Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 104

№ 104 ชีพจรเสียหาย!

อีกสองวันให้หลัง ในเวิ้งสวนท้อ

เฟิ่งจิ่วที่สวมเพียงชุดลำลองสีขาวเดินออกมาจากประตูห้อง ก็เห็นเหลิ่งซวงเข้ามารับ

“นายท่านเจ้าคะ” เหลิ่งซวงมองนางด้วยความกังวลใจน้อยๆ ตั้งแต่กลับมาวันนั้น สีหน้านายท่านก็ขาวซีดมาตลอด

“พี่ชายข้ายังไม่ฟื้นรึ?” เธอมองเหลิ่งซวงพลางเอ่ยถาม น้ำเสียงยังคงอ่อนแอนัก

คืนนั้นเธอบาดเจ็บถึงชีพจร หากตัวเองไม่ชำนาญด้านการรักษา เวลาสองวันนี้คงลงจากเตียงไม่ได้แน่ แต่ว่า แม้อาการบาดเจ็บจะดีขึ้น กลับยังไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ ถึงขนาดเมื่อพูดเสียงดังหรือกระแอมไอก็ยังเจ็บอยู่รางๆ

“คุณชายฟื้นแล้วเจ้าค่ะ”

“อืม ข้าจะลองไปดู” ระหว่างที่พูด ก็ขยับก้าวเดินออกไปด้านนอก

เรือนของกวนสีหลิ่นอยู่ถัดจากนางใกล้ๆ กันเดินไปมาสะดวก ด้วยเหตุนี้ พอออกจากประตูเรือนไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว

เมื่อเข้าเรือน ยังไม่ทันผลักประตูเปิดเดินเข้าไป ก็ได้ยินเสียงไอดังมาจากด้านใน เธอหยุดฝีเท้าลง มองไปที่เหลิ่งซวง “เขาดื่มยาหรือยัง?”

“ตอนที่เพิ่งตื่นมาก็ดื่มแล้วเจ้าค่ะ”

ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วถึงจะเดินเข้าไป มาถึงด้านใน ก็เห็นเขาที่นอนแผ่อยู่บนเตียงกำลังคิดจะลุกขึ้นมานั่ง จึงรีบเดินไปด้านหน้าทันที “บนตัวยังมีแผล! รีบนอนลงไปซะ”

“เสี่ยวจิ่ว?” กวนสีหลิ่นเห็นว่าเป็นนาง จึงผุดยิ้มออกมา แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเซียว ก็ตกใจอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวจิ่ว ทำไมสีหน้าเจ้าย่ำแย่เพียงนี้เล่า?”

เพิ่งตื่นขึ้นมา ไม่ทันได้ถามพวกนางเลยว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

“บาดเจ็บถึงชีพจร รักษาอีกสักพักก็หาย”

เธอนั่งลงข้างเตียง ยื่นมือไปคลำชีพจรเขา พลางพูดว่า “แม้บนตัวท่านมีบาดแผลมากมาย แต่หลายจุดเป็นแค่แผลภายนอก ยังดีที่ไม่บาดเจ็บถึงกระดูก ไม่เช่นนั้น อย่างน้อยก็ต้องพักสักสิบวันถึงครึ่งเดือน”

เห็นสีหน้านางซีดเซียว ค่อยนึกถึงที่เขาถูกช่วยออกมาตอนนี้ ถึงหัวทึบก็รู้แน่ว่านางไปช่วยเขา ดวงตาจึงร้อนผ่าวเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ “เสี่ยวจิ่ว พี่ช่างไร้ประโยชน์จริงๆ สร้างปัญหาให้เจ้าอยู่เรื่อย”

“พูดอะไรของท่านน่ะ?”

เธอดึงผ้าขึ้นห่มให้เขาสูงขี้น กล่าวว่า “ร่างกายท่าน รักษาอีกสองวันก็ลุกจากเตียงไปเดินได้แล้ว แต่งานคัดเลือกตระกูลกวนจะจัดในอีกสามวันให้หลัง เวลากระชั้นชิดอยู่บ้าง ข้ากังวลว่าร่างกายท่านจะไม่ไหวเอา”

“ไม่เป็นไร ข้ายังไหว งานคัดเลือกตระกูลกวนข้าต้องกลับไปแน่”

“เช่นนั้นสองวันนี้ท่านก็รักษาตัวให้ดี ข้าจะจัดยาให้ท่าน บาดแผลท่านจะฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด” เธอลุกยืนขึ้น เอ่ยว่า “ข้ากลับห้องก่อน หากมีเรื่องอะไร ท่านบอกเหลิ่งซวงไว้ก็พอ”

“ได้ ร่างกายเจ้าไม่สู้ดี ต้องพักผ่อนมากๆ ไม่ต้องมาดูข้าบ่อยๆ หรอก”

เฟิ่งจิ่วยิ้มพลางพยักหน้า มองไปที่เหลิ่งซวงกำชับเรื่องเปลี่ยนยา สุดท้ายถึงจะกลับห้อง และแวบตัวเข้าจวนภูตในห้วงมิติ

คืนนั้น เธอไม่เพียงชีพจรเสียหาย แม้แต่หงส์ไฟก็หลับปุ๋ยไปเพราะเหตุนี้ด้วย

หงส์ไฟที่ปรากฏตัวด้วยรูปร่างมนุษย์เด็กน้อยเตาะแตะ จะเผยร่างจริงก็ขอแค่รอเป็นผู้ใหญ่ ทว่าเมื่อคืน เธอกลับใช้ตราสัญลักษณ์เก่าแก่จากเลือดทำลายซึ่งพันธนาการนั้น ทำให้เขาเผยร่างจริงเพื่อสังหารศัตรู

กำลังต่อสู้ยามที่เขาเผยร่างจริงแทบจะไปถึงขั้นสูงสุดของสัตว์เทวะในตำนานที่เติบโต ต่อกรกับระดับบรรพชนนักรบแค่คนเดียว ย่อมจัดการได้ง่ายดายเป็นธรรมดา แต่ราคาที่ต้องแลกก็มากโข นั่นคือเขาหมดสติไป หนำซ้ำ ยังไม่รู้ด้วยว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด

เธอมองหงส์ไฟน้อยที่ถูกห่อหุ้มอยู่ในลูกไฟเล็กๆ ภายในห้วงมิติ ยังคงมีท่าทางเช่นมนุษย์เด็กน้อยอายุสามขวบ คล้ายว่าง่วงนอนจึงหลับสนิทอยู่ด้านใน

เธอดึงสายตากลับมา ลงนั่งขัดสมาธิใช้ลมปราณเพื่อฟื้นฟูบาดแผลภายในร่าง พร้อมทั้งปล่อยพลังวิญญาณและพลังเร้นลับออกมา ทั่วร่างถูกสองกลิ่นอายนั้นห้อมล้อมไว้ เพียงรู้สึกว่ากระแสไออุ่นกำลังไหลเวียนอยู่ในเส้นเอ็น…

…………………………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!