Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 320

№ 320 ชื่อเสียงนำภัย!

ได้ยินคำพูดนี้ มู่หรงอี้เซวียนครุ่นคิดเล็กน้อย มองเขาพลางพูดว่า “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าตอนนี้เสด็จพ่ออย่าเพิ่งไปจะดีกว่า”

“หืม? หมายความว่ายังไง?” มู่หรงป๋อมองเขาพร้อมเอ่ยถาม

“เสด็จพ่อลองคิดว่าตอนนี้แม่ทัพเฟิ่งกำลังอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน จวนตระกูลเฟิ่งคงไม่รับแขกแน่ หนำซ้ำพอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ตอนนี้ไม่เพียงพวกเขายังมีกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลทั้งหลายในเมืองที่ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของจวนตระกูลเฟิ่ง เสด็จพ่อส่งท่านหมอเข้าไปตรวจดูเพื่อแสดงถึงความเป็นห่วงแล้ว ด้วยเหตุนี้สถานการณ์ตอนนี้ลูกจึงคิดว่าเสด็จพ่อไม่ไปจะดีกว่าพะยะค่ะ”

“ความหมายของเจ้าคือ หากข้าไปอีกกลัวจะถูกคนสงสัยว่าจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารเฟิ่งเซียวรึ?” เขาเลิกคิ้วเบาๆ แววตาเฉียบคมจับจ้องบนร่างลูกชายคนนี้

มู่หรงอี้เซวียนหลุบตาลงเล็กน้อยไม่ตอบในทันที แต่ประสานมือเอ่ยว่า “ลูกแค่รู้สึกว่าเสด็จพ่อไม่เหมาะที่จะไปจวนตระกูลเฟิ่งยามนี้พะยะค่ะ”

ได้ยินเช่นนี้ มู่หรงป๋อไตร่ตรองเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่บนร่างเขาสักพักถึงจะเคลื่อนออก บอกว่า “ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ในเมื่อไม่ไปงั้นเจ้าก็เลือกสมุนไพรสองสามอย่างจากท้องพระคลังส่งไป ไม่แน่ว่าอาจจะมีประโยชน์กับพวกเขา”

“พะยะค่ะ” มู่หรงอี้เซวียนขานรับ มองเขามือไพล่หลังสาวก้าวเดินออกไป

เขามองร่างเสด็จพ่อที่ออกไปอย่างมีเลศนัย ในใจมีความกระวนกระวายอยู่บ้างเลือนราง ใบหน้าหล่อเหลาเผยท่าทีหนักใจ

แค่หวังว่าการคาดเดาของเขาจะผิดพลาด เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือเขาจริงๆ มิเช่นนั้นเกรงว่าผลที่ตามมาจะเลวร้ายเกินคาดคิด…

ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง ภายในจวนตระกูลเฟิ่ง

ที่เรือนเฟิ่งเซียวด้านในห้อง ผู้เฒ่ากับเฟิ่งจิ่วรวมถึงกวนสีหลิ่นสามคนกำลังนั่งล้อมวงอยู่ข้างโต๊ะพลางพูดถึงเรื่องที่เฟิ่งเซียวถูกโจมตี ผ่านการวิเคราะห์แยกออก ผลสุดท้ายที่ออกมาทำให้ผู้เฒ่ายากจะเชื่ออยู่บ้าง

“ไม่ คงไม่หรอก จะเป็นไปได้ยังไง? พวกเราอาจจะเดาผิดไป” ผู้เฒ่าไม่ยอมเชื่อเพราะคำตอบนั้นทำให้เขายากเกินไปที่จะยอมรับ

เฟิ่งจิ่วถอนใจเล็กน้อย กล่าวว่า “ด้วยกำลังของจวนตระกูลเฟิ่งเรา ทั่วแคว้นแสงสุริยันจะมีสักกี่คนที่กล้าเป็นศัตรูกับเรา หนำซ้ำยังเกิดเรื่องลอบสังหารเช่นนี้ขึ้นในเมืองอวิ๋นเยวี่ยที่เป็นถึงเมืองหลวง มันยากนักที่หลานจะไม่คิดสงสัย”

“อาจ อาจจะเป็นคนแคว้นอื่นที่ลอบสังหารพ่อหลาน อาจ อาจจะ…” เขายังพูดไม่จบก็ถูกเฟิ่งจิ่วขัดจังหวะ

“เจ้าค่ะ อาจมีความเป็นไปได้นี้อยู่ แต่ปีที่ผ่านมาพวกแคว้นระดับเก้าโดยรอบก็ไม่ได้มีสงครามกับแคว้นแสงสุริยันเรา ด้วยเหตุนี้ความเป็นไปได้ที่จะลงมือกับท่านพ่ออย่างกะทันหันจึงไม่มากนัก”

เสียงเธอชะงักเล็กน้อย บอกว่า “อีกอย่างหนึ่ง คนที่สามารถเข้าระเบียบการใช้ชีวิตผ่านมาของท่านพ่อได้อย่างแม่นยำและมีพลังทำให้เขาบาดเจ็บจนกลายเป็นเช่นนี้ ทั่วเมืองอวิ๋นเยวี่ยมีไม่กี่คนเชื่อว่าท่านปู่เองก็รู้ดี”

“แม้ในที่เกิดเหตุต่อสู้จะไม่เหลือเบาะแสอะไรที่มีประโยชน์ แต่คนที่สามารถเรียกยอดฝีมือเช่นนั้นมาได้ทีเดียวยี่สิบสามสิบคน นอกจากเจ้าครองแคว้นแสงสุริยันอย่างมู่หรงป๋อจะยังมีใครอีก? ท่านปู่อย่าลืม ตั้งแต่ในอดีตผู้ครองแผ่นดินล้วนเป็นคนช่างสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นกำลังของจวนเรายามนี้คุ้มค่าพอจะให้เขาหวั่นเกรงแน่นอน หากอยากจะทำให้กลุ่มอำนาจเราอ่อนแอลง จะไม่มีเจตนาร้ายได้อย่างไรเจ้าคะ?”

น้ำเสียงเธอเบาลงแต่กลับวิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลและตรงประเด็นในทุกประโยค

ผู้เฒ่าไม่พูดอะไรอยู่นาน แต่ฝ่ามือที่กำขึ้นเล็กน้อยสั่นอยู่เบาๆ ราวกับกำลังยับยั้งชั่งใจอะไรบางอย่างอยู่ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ถอนออกมา มองเฟิ่งจิ่วที่นั่งอยู่ตรงหน้าก่อนที่เสียงชราภาพจะเปล่งอย่างเหนื่อยหน่าย…

……………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!