№ 506 ตลาดมืดแคว้นมหาสันติ
ฮุยหลางกับอิ่งอีสั่งกับข้าวสองสามอย่าง หลังจากรอทั้งสองกินเสร็จพวกเขาก็จากไปอีกครั้ง ครั้งนี้เพราะเข้ามาชายแดนแคว้นมหาสันติแล้ว จึงหยิบเรือเหาะออกมาใช้ทันที
เฟิ่งจิ่วสะบัดแขนเสื้อเรือเหาะลำหรูหราก็ปรากฏ ในขณะที่ผู้คนส่งเสียงประหลาดใจพวกเขาขึ้นเรือไปตามๆ กัน เหล่าไป๋กับอสูรกลืนเมฆาตัวน้อยกระโจนขึ้นไปเองอย่างเคยชิน แล้วหาตำแหน่งที่นอนลง
“ดูสิ! เรือเหาะลำนั้นหรูหรานัก คนพวกนั้นมาจากตระกูลสูงศักดิ์จริงๆ มีเพียงคนจากตระกูลสูงศักดิ์ถึงจะสามารถซื้อเรือเหาะลำหรูหราเช่นนั้นได้!”
“ท่าทางคุณชายชุดแดงโดดเด่นเช่นนั้น ดูแล้วไม่ใช่คนตระกูลธรรมดา”
“จริงด้วย พวกเจ้าดูพวกเขาเหล่านั้นสิ แต่ละคนดูไม่น่ายุแหย่ โดยเฉพาะชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราคนนั้น ไอเย็นทั่วร่างน่าสะพรึงยิ่ง”
เห็นคนพวกนั้นนั่งเรือเหาะลำหรูหราจากไป เหล่าหญิงสาวเต็มไปด้วยความเศร้าใจ คนเช่นนั้นโดดเด่นยิ่งนัก ต่างจากพวกนางคนละโลกเลย…
เวลาครึ่งวันพวกเขาก็มาถึงเมืองที่ตั้งสมาคมนักปรุงยา ลงจากเรือเหาะตรงประตูเมือง แล้วเดินเท้าเข้าไป
อาจเพราะโดนผู้หญิงแทบชายแดนทำให้ตกใจ เฟิ่งจิ่วจึงไม่กล้านั่งบนหลังเหล่าไป๋และแสร้งทำเป็นดูดี เพียงส่งเหล่าไป๋ให้เหลิ่งหวาจูง ส่วนอสูรกลืนเมฆาก็เดินตามอยู่ข้างๆ อย่างเชื่องๆ รูปร่างกลมมนทั้งตัวขาวราวหิมะมักทำให้สายตาเหล่าสาวๆ และเด็กน้อยต่างมองตาม
เฟิ่งจิ่วเห็นว่าตอนนี้เย็นแล้ว ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง จึงบอกว่า “ตอนนี้ท้องฟ้าเย็นค่ำแล้ว พวกเราหาที่พักสักคืนดีกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยไปกัน!”
“อืม” หลิงโม่หานขานรับ ส่งสัญญาณว่าไม่มีความเห็น
นายท่านทั้งสองล้วนไม่มีความเห็น พวกเขาด้านหลังยิ่งไม่มีความเห็นอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงหาโรงเตี๊ยมที่ห่างจากสมาคมนักปรุงยาไม่ไกลนัก
หลังจากแบ่งห้องเรียบร้อย หลิงโม่หานคิดจะพานางออกไปเดินเล่นด้วยกัน ใครจะรู้ว่าเคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีการตอบรับ ฮุยหลางจึงเข้าไปบอกว่า “นายท่าน ข้าน้อยเห็นภูต…” เขามองไปรอบๆ น้ำเสียงชะงักลง แล้วกลืนคำว่าภูตหมอลงไป เอ่ยว่า “เห็นคุณชายจิ่วพาพวกเขาสองคนไปเดินเล่นขอรับ”
ไม่พูดยังดีกว่า พูดไปสีหน้าหลิงโม่หานก็มืดลงทันใด กวาดมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นค่อยหมุนตัวกลับห้องไป
ฮุยหลางลูบๆ จมูก มองอิ่งอีที่เฝ้าอยู่นอกประตูห้อง เอ่ยถามอย่างไร้เสียงว่า ‘ข้าพูดผิดอีกแล้วหรือ?’
อิ่งอีชำเลืองมองเขา แล้วละสายตาออกทันที
ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่อารมณ์ดียิ่งพาเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวามาเดินเล่นบนถนนใหญ่ พูดกับเหลิ่งหวาว่า “เป็นยังไง? ข้างนอกนี้คึกคักกว่าใช่หรือไม่?”
เหลิ่งหวาสองตาเปล่งประกายดุจอัญมณี ท่าทางร่าเริงยากจะปิดบัง “อืม ขอบคุณนายท่านมากที่พาข้าออกมาขอรับ” ก่อนหน้านี้สุขภาพเขาไม่ดีจึงไม่อาจออกไปเดินเล่นมากๆ ได้ ภายหลังติดตามนายท่าน ส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในจวน นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาสถานที่เช่นนี้ และพบเห็นความรุ่งเรืองของแคว้นใหญ่
“ภายหลังยังมีโอกาสอีก” เธอหัวเราะเบาๆ แววตามองวนไปบนถนนใหญ่อย่างไร้จุดหมาย ทว่าเธอเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเหมือนมีทางต้องไป
สองคนด้านหลังตามไปเงียบๆ โดยไม่ถามอะไรมาก กระทั่งเมื่อมาถึงสถานที่ที่ตรงประตูใหญ่แขวนอักษรสีทองตัวใหญ่เขียนว่าตลาดมืดฝีเท้าก็หยุดลง ยามนี้สองคนถึงจะรู้ว่าที่แท้นายท่านบอกว่าออกมาเดินเล่น คือจะมาตลาดมืด
“คุณชายท่านนี้ วันนี้พวกเราปิดตลาดแล้ว มีธุระอะไรค่อยมาพรุ่งนี้เถอะ” ยามเฝ้าประตูใหญ่ขวางทางเฟิ่งจิ่วไว้ เอ่ยอย่างเฉยชา
…………………