Skip to content

พลิกปฐพี 906

ตอนที่ 906

แดนมารสิ้นชีพ แผนร้ายอันทะเยอทะยาน

“จี่ฝู!”

“จี่ฝู!”

กู่หยาและกู่เย่ที่แทบจะตามกลับมาแดนมารพร้อมกับซือมั่ว ตอนที่เห็นฉากฉากนี้ก็ถลึงตาจนเกือบหลุด วิ่งพุ่งไปข้างหน้า

บนร่างซือมั่ว ยังสวมชุดพิธีมงคลสีสด ยืนอยู่ในสนามรบแห่งนี้ทำให้ดูไม่เข้ากัน

เขามองเห็นความเศร้าสลดของเหล่าทหารศึกแดนมาร มองเห็นความอ่อนแรงในตอนนี้ของจี่ฝู

“อาจารย์!”

“อาจารย์!”

หวงฝู่ฮ่วนและเฉินปี้เฉิงที่ถูกคราบโลหิตบดบังเช่นเดียวกันกล่าวกับซือมั่ว

ในดวงตาคนทั้งสองปรากฎความปวดร้าว

“เผ่าอี้มาโจมตีกะทันหันเกินไปจริงๆ…” หวงฝู่ฮ่วนพูด เม้มปากแน่น ก้มหน้า

เผ่าอี้มาโจมตีหรือ

ดวงตาสีอำพันของซือมั่ว เต็มไปด้วยความเย็นเยียบ

เผ่าฝูที่สมควรตายเหล่านั้น คาดไม่ถึงว่าลอบโจมตีวังไท่ฮวงของเขา ซํ้ายังทำร้ายเจ้าเมืองย่อยของเขาจนบาดเจ็บสาหัส

ซือมั่วเดินมานั่งยองลงข้างหน้าจี่ฝู กุมมือที่ยื่นออกมาของจี่ฝู “องค์ราชา…ข้าน้อยบกพร่องต่อหน้าที่ องค์ราชาโปรดลงโทษ”

เมื่อเขาพูด โลหิตที่เหนียวข้นก็พ่นออกมาจากปากอีกครั้ง

“จี่ฝู!” ในดวงตากู่หยาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาหมุนตัวกำลังจะจากไป เอ่ยปากกล่าว “ข้าจะไปตามพระชายา!”

“อย่าไป” จี่ฝูรีบกล่าว พ่นโลหิตออกมาอีกครั้ง

“ไม่ต้องหรอก เสี่ยวเกอเอ๋อร์ก็ช่วยไม่ได้แล้ว” เสียงซือมั่วช้าอย่างถึงที่สุด ภายใต้ความสงบนิ่งเช่นนั้น ซ่อนแฝงพายุที่ไม่เคยมีมาก่อนชนิดหนึ่ง

กู่หยาหันหน้ากลับอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า บนหน้าของจี่ฝู รวมถึงร่างกายต่างก็มีรอยแตกที่เล็กละเอียดอยู่

เหมือนกับว่าร่างกายที่เสียหายถูกรวบรวมเข้าด้วยกัน

“วิชามารสลายร่าง!” กู่หยาตกใจจนถลึงดวงตาทั้งคู่

และรอบด้านก็เงียบสงัดผิดปกติ

เห็นได้ชัดว่า พวกเขาต่างทราบดีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“วิชามารสลายร่าง สามารถเลื่อนระดับตบะบำเพ็ญผู้ใช้ได้สิบเท่า แต่ภายหลังกลับใช้เนื้อหนังเซ่นไหว้มารใช้วิญญาณเซ่นไหว้วิถี” ภายใต้ความตกใจ กู่หยากล่าวพึมพำ

มู่ชิงเกอช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ

ต่อให้เทพโอสถจะเกิดใหม่ก็ช่วยไม่ได้เช่นกัน

“เหตุใดถึงใช้วิชามารสลายร่างเล่า!” กู่หยาซักถาม ดวงตาทั้งคู่ที่แดงกํ่าสาดยิงความโมโหและปวดใจออกไป

เหตุใดกัน

แน่นอนว่าถึงเวลาที่จำเป็นต้องใช้

“ครั้งนี้เผ่าอี๋ที่แฝงตัวเข้ามาล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ ต่างจากเมื่อก่อน เจ้าเมืองย่อยจี่ฝูต้องการปกป้องวังไท่ฮวงไม่ให้ถูกบุกรุกทำลาย ปกป้องประชาชนแดนมารของ เราไม่ให้ถูกเผ่าอี้เข่นฆ่า จึงจำใจต้องใช้วิชามารสลายร่าง” หวงฝู่ฮ่วนกล่าวเสียงตํ่าลึก

ซือมั่วเลิกคิ้วเบาๆ มองจี่ฝู ยิ้มด้วยความเศร้าโศกเล็กน้อย “เจ้าเมืองย่อยของข้ายังเทียบเท่าวังไท่ฮวงไม่ได้อีกหรือ”

“องศ์ราชา นี่เป็นหน้าที่ของข้าน้อย” จี่ฝูยิ้มกล่าว

รอยยิ้มของเขาเจิดจรัสอย่างยิ่ง ต่างจากใบหน้าเย็นชาเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพียงแต่ ภายใต้โลหิตที่ขับให้เด่นชัดนั่น ทำให้รู้สึกได้ถึงความเศร้าโศกอาดูร

“ข้าน้อยฝืนประคองลมหายใจนี้ ก็เพื่ออยากรอให้องค์ราชากลับมา บอกอะไรท่านสักหน่อย”

จี่ฝูรวบรวมปราณแท้เฮือกสุดท้าย กล่าวกับซือมั่วด้วยนํ้าตาคลอ “องค์ราชา ข้าน้อยไม่อาจสู้รบทั่วสารทิศร่วมกับท่านได้อีกแล้ว อย่าได้ตำหนิข้าน้อย ระ…ระวัง…เผ่าอี้… พวกเขาสามารถ…สามารถเปลี่ยนเป็น…เผ่า…เผ่า… มาร”

จี่ฝูปิดตาทั้งคู่ มือที่เปื้อนโลหิตก็ตกลงจากมือซือมั่ว

“จี่ฝู!”

“จี่ฝู!”

ทุกคนตะโกนเสียงดังด้วยความเจ็บปวด

ศพของจี่ฝูกลับส่งแสงสีทองออกมา ชั่วพริบตาก็แหลกออกเป็นเศษเสี้ยว กลายเป็นดวงดาวถูกม้วนเข้าไปในนภา วิญญาณของเขาก็สลายหายไปเช่นกัน

ซือมั่วลุกขึ้นยืนช้าๆ ร่างที่สูงใหญ่ของเขา ก่อตัวเป็นเงามืดมหึมาใต้แสงจันทร์ท้องฟ้าเหนือวังไท่ฮวง ปรากฏดวงจันทร์สีเลือด นั่นคือการสะท้อนกลับที่เกิดขึ้น

หลังจากใช้วิชามารสลายร่าง

ภายในสามเดือนต่อจากนี้ แดนมารจะไม่ปรากฎดวงอาทิตย์อีก มีเพียงดวงจันทร์สีเลือดที่เคียงคู่

ซือมั่วลุกขึ้นยืน คนรอบด้านกลับคุกเข่าข้างเดียวอยู่บนพื้นในวังไท่ฮวงนอกจากความเงียบงันก็ยังเป็นเพียงความเงียบงัน

ไม่ว่าใครต่างก็ทราบดี ตอนนี้ในใจราชาของพวกเขา สัตว์ร้ายสังหารตัวนั้นกำลังพื้นคืนชีพ ศึกแท้จริงระหว่างแดนมารกับเผ่าฝูกำลังจะเปิดฉากแล้ว

อีกฝั่งหนึ่งของจักรวาลขนาดใหญ่ ในโลกที่แตกต่างจากแผ่นดินเทพมารอย่างสิ้นเชิงใบนั้น ผู้ที่มีฐานะสูงศักดิ์กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในหอที่สูงตระหง่าน อ้าปาก พ่นโลหิตออกมา

ตัวอักขระลึกลับสีทองตัวนั้นบนหว่างคิ้ว เปลี่ยนเป็นมืดสลัว บนผิวหนังที่ขาวใสของเขาปรากฎรอยแตกลายจางๆ

“องค์ราชา!”

เสมือนได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ทหารอารักขาที่หว่างคิ้วมีตัวอักขระสีแดงรีบตามเข้ามา

เมื่อมองเห็นรอยเลือดบนพื้น ทหารอารักขาสี่นายก็ตกใจในชั่วขณะ

ทว่า ความห่วงใยในดวงตาของพวกเขายังไม่ทันหายไปก็ถูกพลังที่แข็งแกร่งจนไม่อาจต้านทานกลุ่มหนึ่ง พัดมาถึงเบื้องหน้าราชาของพวกเขา ราชาอักขระสีทอง ผู้นั้นสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง คนทั้งสี่ส่งเสียงร้องที่เจ็บปวดออกมา ร่างกายแห้งแบนลงไปอย่างรวดเร็ว

และพวกเขาที่กลายเป็นลมปราณก็ทะลวงเข้าไปในจมูกของเขา ชั่วพริบตา รอยแตกบนผิวหนังที่ขาวใสก็หายไป อักขระบนหว่างคิ้วเขาก็กลับมาแวววับใหม่อีก คนทั้งสี่เหลือทิ้งไว้เพียงเสื้อผ้าสี่ตัวตกลงบนพื้น ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอีกครั้ง

ผู้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ เหลือบตาขึ้นริมฝีปากที่แดงสดเหมือนเลือด ยกขึ้นเล็กน้อย

ผู้ที่เข้ามา สวมเสื้อเกราะ หว่างคิ้วมีอักขระดุร้ายสีดำ เมื่อมองเห็นเสื้อผ้าสี่ตัวบนพื้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงเดินไปข้างหน้าคนผู้นั้น กล่าวด้วยความเคารพ “องค์ราชา แผนลอบโจมตีแดนมารล้มเหลว”

ทันใดนั้น แววตาเขาก็จมดิ่ง บนเครื่องหน้าทั้งห้าที่งดงามเต็มไปด้วยความดุร้าย กล่าวเสียงเย็นเยียบ “พวกสวะ! ยอดฝีมือเผ่ามารล้วนไปแผ่นดินเทพหมดแล้ว เหลือเพียงผู้บัญชาการเพียงคนเดียว พวกเจ้ากลับพ่ายแพ้!”

คนผู้นั้นคุกเข่าลงทันที หลุบตาขอรับโทษ “เดิมทั้งหมดก็ดำเนินไปตามแผน แต่ว่า ผู้เฝ้ารักษาผู้นั้น จู่ๆ ก็ใช้ลูกไม้ที่ร้ายกาจอย่างยิ่งชนิดหนึ่ง ฆ่าพวกเราไปไม่ น้อย จากนั้นกองกำลังหนุนเผ่ามารก็ตามกลับมาทันพอดี ข้าน้อยจึงตัดสินใจโดยพลัน ออกคำสั่งให้ถอยทัพ”

พูดจบ เขาเงยหน้า มองผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ กล่าวถาม “องค์ราชา ทางฝั่งท่าน…”

เพี๊ยะ!

เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกหวายที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใดหนึ่งเส้นฟาดโดนแก้ม ฉีกเลือดเนื้อหนึ่งส่วนลง

ทว่า เขาไม่เปล่งเสียง กลับยิ่งแสดงท่าทีเคารพนบนอบมากขึ้น

จู่ๆ หวายที่โผล่ออกมาเส้นนั้น คาดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงหัวเราะพออกพอใจออกมา ยังมีเสียงขบเคี้ยวเนื้อสด เมื่อมองดูอย่างละเอียดจึงพบว่าตอนนี้บนหวายเส้นนั้น มีปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมอย่างไม่น่าเชื่อ

แท้จริงแล้วนี่คือสัตว์หรือว่าพืชกันแน่

“เดิมที แผนการที่ไม่มีทางแพ้ คาดไม่ถึงว่าล้มเหลวเช่นนี้” ชายผู้มีอักขระสีทองกลางหว่างคิ้วผู้นั้น กล่าวช้าๆ “โลกใบนั้น คนสองคนที่มีอำนาจคุกคามพวกเรามากที่สุด ตอนนี้ต่างก็ยังมีชีวิตอยู่ดี บุคคลชั้นยอดเทพมารเหล่านั้น ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากนัก แต่พวกเรากลับเปิดเผยมากเกินไปแล้ว”

“องค์ราชา เช่นนั้นต่อจากนี้…” ชายที่คุกเข่าอยู่ เหลือบตาขึ้น บาดแผลที่โหดเหี้ยมบนหน้าเขา น่าสะพรึงกลัวจริงๆ

ต่อจากนี้งั้นหรือ

ชายอักขระสีทองแค่นเสียงหึหนึ่งครา กล่าวกับเขา “เจ้าไปเถอะ”

ชายคุกเข่าลังเลครู่หนึ่ง

“ไป!” ทว่า ชายอักขระสีทองกลับตะโกนเด็ดขาด

เขาไม่กล้าขัดขืน ถอยออกไปทันที

หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ชายอักขระสีทองก็หยิบธงวิญญาณมารที่แย่งจากซือมั่วออกมา วางไว้บนเข่าทั้งคู่ เขาหัวเราะเยาะพึมพำเสียงเบา “ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะชนะเจ้าไม่ได้”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!