บทที่ 58
ท่านไม่ได้เป็นคนฆ่าสักหน่อย
กู้เทียนฉิงถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก ซุกใบหน้าน้อยๆ เข้ากับแผ่นหลังของเขา “นับว่าครั้งก่อนนังอัปลักษณ์คนนั้นโชคดีไป แต่ก็แปลกนัก หรงอี้ตายได้ อย่างไร? ไม่ใช่ว่าพลังยุทธ์ของเขาบรรลุระดับพลังวิญญาณขั้นที่สี่แล้วหรือ? ต่อให้เป็นท่านกับข้าก็ไม่แน่ว่าจะเข้าใกล้เขาได้ มิเช่นนั้นในครั้งนั้นข้าคงไม่ต้องหลบหนียามถูกเขาแทะโลม คิดไม่ถึงเลยว่ายามนี้จะ…”
องค์ชายหรงเหยียนกำมือแน่น “ข้าเองก็สงสัยนัก เดิมทีแผนการนี้ของพวกเรานับเป็นการขว้างหินก้อนเดียวโดนนกสองตัว ทั้งได้แก้แค้นให้เจ้าที่ถูกแทะโลมในครานั้น และได้กำจัดนังเด็กอัปลักษณ์นั่นทิ้งด้วย ไม่นึกเลยว่าจะเกิดข้อผิดพลาดเช่นนี้ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ใต้เท้าฮู่คล้ายจะสงสัยว่าข้าเป็นผู้กระทำเรื่องนี้…”
ใบหน้างดงามของกู้เทียนฉิงฉายแววหวั่นวิตกออกมา แต่ก็ยังกล่าวปลอบใจเขา “พ่านไม่ได้เป็นคนฆ่าสักหน่อย พวกเราไม่ได้ทำผิด ไม่เห็นต้องกลัวเลย”
องค์ชายหรงเหยียนส่ายศีรษะ “ที่สำคัญคือเรื่องราวมันประจวบเหมาะเกินไป เกรงว่าพวกใต้เท้าฮู่คงมองว่าข้าคิดจะป้ายความผิดให้น้องหกของเจ้า เลยจงใจสังหารหรงอี้ล่วงหน้า… ยังมีอีก ข้าและหรงอี้ไม่ค่อยถูกกัน เมื่อปีก่อนเขาเคยทำให้ข้าได้รับความอัปยศต่อหน้าผู้คน สั่งให้ข้า…สั่งให้ข้าคลานลอดหว่างขา ไม่เห็นข้าผู้เป็นองค์ชายอยู่ในสายตาเลยสักนิด ยามนี้เขาเกิดเรื่องขึ้น ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งเกรงว่าจะเป็นข้าเสียแล้ว!”
กู้เทียนฉิงตะลึงงัน “คงไม่ใช่กระมัง?”
องค์ชายหรงเหยียนยิ้มเย็นชา “ทำไมจะไม่ใช่เล่า? หากว่าข้าไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ เกรงว่าแม้แต่ตัวข้าเองก็คงคิดเช่นนี้เหมือนกัน!”
กู้เทียนฉิงกัดฟันแน่นพลางเอ่ย “ต่อให้…ต่อให้พวกเขาคิดเช่นนี้จริง แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีหลักฐาน ต่อให้สงสัยท่านแล้วยังไง? อีกอย่างท่านก็เป็นถึงองค์ชายผู้สูงศักดิ์ แถมฝ่าบาทก็ทรงโปรดปรานท่านมากกว่าเดิม อย่าว่าแต่ท่านไม่ได้เป็นผู้สังหารหรงอี้เลย ต่อให้ท่านเป็นผู้สังหารเขาจริง ฝ่าบาทก็คงไม่ลงโทษท่านจริงๆ หรอก”
องค์ชายหรงเหยียนส่ายศีรษะอีกครา “ก็ไม่แน่! ถึงอย่างไรหรงอี้ก็เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของหลูอ๋องเสด็จอาของข้า ได้รับความรักใคร่เอ็นดูอย่างยิ่งมาตลอด เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ยามนี้เขาเกิดเหตุเช่นนี้แล้ว ทุกวันนี้เสด็จอาหลูอ๋อง เข้าวังไปร้องห่มร้องไห้ตั้งแต่ เข้าตรู่ทุกวัน ต้องการให้เสด็จพ่อรับผิดชอบ ตามหาฆาตกรตัวจริง แล้วนำอีกฝ่ายมาสับเป็นหมื่นๆ ชิ้นเพื่อแก้แค้นให้บุตรชายของ เขา อีกทั้งเขายังมีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือ เสด็จพ่อของข้าถูกเขารบกวนจนปวดเศียรเวียนเกล้า ทั้งยังต้องไว้หน้าเขา จึงมีรับสั่งให้ทั้งสามกรมรีบสะสางคดีให้ได้โดยไว เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว…”
ทั้งสองคนหารือกันอยู่ตรงนั้นสักพัก กู้เทียนฉิงก็แสดงสีหน้าโกรธแค้นออกมา “ล้วนเป็นเพราะนังอัปลักษณ์คนนั้น หากไม่ใช่เพราะนาง คงไม่เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ขึ้น! ใช่แล้ว ถ้าพวกเราผลักนางลงหลุมไปจะเป็นอย่างไร? ก็บอกไปว่านางเป็นคนฆ่าหรงอี้…”
องค์ชายหรงเหยียนยิ้มขื่นพลางส่ายหน้า “นางเป็นเศษสวะที่ไร้พลังวิญญาณ แม้แต่วรยุทธ์ก็ไม่มี หากกล่าวว่า นางเป็นผู้สังหารเล่อฮวาโหวที่มีพลังวิญญาณขั้นสี่ ใครหน้าไหนจะเชื่อกัน!”
ใบหน้างามของกู้เทียนฉิงเจื่อนลง นี่ก็ใช่!
องค์ชายหรงเหยียนครุ่นคิดเล็กน้อย “เทียนชิง วันนั้นเจ้าได้เห็นน้องหกของเจ้ายามออกไปจริงๆ ไหม? ยังมีคนอื่นที่เห็นอีกหรือไม่?”
กู้เทียนฉิงได้แต่ส่ายหัว “ข้าเกรงว่าจะมีคนขัดขวางตอนนางออกไป จึงจงใจกันผู้คุ้มกันในจวนออกไป คนที่เห็นเหตุการณ์ก็คือพยานในวันนั้น…”
คิ้วขององค์ชายหรงเหยียนขมวดมุ่น “สองคนนั้นถูกขังไว้ในคุกของกรมอาญาด้วยโทษฐานใส่ความบุตรสาวแม่ทัพ ได้ยินว่าถูกตีจนปางตาย แต่สองคนนั้นก็ยังคงปากแข็ง ไม่ได้เปิดเผยเรื่องที่เจ้าเป็นผู้ลอบบงการให้พวกเขาไปแจ้งความออกมา…”
หัวใจของกู้เทียนฉิงเต้นถี่รัว “การคงอยู่ของสองคนนี้จะชักนำภัยมา พี่หรงเหยียน ท่านต้องคิดหาวิธีกำจัดพวกเขาทิ้งซะเพื่อขจัดภัย”
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะคิดหาทางทำให้สองคนนี้หุบปากตลอดไป!” นํ้าเสียงขององค์ชายหรงเหยียนแฝงความอำมหิตไว้จางๆ