Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 133

บทที่ 133

โชคดี ที่นางชนะแล้ว!

แต่พี่น้องคู่นี้กลับโดนยาหลอนประสาท ป่วยมานานถึงเพียงนี้ ฤทธิ์ยาสลายไปหมดแล้ว ร่างกายของสองพี่น้องเลยไม่มีสารพิษใดๆ อยู่ ยาแก้พิษของกู่ซีซีจึงกลายเป็นยาพิษทันทีที่เข้าสู่ลำไส้ เกือบจะพรากชีวิตน้อยๆ ของยวี๋มู่ป่ายไปแล้ว!

แต่กู้ซีจิ่วนั้นชำนาญสงครามด้านจิตวิทยา ผนวกกับวิชาพิษอันน่าตกตะลึงของเธอ เธอจึงคาดคะเนความเป็นไปได้ที่พี่น้องคู่นี้จะต้องคำสาปได้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว เธอเลยค่อยๆ โน้มน้าวสอบถามยวี๋มู่ชิงหลายประโยค

เธอมีทักษะในการตั้งคำถามอย่างยิ่ง ต่อให้ยวี๋มู่ชิงพูดไม่ได้ เพียงแค่พยักหน้าและส่ายหน้า เธอก็ได้รับข้อมูลที่เธอต้องการแล้ว พอถึงตอนที่กู่ซีซีเริ่มรักษาให้ยวี๋มู่ป๋าย ในใจของเธอก็คาดเดาสถานการณ์ที่แท้จริงได้แล้ว รู้ว่ากู่ซีซีจะต้องพ่ายแพ้!

ยามนั้นไม่ใช่ว่าเธอเห็นคนจะตายแล้วไม่ยอมช่วย แต่เป็นเพราะคนพวกนี้ไม่เชื่อถือเธอ ผู้ป่วยทั้งสองคนก็ไม่เชื่อถือเธอ

ถ้าอยากทำลายคำสาปชนิดนี้จะต้องใช้ความเชื่อใจของพวกเขา ดังนั้นกู้ซีจิ่วเลยสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ ก่อน

รอจนกู่ซีซีล้มเหลวและยวี๋มู่ป๋ายใกล้ตาย ในยามที่ฝูงชนล้วนสิ้นหวังเธอก็ลงมือทันที ทำให้คนทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึง ทั้งยังได้รับความเชื่อใจอย่างแท้จริงจากผู้ป่วย เธอจึงประสบความสำเร็จภายในคราวเดียว

เรื่องเหล่านี้พูดแล้วดูเหมือนง่าย แต่กระทำได้ยากยิ่ง คำนวณผิดพลาดแม้เพียงก้าวเดียวก็จะแพ้ทั้งกระดาน!

โชคดี ที่นางชนะแล้ว!

แน่นอนว่า ตอนที่อธิบายให้ทุกคนฟังเธอไม่ได้เล่าออกมาทั้งหมด พูดให้ดูลึกลับยิ่งขึ้น ทำให้พวกเขาเชื่อคำพูดของเธอ อีกทั้งฟังแล้วสับสนงงงวย ฝูงชนฟังแล้วทั้งทึ่ม! ทั้งเซ่อ! และมึนงง! แน่นอนว่า ยิ่งรู้สึกเคารพเลื่อมใสกู้ซีจิ่วมากขึ้นไปอีก โลกนี้มีผู้ใช้คำสาปอยู่จริงๆ แต่มีอยู่น้อยยิ่งนัก และลึกลับเป็นที่สุดไม่เป็นที่รู้จักสำหรับบุคคลทั่วไป พวกเขาไม่ค่อยลงมือง่ายๆ แต่หากลงมือแล้วดั่งสายฟ้า ฟาด มอบบทเรียนที่แสนเจ็บปวดชอกชํ้าเป็นอย่างยิ่งให้แก่ผู้คน ทำให้คนไม่กล้าแส่หาเรื่องอีก…

เนื่องจากพวกเขาลึกลับเกินไป ทรงพลังเกินไป คำสาปของพวกเขาแทบไม่มีผู้ใดสามารถแก้ได้ ดังนั้นคนในทวีปนี้จึงทั้งเคารพและเกรงกลัวผู้ใช้คำสาป

ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้กู้ซีจิ่วจะสามารถแก้ได้อย่างสบายๆ! แถมคำสาปที่แก้ยังเป็นคำสาปพิฆาตด้วย!

นางเป็นสวะไร้ค่าอะไรนั้นเสียที่ไหน? เป็นบุคคลมีความสามารถที่ต่อให้ร้องขอก็ยังขอไม่ได้เลย!

บุคคลมีความสามารถเช่นนี้ไม่ว่าไปอาณาจักรใดล้วนถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ ต้องเสนอภัตตาหารหยกภูษาทอง[1]ให้

คิดไม่ถึงว่าจะถูกเลี้ยงดูในฐานะสวะไร้ค่าในอาณาจักรเฟยซิงมานานหลายปี…

บาปกรรมเหลือเกิน!

จักรพรรดิซวนอดหันไปมององค์ชายสิบสองหรงเหยียนที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่ได้ เดิมเขารู้สึกว่าบุตรชายคนนี้ได้รับความไม่เป็นธรรมอยู่นิดหน่อย แต่ยามนี้เขากลับรู้สึกว่า เด็กคนนี้ไม่คู่ควรกับผู้อื่นเสียเลย!

แต่ว่า ในเมื่อการสมรสนี้ถูกกำหนดไว้เนิ่นนานปีแล้ว เขาก็สามารถคืนคำได้…

คงได้แต่คิดหาวิธีทำให้เด็กสองคนนี้แต่งงานกันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ล่าช้าไม่ได้แล้ว!

เมื่อพิจารณาถึงหลัวซิงหลานในปีนั้น เขาเสียเปรียบเพราะเคลื่อนไหวช้าไปก้าวหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้จักรพรรดิซวนจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วเฉียบขาด หันไปถามกู้เซี่ยเทียน “แม่ทัพกู้ปีนี้ซีจิ่วอายุ 13 แล้วใช่ไหม?”

กู้เซี่ยเทียนทำความเคารพแล้วกราบทูล “พะย่ะค่ะ ปีนี้นางอายุ 13 ปี 4 เดือนแล้วพะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิซวนพยักหน้าเล็กน้อย “อีกปีกว่านางก็จะปักปิ่นแล้ว สามารถแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ได้แล้ว เราคิดว่าจะจัดพิธีหมั้นให้เด็กทั้งสองก่อน เจ้าเห็นว่าเป็นอย่างไร?”

กู้เซี่ยเทียนจะสามารถพูดอะไรได้เล่า?

เขาค้อมตัวลงโดยพลัน “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาฝ่าบาท”

จักรพรรดิซวนมององค์ชายหรงเหยียนอีกครา “เจ้าสิบสอง เจ้าว่ายังไง?”

องค์ชายหรงเหยียนรีบตอบทันที “ลูกแล้วแต่เสด็จพ่อจะจัดการพะย่ะค่ะ”

ตอนนี้เขาพอใจกับการสมรสครั้งนี้เสียจนไม่รู้จะพอใจอย่างไรแล้ว! ส่วนกู้เทียนฉิง เขาได้แต่ติดค้างนางไว้ก่อนชั่วคราว

เขาจะหาวิธีเกลี้ยกล่อมให้กู้เทียนฉิงเอาเด็กออกก่อน จากนั้นค่อยรอจังหวะรับนางมาเป็นอนุ ถึงอย่างไรนางก็มอบกายให้เขาแล้ว ไม่สามารถแต่งให้ผู้อื่นได้อีก…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!