บทที่ 18
สตรีผู้เด็ดเดี่ยวและห้าวหาญ
เขากระแอมไอออกมาคราหนึ่ง ตัดสินใจยุติเรื่องวุ่นวายนี้โดยเร็ว “นี่ย่อมเป็นเพราะมีบ่าวไพร่สารเลวแอบฉ้อฉลเงินเป็นแน่! ฮูหยิน นับตั้งแต่นี้เบี้ยหวัดรายเดือนของซีจิ่วอย่าให้ผ่านมือผู้อื่น เจ้าต้องนำไปมอบให้นางด้วยตัวเองทุกเดือน อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงบุตรสาวภรรยาเอก อีกทั้งต้องฟื้นฟูร่างกาย เช่นนั้นก็ให้นางได้รับเบี้ยหวัดรายเดือน 30 ตำลึงแบบเดียวกับเทียนฉิงเถอะ ”
ถึงแม้เหลิ่งเซียงอวี้จะเกลียดกู้ซีจิ่วมากเสียจนหัวใจแทบจะหลั่งเลือด แต่ก็ทำได้เพียงขานรับ แล้วทำเป็นสบถด่าบ่าวไพร่ชั่วช้าอีกหลายคำ
นัยน์ตาของกู้ซีจิ่วฉายแววเยาะเย้ยขึ้นมาแวบหนึ่งริมฝีปากแฝงรอยยิ้มจางๆ แล้วจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ อีกครั้ง
“ซีจิ่วต้องขอบคุณท่านพ่อและแม่รองจริงๆ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วแม่รองคงไม่ต้องการให้ซีจิ่วผ่าฟืนเผาถ่านให้ท่านทุกวันแล้วกระมัง?”
ภายใต้แสงตะวันที่เจิดจ้า เธอแบมือเล็กๆ ที่หยาบกร้าน เต็มไปตุ่มไตแข็งๆ ออกมา…
เหลิ่งเซียงอวี้ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่กู้ซีจิ่วผู้อ่อนแอเหมือนลูกพลับนิ่มจะสามารถเฉียบแหลมได้เพียงนี้ การที่เปิดโปงทุกสิ่งออกมาในยามนี้ เหมือนเป็นการตบหน้านางจนดังสนั่นโดยแท้ทำให้นางรู้สึกเกลียดเสียจนอยากจะบีบคอนังเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่คนนี้ให้ตายไปเลีย อีกทั้งนางยังอับอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี…
ทว่ายามนี้ไม่มีรูให้นางมุดหนี เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ นางได้แต่ตีสีหน้าอ่อนโยนต่อไป ฉีกยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้
“ซีจิ่ว ที่แม่ให้เจ้าทำเรื่องเหล่านั้นก็เพราะอยากฝึกฝนร่างกายของเจ้า… แต่ตอนนี้แม่เข้าใจแล้วว่าการให้คุณหนูสูงศักดิ์ผู้หนึ่งมาผ่าฟืนเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างถึงที่สุด ต่อไปนี้จะไม่ให้เจ้าทำงานหนักเช่นนี้อีกแล้ว…”
มุมปากของกู้ซีจิ่ววาดโค้งขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย “ซีจิ่วขอบคุณแม่รองอย่างยิ่ง”
ตั้งแต่ต้นจนจบเธอแค่ยืนอย่างเกียจคร้านเฉื่อยชาอยู่ตรงนั้น ทว่าร่างกายกลับมีกลิ่นอายประหลาดบางอย่างดุจกระบี่แหลมคม ที่แม้จะเก็บงำประกายไว้ในฝัก ธรรมดาสามัญ แต่ก็ยังคงแผ่ความเฉียบคมและเยียบเย็นออกมาภายนอก ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจ ไม่กล้าที่จะดูแคลน
กู้ซีจิ่วคนเดิมนั้นอ่อนแอและขาดความมั่นใจอย่างยิ่ง รูปร่างของนางก็ทั้งผอมทั้งเตี้ย ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ดูคล้ายคนถูกรังแกอยู่เสมอ ทำให้กู้เซี่ยเทียนรู้สึกเอือมระอาทุกครั้งที่เห็นนาง…
ทว่าครั้งนี้รูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แต่นิสัยใจคอกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ทำให้ผู้คนเกือบคิดว่าเป็นคนละคนกัน
กู้เซี่ยเทียนจ้องมองนางด้วยแววตาที่ซับซ้อนอยู่สักพัก จึงกล่าวตำหนิ “ซีจิ่ว เจ้าควรเรียกนางว่าท่านแม่ เหตุใดจึงเรียกว่าแม่รอง…”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้น “ซีจิ่วจำได้ว่ายามที่ยังเล็กก็เรียกขานนางว่าแม่รอง ท่านแม่ของซีจิ่วเป็นอีกผู้หนึ่งมิใช่หรือ?” แล้วค่อยๆ เอ่ยเสริมขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง “ข้าได้ยินมาว่าแม่ทัพกู้เคยให้สัญญากับท่านแม่ผู้ให้กำเนิดข้า กล่าวว่าทั้งชีวิตนี้จะมีนางเป็นภรรยาแต่เพียงผู้เดียว และยังบอกอีกว่ามีเพียงนางที่เป็นฮูหยินใหญ่ของจวนแม่ทัพอย่างแท้จริง เห็นทีว่าท่านแม่ทัพคงตระบัดสัตย์เสียแล้ว…”
เพียงประโยคเดียวนี้ก็ทำให้เส้นเลือดที่ขมับของกู้เซี่ยเทียนปูดโปนขึ้นมาทันที! ยามเขาจ้องมองไปที่บุตรสาวคนนี้ คล้ายกับที่เห็นอยู่นั้นคือสตรีอีกคนหนึ่ง ภรรยาที่ทอดทิ้งเขาแล้วกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตาย และยังหาร่างไม่พบจนถึงทุกวันนี้…หลัวซิงหลาน สตรีผู้เด็ดเดี่ยวและห้าวหาญคนนั้น…
หลายปีมานี้ถึงแม้เขาจะพบหน้ากู้ซีจิ่วน้อยครั้งนัก แต่ว่าทุกครั้งที่นางเห็นเขา ไม่ว่าสีหน้าของเขาจะเป็นอย่างไร นางก็จะเรียกขานเขาว่าพ่านพ่ออย่างนอบน้อม ทว่าครั้งนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบนางเอาแต่เรียกเขาว่าแม่ทัพกู้ อยู่ตลอด…
ยามนี้บุตรสาวของเขายืนอยู่ตรงนั้น ยกยิ้มมุมปากซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการเย้ยหยันหรือเหยียดหยาม ทำให้หัวใจของกู้เซี่ยเทียนเต้นแรงขึ้นมา
คาดไม่ถึงว่ารอยยิ้มเช่นนี้จะทำให้นางคล้ายคลึงหลัวซิงหลานขึ้นมาหลายส่วน! ในครานั้นตอนที่หลัวซิงหลาน ต้องการตัดขาดกับเขาก็มีรอยยิ้มเช่นนี้เหมือนกัน เป็นรอยยิ้มที่แฝงความเยาะเย้ยสามส่วน ความเหยียดหยาม อีกเจ็ดส่วน ถึงแม้ร่างของนางจะเล็ก แต่กลับทำให้ผู้คนรับรู้รสชาติการถูกมองอย่างต้อยต่ำได้…
ทั้งชีวิตนี้จะแต่งภรรยาเพียงคนเดียว นั้นเป็นเพียงถ้อยคำหวานซึ้งที่พลั้งปากพูดออกมาด้วยความคึกคะนองในวัยหนุ่มหลังจากร่วมอภิรมย์กันอย่างเร่าร้อนเท่านั้น ชนชั้นสูงในอาณาจักรเฟยซิงมีใครบ้างที่ไม่มีอนุภรรยาเป็นโขยง?
………………………….
[1] ก้วน คือการนำเหรียญอีแปะร้อยใส่เชือกเป็นพวง ให้สะดวกต่อการพกพาหยิบจับโดย 1 ก้วนจะมีอยู่ 1,000 อีแปะ