเขา

“ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ท่านเชิญพวกเรามาด้วยเหตุใด” ผู้ที่เอ่ยปากคนแรกนั้นก็คือราชาเทวะดินแดนจินกวง เขาไม่ได้พูดกับมู่ชิงเกอ แต่เอ่ยถามเจ้าของดินแดนฮ่วนเยวี่ยนี้

คำพูดของเขาทำให้สายตาของทุกคนมารวมกันอยู่ที่ร่างราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย

แต่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยกลับพูดด้วยสีหน้าราบเรียบว่า “คนที่เรียกพวกท่านมาคือเขาไม่ใช่ข้า”

มู่ชิงเกอยกมุมปากเล็กน้อย เอ่ยว่า “ถูกต้อง ครั้งนี้ข้าวานราชาเทวะเชิญพวกท่านมาจริงๆ ความจริงแล้วสาเหตุที่มานี้พวกท่านเองก็คงพอจะรู้อยู่บ้าง พวกเรามาเปิดอกคุยกันเลยดีกว่า ไม่รู้พวกท่านจะมีความเห็นอย่างไร”

เปิดอกคุยกันหรือ

พอมู่ชิงเกอพูดจบ เหล่าราชาเทวะต่างก็ลอบส่งสายตาหากัน

ดวงตาสีฟ้าใสของราชาเทวะจงซานกลับดูคลุมเครือขึ้นมา เขามองมู่ชิงเกอแล้วมองราชาเทวะฮ่วนเยวี่ย ไม่ได้แลกเปลี่ยนสายตากับราชาเทวะอื่นๆ

ความจริงวันนี้พวกเขาถูกเชิญมาที่นี่ด้วยเหตุใด หากราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยไม่ได้เปิดเผยบางอย่างให้รู้ ขณะที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่นี้พวกเขาจะมาที่นี่ได้ อย่างไร

ระยะนี้แผ่นดินเทพทั้งสี่สมุทรวุ่นวายมาก มักมีความบาดหมางระหว่างดินแดนเทพเกิดขึ้น แม้แต่แดนเทพที่มาอยู่ที่นี่เองก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่ความบาดหมางพวกเขายังมีเพียงเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลถึงราชาเทวะ ดังนั้นพวกเขาจึงยังสามารถมานั่งร่วมกันได้อย่างสงบเช่นนี้

ส่วนพวกที่ไม่ได้มานั้น หากไม่ใช่เพราะราชาเทวะเสียชีวิตก็เพราะราชาเทวะบาดเจ็บ ล้วนยุ่งเหยิงกันไปหมด

ราชาเทวะนั้นเสียชีวิตได้อย่างไร

นึกถึงกองทัพเผ่ามารที่ประจำการอยู่ในแผ่นดินเทพตะวันตกแล้ว ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ

เหล่าราชาเทวะลอบสื่อสารกัน มู่ชิงเกอไม่ได้มีเจตนาจะไปรบกวน คงต้องแล้วแต่พวกเขา นางเองก็ยังคงมีทีท่ามั่นอกมั่นใจเช่นเดิม

รอกันอยู่นานพอควร ราชาเทวะเซียนเหนี่ยวจึงเอ่ยถามว่า “เจ้าเป็นชนรุ่นหลังของตระกูลมู่จริงหรือ”

นํ้าเสียงของเขายังมีความสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ว่าไม่ได้ เนื่องจากเคยมีข่าวมู่ชิงเกอเรื่องสังหารนายน้อยตระกูลมู่ อีกทั้งเคยถูกตระกูลมู่ตามสังหารหลายต่อหลายครั้ง

มู่ชิงเกอผงกศีรษะช้าๆ นางยอมรับเอง ทำให้เหล่าราชาเทวะรู้ในทันทีว่า ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การเล่นละครเท่านั้น

แม้รู้ว่าการตามสังหารแต่ก่อนนั้นเป็นการเล่นละคร แต่ราชาเทวะเซียนเหนี่ยวก็ยังอดถามไม่ได้ว่า “คนที่ถูกเจ้าสังหารครั้งนั้น…”

“เขาเคยเป็นนายน้อยตระกูลมู่จริงๆ” มู่ชิงเกอเอ่ย

มู่ชิงเกอเห็นสายตาแปลกประหลาดของเหล่าราชาเทวะแล้วก็บอกเรื่องกติกาการคัดเลือกนายน้อยตระกูลมู่ออกมาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนั้น ตัวนางเองขณะที่ได้ยินกติกาการคัดเลือกแล้วยังตกใจ อย่าว่าแต่เหล่าราชาเทวะที่เคยเห็นความรุ่งเรืองและล่มสลายของตระกูลมู่เลย

หลังจากมู่ชิงเกอพูดจบแล้ว ราชาเทวะจินกวงจึงพูดอย่างสะท้อนใจว่า “นึกไม่ถึงว่า หลังจากประสบเคราะห์กรรมหนักหนาเช่นนั้นแล้ว ตระกูลมู่ยังสามารถทำใจ เหี้ยมหาญเช่นนี้ได้”

“เหตุการณ์ครั้งนั้นใครถูกใครผิดข้าไม่อยากจะเอ่ยถึงอีก เวลานี้ข้ากลับมาก็เพื่อจะทำตามความต้องการของคนตระกูลมู่ทั้งปวงให้เป็นจริง ก่อสร้างเก้าชั้นฟ้ากลับมา ใหม่ สร้างความเกรียงไกรตระกูลมู่ขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ขวางอยู่เบื้องหน้าข้า ขัดขวางไม่ให้ข้าทำการได้สำเร็จล้วนเป็นศัตรูของข้า” มู่ชิงเกอพูดช้าๆ เวลานี้นางมีพลังขั้นศักดิ์สิทธิ์ชั้นเจ็ดแล้ว ย่อมมีคุณสมบัติที่จะพูดคำนี้ต่อหน้าเหล่าราชาเทวะได้

จริงดังนั้น หลังจากนางพูดจบ นอกจากราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยแล้ว ตาดำของอีกห้าคนต่างหดลง จับจ้องมู่ชิงเกอไม่วางตา

มู่ชิงเกอยิ้มบางๆ ไม่มีความกลัวเกรงแม้เพียงนิดเดียว “ที่วานให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเชื้อเชิญพวกท่านมาที่นี่ก็เพราะอยากสอบถามเหล่าราชาเทวะทั้งหลายว่ามี ความคิดที่จะเป็นศัตรูกับตระกูลมู่ หรือต้องการเป็นมิตรกับตระกูลมู่”

“เจ้าคิดจะข่มขู่พวกเราหรือ” ราชาเทวะดินแดนซุยชิง ยกหางตาขึ้น จับจ้องมู่ชิงเกอแล้วถาม

มู่ชิงเกอกลับยิ้มพูดว่า “ไม่ใช่การข่มขู่ เพียงต้องการสอบถามให้ชัดเจน พวกข้าตระกูลมู่นั้นไม่มีอะไรจะเสียแล้ว พวกท่านต่างเป็นราชาเทวะที่สูงส่งของดินแดนเทพ พวกเราตระกูลมู่เหมือนสุนัขจนตรอก ย่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะข่มขู่พวกท่านได้ แต่เพราะพวกเราเสียจนไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วจึงเหลือแต่ความโหดเหี้ยม แม้ต้องตายก็ขอลากพรรคพวกตามไปบ้างเท่านั้น”

คำพูดของนางทำให้คนทั้งเจ็ดในที่นั้นนอกจากราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยต่างขมวดคิ้วเล็กน้อย

คำตอบราวกับอันธพาลเช่นนี้ชวนให้คนปวดศีรษะมากที่สุด

ส่วนนัยน์ตาหงส์ที่แสนเกียจคร้านของราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยนั้น แววตากลับเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

รอยยิ้มที่มุมปากมู่ชิงเกอเพิ่มมากขึ้น สองมือไพล่หลัง ค่อยๆ เดินไปมาในตำหนัก เดินพลางพูดพลางว่า “ข้ารู้ว่า พวกท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องมากมายนักกับเรื่อง เมื่อหมื่นปีก่อน ในเมื่อครั้งนั้นพวกท่านไม่ได้เลือกที่จะเข้าร่วมกับคนเหล่านั้นในการซํ้าเติมตระกูลมู่ วันนี้ก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นใดๆ”

คำพูดของนางราวกับพอมีเหตุผล

เหล่าราชาเทวะต่างนิ่งสงบลง แม้แต่ราชาเทวะจงซานก็ยังเก็บงำรอยยิ้มไม่จริงจัง เริ่มครุ่นคิดไตร่ตรอง

มู่ชิงเกอพูดอีกว่า “ข้ารู้ว่าการซื้อขายที่ไม่มีกำไรนั้นไม่มีใครคิดจะทำ ทุกท่านคงยังไม่เคยรับรู้และเห็นถึงทิวทัศน์บนบันไดแสงแห่งวิถีที่สูงเกิน 90 ขั้นใช่ไหม”

หืม?

ราชาเทวะทั้งเจ็ดต่างหยุดครุ่นคิดแล้วมองไปทางมู่ชิงเกอ

บันไดแสงแห่งวิถีที่สูงกว่าขั้นที่ 90 นั้น พวกเขาล้วนไม่เคยขึ้นไปจริงๆ

ภายใต้การจับจ้องของพวกเขา มู่ชิงเกอเห็นถึงความกระหายอยากที่ซุกซ่อนอยู่ภายในแววตานั้น นางยิ้ม ยิ้มอย่างงดงามเหนือใดเปรียบ

เพียงพริบตานั้นเมื่อราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยเห็นรอยยิ้มของมู่ชิงเกอจิตใจก็อดสั่นไหวขึ้นมาไม่ได้

ไม่ได้บอกว่ามู่ชิงเกองามที่สุดในเวลานี้ แต่เป็นตัวตนของเขาในเวลานี้ต่างหากที่จริงแท้ที่สุด ไม่ใช่เพียงลูกศิษย์ดินแดนฮ่วนเยวี่ยคนหนึ่ง ราชาเทวะน้อยของดิน แดนฮ่วนเยวี่ยเท่านั้น

ท่วงท่าทะนงตนสง่างาม ยโสโอหัง ทำให้ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยรู้สึกว่าเบื้องหน้าสว่างจ้าราวกับแสงสีทั่วพิภพนี้ต่างมารวมตัวกันอยู่ในร่างกายของเขา

“หากทุกท่านสนับสนุนข้า หลังจากเรื่องนี้สำเร็จลุล่วงเรียบร้อยแล้ว ข้าจะพาทุกท่านไปร่วมปีนขั้นสุดยอดดีไหม”

แสงแห่งวิถีนั้นนางจะต้องไปบุกทะลวงอีกแน่นอน ถึงเวลานั้นการนำคนเหล่านี้ไปด้วยก็เป็นเพียงผลพลอยได้เฉยๆ เท่านั้น รอยยิ้มของมู่ชิงเกอแสดงออกถึงความ

จริงใจและเปิดกว้างเต็มที

ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยค่อยๆ เก็บงำแววตา ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของแววตา

‘ข้าถึงขนาดถูกดึงดูดโดยผู้ชายคนหนึ่ง ผู้สืบทอดของตระกูลมู่ผู้นี้ช่างมีเสน่ห์ที่ลึกลํ้านัก’ เขาล้อตัวเองเล่นในใจ

พูดได้ว่าหลังจากเป็นราชาเทวะแล้ว แรงดึงดูดใจสูงสุดสำหรับพวกเขานั้นไม่ใช่เรื่องการรวบรวมสี่มหาสมุทรอะไรนั้น แต่อยู่ที่สามารถเดินไปสู่จุดสุดยอด เหยียบดินแดนอันเวิ้งว้างได้ต่างหาก

คำพูดมู่ชิงเกอเท่ากับให้โอกาสที่ทำให้พวกเขาต้องหวั่นไหว

แต่เท่านั้นยังไม่พอ ขณะที่พวกเขายังคงลังเลอยู่ มู่ชิงเกอก็พูดอีกว่า “ไม่เพียงเท่านั้น หากทุกท่านคิดอยากชม แม้แต่เคล็ดวิชาเทวะของตระกูลมู่ ข้าก็ยังนำออกมาให้ทุกท่านร่วมชื่นชมได้”

อะไรนะ

คำพูดนี้ทำให้ราชาเทวะทั้งหกคนสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปทันที

ความจริงแล้ว แม้แต่ราชาเทวะฮ่วนเยวี่ยที่เคยถูกความใจกว้างของมู่ชิงเกอทำให้สะท้านมาแล้ว ขณะที่ได้ยินคำพูดนี้ของเขาอีกครั้งก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะมองเขามากขึ้นอีกหน่อย เคล็ดวิชาเทวะ!

นี่คือของวิเศษในการบำเพ็ญที่สูงสุดสำหรับเผ่าเทพ ตามคำเล่าลือในตำนาน ภายในนั้นซ่อนเร้นความลับของการเหยียบเข้าสู่ดินแดนเวิ้งว้าง เข้าสู่ขั้นที่สูงกว่าได้

การที่มู่ชิงเกอใจกว้างถึงขนาดยอมเอาออกมาให้ร่วมชื่นชมโดยง่ายดายเช่นนี้ เขารู้ถึงคุณค่าของเคล็ดวิชาเทวะนี้หรือไม่นะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!