บทที่ 457
ร่วมเป็นร่วมตาย 2
หลงซือเย่ก็สังเกตเห็นจุดนี้เช่นกัน จึงรีบร้องบอก “ซีจิ่ว เจ้ารีบไปซะ!”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วดำดิ่งเล็กน้อย ไม่พูดอะไร เธอคว้าเจ้าหอยยักษ์ พลิกกายขึ้นขี่หลังเพรียกวายุ แล้วกระซิบสั่งมันสองสามคำ
เพรียกวายุแบกเธอไว้ รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งทะยานออกไปทันที วิ่งไปทางแม่นํ้าสลายกระดูก…
ศพพิษสองตัวนั้นคงจะรับรู้ได้ว่ากู้ซีจิ่วคิดจะหนี จึงคำรามอย่างเดือดดาลไม่หยุด คิดจะพุ่งเข้าไปหา แต่ติดที่ถูกหลงซือเย่ขัดขวาง ไว้ พุ่งเข้าไปหาไม่ได้ชั่วขณะ
กู้ซีจิ่วก็ไม่หันกลับไป อาศัยจังหวะที่เพรียกวายุทะยานไปใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา
เมื่อเธอปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งก็มาอยู่อีกฝั่งของแม่นํ้าแล้ว จากนั้นเธอก็ขี่เพรียกวายุทะยานเข้าไปในป่า หายลับไปไม่เห็นเงา
ตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่ได้หันหลังกลับไปมองเลย…
หลงซือเย่หน้าซีดขาว ริมฝีปากบางแทบจะไม่มีสีเลือด
เขานึกถึงอดีต ขอเพียงเธอออกผจญภัยกับเขา ก็จะร่วมเป็นร่วมตายกับเขา ยิ่งเป็นสถานการณ์ที่อันตรายเธอก็ยิ่งไม่ยอมจากไปเพียงลำพัง ต่อให้เขาสั่งการก็ไม่เป็นผล เธอยอมถูกเขาคุมขังหลังจบ เรื่องเพื่อที่จะอยู่ข้างกายเขา ตอนนั้นมีประโยคหนึ่งที่เธอชอบพูดที่สุดก็คือ ‘คุณต้องฆ่าฉีนซะ หรือไม่คุณก็หนีไปก่อน!’ ทำให้เขาโมโหจนปวดประสาท แต่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้ เมื่อกลับไปแล้วคุมขังเธอจริงๆ ก็ไม่ประโยชน์ หลังจากเธอออกมาก็ยังทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เหมือนเดิม
ช่วงเวลาที่เธอและเขาอยู่ด้วยกันในยามนั้น ขอเพียงมิใช่การสั่งให้เธอหนีไปก่อน ทุกเรื่องล้วนเจรจากันดีๆ ได้ ประสานงานเข้าขากับเขายิ่งนัก แต่ตอนนี้…
เพราะเขาใจลอย จึงเกือบถูกกรงเล็บของศพพิษที่คลุ้มคลั่งซัดใส่ แขนถูกข่วนจนเป็นแผลมีโลหิตไหลเป็นทาง มีโลหิตพิษทะลักออกมา
เคราะห์ดีที่ก่อนเกิดเรื่องหลงซือเย่ใช้ยาต้านพิษไปมากมายยิ่งนัก เมื่อได้รับบาดเจ็บจึงไม่ถึงกับถูกพิษมากนัก เพียงแต่การเคลื่อนไหวแข็งทื่อไปชั่วครู่
แต่ระยะเวลาชั่วครู่นี้เกือบจะพรากชีวิตเขาไปแล้ว กรงเล็บของกู้เทียนฉิงหวิดจะฟาดใส่ศีรษะเขา!
เขาหลบเลี่ยงภัยได้อย่างหวุดหวิด แต่ไหล่ก็ยังถูกกระชากอยู่ดี เล็บยาวเฟื้อยทั้งห้านิ้วของกู้เทียนฉิงเจาะเข้าไปถึงกระดูกไหล่เขา แทบจะกระชากกระดูกไหล่เขาออกมา!
เขาซวนเซทันที ครานี้บาดเจ็บหนัก ใบหน้าหล่อเหลาเขียวคลํ้าในทันใด!
เขากัดฟันตวัดกระบี่ฟันเล็บทั้งสองข้างของกู้เทียนฉิง แต่พิษในกายออกฤทธิ์แล้ว สองขาของเขาพลันแข็งกระด้าง หัวเข่าข้างหนึ่งทรุดลงพื้นเสียงดังตึง
นัยน์ตาหรงเหยียนแดงฉาน ซัดกรงเล็บใส่กระหม่อมเขา!
สายลมเหม็นเน่าปะทะหน้า ทำให้พะอืดพะอมอยากอาเจียน
หลงซือเย่ฝืนเอนกายไปด้านหลัง ก่อนกวัดแกว่งกระบี่อีกครั้ง ประกายแสงสีครามฟันลงบนแขนหรงเหยียน
เพียงแต่หนนี้เขาบาดเจ็บหนักเกินไป เห็นได้ชัดเจนว่าพลังวิญญาณไม่เพียงพอ กระบี่เข้าเนื้อไปสามส่วน ไม่ได้สะบั้นแขนของอีกฝ่ายจนขาด ทำให้โลหิตพิษที่พวยพุ่งออกมาจากจุดที่อีกฝ่ายบาดเจ็บสาดกระเซ็นใส่ร่าง…
ดวงตาหรงเหยียนแดงฉานดุจโลหิต มือทั้งสองข้างที่ยังไม่ถูกฟันขาดยังคงยื่นมาเบื้องหน้าเขาเหมือนเดิม และเขาก็หลบไม่พ้นแล้ว…
‘ฟุ่บ!’ สำแสงสีเขียวดั่งสายฟ้า ขวางกั้นอยู่ด้านหน้าหลงซือเย่อย่างฉับพลัน กรงเล็บดำมะเมื่อมของหรงเหยียนฝังเข้าไปในลำแสงสีเขียว เกิดเสียงดังซ่าๆ
หลงซือเย่ที่สะลืมสะลืออยู่ เมื่อเห็นลำแสงนี้ดวงตากลับส่องประกายขึ้นมาทันที รีบหันหลังไป เห็นกู้ซีจิ่วที่ไม่รู้ว่าใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับมาตั้งแต่เมื่อใด ลำแสงสีเขียวนั้นคือคมดาบที่เธอฟาดฟันออกมา
“ซีจิ่ว!” เขาร้องเรียก น้ำเสียงทั้งโศกเศร้าทั้งยินดี
กู้ซีจิ่วไม่มองเขา เงาร่างวูบไหวพุ่งห่างออกไป
เดิมทีศพพิษสองตัวนั้นก็พุ่งเป้ามาที่เธออยู่แล้ว เมื่อเห็นเธอกลับมา ย่อมพุ่งไปโจมตีเธอ
หลงซือเย่จึงปลอดภัยชั่วคราว เขาพลิกตัวขึ้นนั่ง รีบกินยาแก้พิษลงไป ผ่านไปครู่หนึ่ง พิษในร่างก็ถูกเขาขับออกมา…
เขารีบกระเด้งตัวขึ้นทันที คิดจะเข้าร่วมสงครามอีกครั้ง
เมื่อก่อนยามเขาและกู้ซีจิ่วอยู่ในการต่อสู้จะประสานงานเข้าขากันอย่างยิ่ง เพียงแต่ตอนนั้นพวกเขาใช้อาวุธของยุคปัจจุบัน ทว่ายามนี้กลับเป็นวิชายุทธ์