Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 291

บทที่ 291

ถูกผู้อื่นใช้เป็นเครื่องมือ!

จักรพรรดิซวนสั่งการทันที “กู้เทียนอีตระกูลกู้ใม่คำนึงถึงสายสัมพันธ์ครอบครัว ใส่ร้ายบุตรสาวสายหลัก ลอบชักจูงผู้อื่นให้ดูหมิ่นลูกศิษย์ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ต้องลงโทษถึงจะสยบความขุ่นเคืองของปวงประชาได้ ใครก็ได้ นำตัวกู้เทียนอีไปตัดลิ้น กรีดหน้า ทำลายวรยุทธ์ สะบั้นเส้นเอ็น เนรเทศไปที่ราบเหมันต์ คนที่เหลือ นำไปตัดลิ้นให้หมด แล้วขับไล่ออกจากเมือง ห้ามกลับเข้าเมืองหลวงแม้แต่ก้าวเดียวชั่วชีวิต”

มีเสียงตอบรับเสียงดังสนั่นจากกองทหารองครักษ์ว่า ‘พะย่ะค่ะ’

แล้วเข้ามาลากคนไป…

กู้เทียนอีตกใจกลัวจนขวัญกระเจิง นางอยากขอความเมตตาอีกครั้ง แต่จนปัญญาว่าทหารองครักษ์ที่คุมตัวนางอยู่ไม่ยอมมอบโอกาสนี้ให้ ใช้ผ้าขี้ริ้วยัดปากนาง แล้วคุมตัวไปทันที

ฉากการเชือดไก่ให้ลิงดูนี้ได้ผลยิ่งนัก ผู้ชมด้านล่างทุกคนที่เคยผสมโรงโวยวายด่าทอกู้ซีจิ่วรู้สึกเสยวหลังคอขึ้นมา ไม่กล้าพูดต่อสักคำ

งานทดสอบจึงปิดฉากลงเช่นนี้ ตอนที่กู้ซีจิ่วจะลงจากแท่น เมื่อเดินผ่านข้างกายเชียนเยวี่ยหร่านก็กล่าวลอยๆ ประโยคหนึ่ง “ท่านต้องพิษกู่แล้ว”

เชียนเยวี่ยหร่านตัวแข็งทื่อ เอ่ยถามอย่างห้ามไม่ได้ “อ…อะไรนะ?”

กู้ซีจิ่วแย้มยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ หันหลังจากไป

เชียนเยวี่ยหร่านตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลันถูกคนตบบ่าเบาๆ นํ้าเสียงเอื่อยเฉื่อยของตี้ฝูอีดังขึ้น “ข้าบอกแล้วว่ามีนํ้าเข้าสมองเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่เชื่อ กลับไปก็ลองตรวจสอบดูเถิด!”

เชียนเยวี่ยหร่านพูดไม่ออก

ในเมื่อเขาเป็นศิษย์สวรรค์เบื้องบน ทั้งยังควบตำแหน่งเจ้าสำนักแห่งหนึ่ง การหยั่งรู้ฝึกฝนย่อมไม่ธรรมดาสามัญ เขาตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกถึงพฤติกรรมโง่เง่าก่อนหน้านี้ของตนขึ้นมาได้ ในที่สุดก็ เข้าใจแจ่มแจ้ง!

ที่แท้ตนติดกับของผู้อื่นเสียแล้ว! ถูกผู้อื่นใช้เป็นเครื่องมือ!

เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ บนโลกนี้มีกู่อยู่ไม่มากที่สามารถบงการเขาชั่วคราวโดยไม่ให้เขารู้สึกตัวได้

กู่สำเนียงวารี!

กู่สำเนียงวารีนี้สามารถเข้าสู่สมองคนผ่านทางเส้นเลือด ควบคุมความคิดบางส่วนของคนได้ ทำให้พูดสิ่งที่ไม่พูดในยามปกติ!

นิ้วมือเขาพลันกำแน่น!

ไอ้บัดซบคนไหนที่กล้ามาบงการเขา?!

วางกู่ชนิดนี้ใส่โดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้อย่างไร?!

บนโลกนี้มีปรมาจารย์กู่มือฉมังอยู่ไม่มาก ประมาณพันคนเท่านั้น แต่พันคนนี้ล้วนสามารถใช้ ‘กู่สำเนียงวารี’ นี้ได้!

ถ้าเขาต้องการตรวจสอบย่อมเป็นการงมเข็มในมหาสมุทรอย่างแน่นอน…

เหลิ่งเซียงอวี้ก็ลงจากแท่นรับชมพร้อมกับฝูงชนอย่างตะลึงพรึงเพริด ผู้ที่อยู่ร่วมแท่นรับชมเยาะเย้ยถากถางนาง แต่ดูเหมือนนางจะไม่ได้ยิน รู้สึกเพียงว่าแข้งขาอ่อนแรงกะทันหัน แทบจะยืนไม่อยู่

เมื่อพบหน้ากู้เซี่ยเทียน ก็เกือบเซปะทะอกเขาแล้ว!

แข้งขานางอ่อนยิ่งกว่าเดิม ทรุดเข่าลงตามสัญชาตญาณ “ท่านแม่ทัพ!”

เมื่อกู้เซี่ยเทียนเห็นนาง ความโกรธเกรี้ยวก็พลุ่งพล่าน!

เรื่องที่เกิดกับบุตรสาวคนแล้วคนเล่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหลิ่งเซียงอวี้ภรรยาผู้นี้อย่างยิ่ง!

หากมิใช่นางเสี้ยมสอนจนเสียคน นิสัยใจคอกู้เทียนอีจะเป็นเช่นนี้หรือ?

กู้เทียนฉิงจะกระทำเรื่องอื้อฉาวเช่นนั้นหรือ?

หากมิใช่อยู่ต่อหน้าผู้คน กู้เซี่ยเทียนคงปรี่เข้าไปตบปากฉาดใหญ่แล้ว! ยามนี้เขาสะบัดแขนเสื้อ “กลับบ้านแล้วค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!”

จากนั้นสะบัดหน้าก้าวขึ้นรถม้าของตน ไม่สนใจเหลิ่งเซียงอวี้ที่ตะลึงอยู่ตรงนั้น สั่งให้สารถีลงแส้ออกรถจากไปทันที

เหลิ่งเซียงอวี้ตะลึงพรึงเพริดกว่าเดิม วันนี้นางร่วมทางมากับเหล่าบุตรสาว มีรถม้าของตนเอง

ในบรรดาบุตรสาวอนุ กู้เทียนอีที่ใกล้ชิดกับนางจากไปจริงๆ แล้ว บุตรอนุคนอื่นๆ ก็ยิ่งเหินห่างกับนางมากขึ้นเรื่อยๆ

ขาของนางอ่อนแรงยิ่งนัก แต่กู้เทียนอีถูกจับไปแล้ว บุตรสาวคนอื่นไม่มีทีท่าจะช่วยพยุงนางเลย กลับยืนมองนางแล้วหัวเราะเยาะอยู่ไม่ไกล

นางก้าวขึ้นรถม้าของตัวเองด้วยขาอันสั่นเทา ขณะที่เหลือบตามองโดยมิได้ตั้งใจ ร่างกายพลันแข็งที่อราวกับถูกฟ้าผ่า!

ใด้ชายคาหลังหนึ่งที่อยู่ห่างไปไม่ไกล สตรีชุดแดงนางนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง!

ยังคงแต่งกายด้วยชุดเดิม บนศีรษะสวมหมวกม่านแพร ทำให้มองไม่เห็นใบหน้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!