№ 208 หนีออกมาแล้ว!
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเจ้าตำหนักยมราชพลันมืดดำ กลิ่นอายอันตรายที่เย็นเยียบทั่วร่างแผ่กระจาย ดวงตาลึกล้ำหรี่ลง ถลึงมองหลินเหล่า “หนีไปแล้ว?”
พอรู้สึกถึงกลิ่นอายเย็นเยือกในอากาศ หลินเหล่ากับฮุยหลางที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าตำหนักก็เกร็งตัวขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
“ขอรับ ใช่ขอรับ ตอนที่ข้าน้อยเพิ่งไปหอโอสถ เห็นว่าโสมพันปีหายไป จึงไปหาภูตน้อยดู กลับพบว่าเขาก็หายไปด้วย พอถามจากทหารอารักขา บอกว่าเมื่อตอนเย็นเห็นเขาเดินไปเดินมา ไม่มีใครสังเกต ก็ ก็เลย…”
เจ้าตำหนักยมราชหรี่ตาลง มองท้องฟ้ามืดสนิท สายตาเคร่งขรึม เม้มริมฝีปากแน่นก่อนกล่าวเสียงเข้ม “ฮุยหลาง! รีบพาคนออกไปตามหาเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!” ฮุยหลางรับคำสั่ง ขณะกำลังจะก้าวออกไปก็ได้ยินเสียงเจ้านายดังมา
“หากหาตัวพบ อย่าใช้กำลังจับ ไม่ให้เขาบาดเจ็บ”
ได้ยินเช่นนี้ ฮุยหลางกระตุกมุมปาก เร่งรีบก้มหน้าลงตอบรับว่า “ขอรับ!” จากนั้นเร่งฝีเท้าจากไป
เจ้าตำหนักยมราชสาวเท้าเดิน ไม่ได้กลับเรือนหลัก กลับไปยังเรือนที่พำนักของเฟิ่งจิ่ว หลินเหล่าที่ตามอยู่ด้านหลังเห็นแล้วอ้าปากค้าง จำใจถอยไปเงียบๆ
ครั้นผลักประตูออก เห็นห้องที่ว่างเปล่า แววตาเจ้าตำหนักยมราชหนักอึ้งเล็กน้อย ในอากาศคล้ายยังมีกลิ่นหอมของยากระจายอยู่ไม่จางหาย เขาสาวก้าวเดินไปรอบๆ ห้อง มาถึงมุมห้องด้านใน และสะดุดเข้ากับกระดาษที่ถูกทับไว้ใต้หมอนเผยให้เห็นเพียงมุมแผ่น จึงก้าวเข้าไปดึงออกมา
เมื่อสายตาตกบนกระดาษ มุมปากยกขึ้นอย่างอดไม่ได้ ใบหน้างดงามองอาจมีความอ่อนโยนที่เห็นได้ยากปรากฏ
“ช่างเป็นสตรีที่กล้าคิดลามกแต่ไม่กล้าทำ”
บนกระดาษวาดรูปสองคนไว้แจ่มชัด นางที่แต่งกายเยี่ยงบุรุษ นิ้วชี้เชยคางเขาที่เปลือยกายขึ้น อีกมือหนึ่งแตะบนกล้ามหน้าท้องเขา สายตากลับมองมายังนอกกระดาษ แฝงนัยยั่วยุอย่างเหลือล้น
สายตาจับจ้องอักษรที่มีลูกศรชี้อยู่เหนือศีรษะสองคนตัวเล็กในรูป อดไม่ได้พึมพำเบาๆ “เจ้าตำหนักยมราชฝ่ายรับ? ภูตหมอฝ่ายรุก?
ผู้หญิงคนนี้กวนประสาทเสียจริง”
เขาตำหนิยิ้มๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำฮึกเหิม ในใจกลับหวังว่าจะพบนางได้ในเร็ววัน ความรู้สึกที่เรียกว่าคิดถึงผุดขึ้นในใจอย่างไม่อาจหักห้าม จิตใจว้าวุ่นอย่างไม่อาจถอนตัว…
ทว่าในใจกลับมีความรู้สึกหนึ่งผุดขึ้นมา เขาคิดว่านางหนีไปรอบนี้ เดาว่าคนที่ตนส่งไปก็คงไล่ตามไม่ทัน ถึงอย่างไรสาวน้อยผู้นั้นก็เจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอก เล่ห์เหลี่ยมพิลึกพิลั่น หากปล่อยนางหนีไป เกรงว่าจะตามกลับมาอีกก็ยากแล้ว
ถึงเวลานี้เขาเพิ่งนึกออก นอกจากรู้ว่านางเป็นภูตหมอ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่ชื่อแซ่ว่าอะไรก็ยังไม่รู้ หากพวกฮุยหลางตามตัวกลับมาไม่ได้ วันหลังอยากจะตามหาอีกก็เกรงว่าจะยิ่งยากขึ้น…
ไม่เป็นไปตามที่เจ้าตำหนักยมราชคาดหวังไว้ เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง ฮุยหลางพาคนกลับมา ฝืนใจรายงานว่า “นายท่าน ข้าน้อยตามหาตลอดทั้งคืน ยังไม่พบเบาะแสภูตหมอเลย เกรงว่า…จะหนีไปแล้วขอรับ”
แววตาเจ้าตำหนักยมราชขรึมลงเล็กน้อย คำตอบนี้อยู่ในการคาดเดา
“ให้คนของตำหนักยมราชคอยสังเกตการณ์ข่าวคราวด้านนอกเสียหน่อย หากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับภูตหมอให้รีบกลับมารายงาน”
“ขอรับ!” ฮุยหลางขานรับด้วยความเคารพ ก่อนจะลงไปสั่งการ
เจ้าตำหนักยมราชยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในสวน มองไปบนท้องฟ้า มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย พึมพำว่า “พวกเราต้องได้พบกันอีกแน่นอน”
และตอนนี้เอง เฟิ่งจิ่วที่ให้คนของตำหนักยมราชตามหาทั้งคืนแต่ไร้ผลกำลังเดินขึ้นเนินเขาทั้งใบหน้ามอมแมมคลุกฝุ่น เดินไปพลางมองป่าไม้ด้านหน้า หัวเราะร่าด้วยความตื่นเต้น “ฮ่าๆๆ! ในที่สุดเราก็ปีนออกมาได้!”
“อ๊ะ!”
เพิ่งสิ้นเสียงหัวเราะก็ก้าวเท้าเสียหลัก ตัวกลิ้งลงไปทันที
………………………………….