Skip to content

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า 351

№ 351 ปลอมตัวออกจากเมือง!

ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง หลัวอวี่กำลังมองเฟิ่งจิ่วตรงหน้าที่ฝีเท้ากระฉับกระเฉงด้วยสีหน้าแสร้งมีความสุขในความขมขื่น “นายท่าน พวกเราแค่ออกมาข้างนอกเท่านั้นเอง ทำไมต้องแต่งตัวเหมือนขอทานด้วยขอรับ?”

เขาดึงๆ เสื้อผ้าชุดโทรมบนร่างที่มีรูตรงนั้นมีช่องตรงนี้ ไม่รู้ว่าไปคุ้ยมาจากกองผ้าขี้ริ้วของข้ารับใช้คนไหนในจวน แล้วลองดูเส้นผมที่ถูกทำให้ยุ่งเหยิงเสียจนเหมือนกับรังนก คนไม่รู้ยังคิดว่าเขาไม่สระผมมานานมาก!

ยังมีโครงหน้าคมคายน่าหลงใหลที่ถูกนายท่านทาด้วยขี้เถ้าเสียจนไม่อาจน่าเกลียดไปมากกว่านี้อีกแล้วจริงๆ ดูรองเท้าเขาไม่รู้ว่าเก็บมาจากไหน นิ้วเท้ายังขยับยื่นออกมารับลม

สารรูปเช่นนี้ยังน่าสงสารกว่าขอทานในเมืองอวิ๋นเยวี่ยเสียอีก

มองนายท่านตรงหน้าที่สวมเสื้อผ้าเก่าเช่นกันทว่าดีกว่าเขาเล็กน้อย ผมไม่ได้ยุ่งถึงเพียงนั้นแต่บนหน้าเองก็ทาขี้เถ้าสีดำไว้ เพียงดวงตาคู่นั้นกลับประกายวาววับดึงดูดความสนใจผู้คนเป็นที่สุด

เห็นฝีเท้านางว่องไวปากฮัมเพลงอยู่ตลอดเขาก็เบ้ปากอย่างอดไม่ได้ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่านายท่านจะชอบอะไรแบบนี้

ใครเล่าจะออกจากบ้านโดยไม่ทำให้ตัวเองสะอาดหมดจดงดงาม? มีเพียงนายท่านผู้แปลกประหลาดถึงจะทำตรงข้ามกัน

“แบบนี้สิถึงจะไม่สะดุดตาและไม่ก่อให้เกิดปัญหา” เธอหันกลับไปส่งยิ้มสดใสดวงตาโค้งขึ้นราวกับจันทร์เสี้ยว ทำให้คนเห็นรู้สึกดีในใจ แต่ท่าทางเช่นนี้พร้อมด้วยฟันสวยขาวสว่างมองยังไงก็ไม่เหมือนสิ่งที่ขอทานคนหนึ่งจะมี

เห็นเช่นนี้เขาก็ถอนหายใจ บอกว่า “นายท่านสง่างามไร้คนเทียบเทียม แต่งยังไงก็ไม่เหมือนขอทานเลยขอรับ”

“ใช่แล้ว ดังนั้นข้าเลยไม่แต่งแค่เปลี่ยนเสื้อผ้านิดหน่อย ไม่ได้อยากแต่งเป็นขอทานหรอกนะ!” เธอยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม เอ่ยว่า “เดินเร็วหน่อย! อย่าเสียเวลาอยู่ในมืองนี้นานเกินไป”

“ขอรับ” เขาขานรับอย่างทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะเร่งฝีเท้าตามนางไป

ทว่าหลังจากตามไปหนึ่งช่วงถนนเขากลับรู้สึกผิดปกติขึ้นมา

เห็นคนเบื้องหน้าเดินด้วยย่างก้าวสบายๆ ไม่แม้แต่จะหอบหายใจสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหยาดเหงื่อที่ไหลบนใบหน้า มองกลับมาที่เขา นี่ยังไม่ทันออกจากเมืองอวิ๋นเยวี่ยก็ไล่ตามเสียจนเหนื่อยหอบเหงื่อออกเต็มหลังแล้ว!

นางเดินยังไงกันแน่เนี่ย? เห็นอยู่ใกล้เพียงนี้ทำไมกลับตามไม่ทันตลอด?

“ฮู่! นายท่าน นายท่านรอข้าด้วยขอรับ!” เขายกมือขึ้นปาดเหงื่อพลางตะโกนเสียงเบา

เฟิ่งจิ่วตรงหน้าหยุดฝีเท้าลงหันกลับไปมอง เห็นเขาหายใจลำบากเล็กน้อย เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ทันควัน “เหนื่อยซะแล้ว? ดูเหมือนกำลังกายเจ้าก็ไม่เท่าไหร่นี่!”

ได้ยินคำพูดนี้หลัวอวี่ก็จ้องถลึงดวงตา เพียงอยากบอกว่า ไม่ใช่กำลังกายข้าไม่ดีแต่กำลังกายท่านมันประหลาดเกินไป!

แต่สุดท้ายหลังจากเขาหอบหายใจผ่อนคลายสองสามครั้งถึงจะเอ่ยว่า “นายท่าน เราไม่หารถม้าสักคันหรือขอรับ? ความเร็วเท่านี้เดินเมื่อไหร่จะถึง?”

จากที่นี่ไปป่าเก้าหมอบอย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณสามวัน หากใช้ขาสองข้างเดินไปจริงๆ เดาว่าจะยิ่งนาน รวมไปกลับก็เสียเวลาไม่น้อยเลยกระมัง?

ทว่าเฟิ่งจิ่วที่ได้ยินคำพูดนี้เพียงยกริมฝีปากยิ้มแล้วชำเลืองมองเขา “เจ้าสนใจแค่ตามข้ามาเถอะ” กล่าวจบก็เดินหน้าไปต่อ

ช่วยไม่ได้ หลัวอวี่ทำได้เพียงสาวก้าวเดินต่อไป ไม่รู้จริงๆ ว่านางมีแผนการอะไรกันแน่?

จนกระทั่งทั้งสองออกจากเมืองอวิ๋นเยวี่ย ในสถานที่ไร้ผู้คน เฟิ่งจิ่วพลิกฝ่ามือเรือลำเล็กที่งดงามประณีตก็ปรากฏขึ้น มือโยนไปขยายใหญ่อยู่เบื้องหน้าทั้งสอง หลัวอวี่ที่หอบตามมามองเสียจนดวงตาจ้องเขม็งพร้อมอุทานอย่างไร้เสียง…

…………………….

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!