Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 332

บทที่ 332

ในที่สุดทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็กลับมาแล้ว!

ด้านในเตามีเม็ดยาระดับสี่หนึ่งเม็ด เม็ดยาอื่นๆ เป็นเม็ดยาระดับหนึ่งและระดับสอง ทั้งยังมีเม็ดยาไร้ค่าอีกสามเม็ด…

สถานการณ์เช่นนี้พบเห็นได้บ่อยยิ่งสำหรับปรมาจารย์หลอมโอสถ จึงไม่มีใครใส่ใจ

โชคดีที่หลังจากนั้นกู้ซีจิ่วไม่พบเหตุการณ์เช่นนี้อีก แถมยังมีเตาหนึ่งที่เยี่ยมยอดเป็นพิเศษ หลอมเม็ดยาระดับห้าได้สองเม็ด ทำให้ทุกคนตะลึงงันกันอีกครั้ง

การหลอมโอสถสิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก กู้ซีจิ่วหลอมโอสถไปหลายเตาแล้ว สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย

อีกอย่างเวลาก็ล่วงเลยไปนานถึงเพียงนี้แล้ว เธอจึงค่อนข้างหิว

โชคดีที่เที่ยวนี้พวกหลงซื่อจื่อเตรียมข้าวของมาสมบูรณ์ครบครัน มีแม้กระทั่งสุราและอาหาร

ยามที่หลอมโอสถได้สองในสามส่วน หลงซื่อจื่อก็เรียกเธอไปกินอาหารด้วยกัน

ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งลง จู่ๆ นักล่ารางวัลคนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ด้านนอกก็ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!”

ทุกคนสะดุ้ง สบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นพากันก้าวออกมาจากกระท่อมน้ำแข็ง แหงนหน้ามองบนฟ้า

เกล็ดหิมะมากมายโปรยปรายกระทบใบหน้า กลางฟ้าสีครามเข้มที่กว้างใหญ่ไพศาล เรือลำหนึ่งแล่นมาอย่างรวดเร็วปานลมกรด

เรือเป็นสีฟ้าดั่งท้องนภา แถบแพรสีฟ้าโบกสะบัดดุจคลื่นสมุทร ดั่งเรือล่องอยู่บนท้องทะเล ฝ่าคลื่นลมแล่นไปเบื้องหน้า

เรือเหาะบนฟ้าเป็นแค่คำพูดเหลวไหล แต่ในโลกนี้กลับมีคนผู้นี้ที่ทำให้คำพูดเหลวไหลกลายเป็นความจริงได้

…ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตี้ฝูอี!

เรือแล่นอยู่สูงกลางท้องฟ้า สูงจากพื้นมากกว่าหนึ่งพันเมตร ประกอบกับมีหิมะโปรยปรายเต็มฟ้า ต่อให้คนที่เดินอยู่บนพื้นสายตากว้างไกลก็ใช่ว่าจะมองเห็นใบหน้าของคนบนเรือได้

ยามนี้สายตาของกู้ซีจิ่วยอดเยี่ยมมาก ก็ยังเห็นแค่รางๆ ว่าบนเรือมีคนอยู่ทั้งหมดหกคน ผู้ที่พายเรืออยู่ตรงกราบเรือทั้งสองฝั่งน่าจะเป็นเด็กหนุ่มสี่คนนั้น เงาร่างสีม่วงที่นั่งอยู่บนเรือก็น่าจะเป็นตี้ฝูอี ตรงข้ามเขามีสตรีสวมชุดกระโปรงสีครามอ่อนผู้หนึ่งนั่งอยู่

หลงซื่อจื่อและคนอื่นๆ คุกเข่าลงคารวะแล้ว

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน

คนเหล่านั้นคุกเข่ารวดเร็วนัก ปล่อยให้เธองุนงงเหมือนหงส์ในฝูงกา นกระสาในฝูงไก่อยู่พักหนึ่ง

โชคดีที่ความเร็วของเรือลำนั้นรวดเร็วอย่างยิ่ง เพียงพริบตาเดียวก็แล่นผ่านท้องฟ้า หายไปไกลลิบแล้ว

เรือลำนี้ปรากฎให้เห็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทว่าเสมือนขว้างหินก้อนหนึ่งลงไปในทะเลสาบ เกิดความฮือฮาขึ้นมาในกลุ่มคน ทุกคนสนทนากันอย่างอดใจไว้ไม่ได้

“ในที่สุดท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็กลับมาแล้ว!”

“ใช่แล้ว สตรีผู้นั้นที่อยู่บนเรือของเขาคงจะเป็นแม่นางอวิ๋นซิงหลัวกระมัง? นางถูกพากลับมาจริงๆ ด้วย ดูเหมือนสุดท้ายแล้วท่านทูตสวรรค์ก็ตามนางกลับมาได้”

“ฮ่า แม่นางผู้นี้ต้องงดงามมากเป็นแน่! ทรวงอกเต่งตึงสะโพกผาย!”

“เจ้าพูดจาระวังหน่อย มีสตรีอยู่ในกลุ่มพวกเราด้วย สายตาที่ชมชอบสตรีของเจ้าเฉียบแหลมจริงๆ อยู่ห่างกันปานนี้ยังมองออกว่าผู้อื่นทรวงอกเต่งตึงสะโพกผาย…”

“ไม่รู้ว่ารูปโฉมจะเป็นเช่นไร อยู่ไกลเกินไป มองไม่เห็นจริงๆ”

“นางเลื่องชื่อว่าเป็นสาวงามอยู่แล้ว ดวงหน้าต้องงามลํ้าเป็นแน่!”

ชายฉกรรจ์หลายคนที่ท่องยุทธภพอยู่เสมอพูดคุยกัน วิเคราะห์ประเมินสตรี

ถานเซี่ยวเกอดูแคลน “ข้าว่าพวกเจ้าสนใจผิดประเด็นไปหรือ เปล่า? พวกเจ้าควรสนใจว่านางคือศิษย์สวรรค์เบื้องบนหรือไม่? มิใช่สนใจว่านางงดงามหรือเปล่า”

“สามารถทำให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายพาตัวกลับมาทดสอบได้ ก็น่าจะมีหวังกึ่งหนึ่งแล้วมิใช่หรือ?” บางคนคาดเดา

“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าจะทดสอบบนแท่นเบิกสวรรค์ได้ล้วนต้องมีความมั่นใจอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคงไม่ยอมเปลืองพลังยุทธ์ขนาดนี้”

“หรือว่าศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนจะถือกำเนิดขึ้นอีกคนแล้ว?”

หลงโม่เหยียนพลันหันหน้ามา มองกู้ซีจิ่วที่อยู่ใกล้เขาที่สุด “ใช่แล้ว จ้งเซิง เจ้าคิดว่าแม่นางอวิ๋นซิงหลัวใช่ศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนหรือไม่?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!