№ 584 ใครจะไปดี?
เขาพูดพลางหยิบของวิเศษหลายชิ้นออกมาจากในห้วงมิติ พร้อมทั้งแนะนำคุณสมบัติ แต่ของวิเศษมากมายสุดท้ายเฟิ่งจิ่วกลับถูกใจแค่อย่างเดียว เป็นพาหนะเหาะเหินที่ชื่อว่าวงล้อเหินฟ้า
“ชิ้นนี้แลกได้หรือไม่?” เธอถามพลางมองหัวหน้าตลาดมืด
“แลกได้ แลกได้แน่นอน” หัวหน้าตลาดมืดหัวเราะ ถามด้วยวาจาตั้งตารอ “ไม่ทราบว่าใต้เท้าภูตหมอจะแลกเปลี่ยนอย่างไร?”
ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วก็ยิ้ม เธอชำเลืองมองหัวหน้าตลาดมืดที่มีสีหน้าเฝ้ารอคอย บอกว่า “ท่านหัวหน้าคิดอย่างไรเล่า?” ยามนี้น้ำเสียงเธอเย็นลงเล็กน้อย สายตาที่เหลือบมองไปทางเขายังมีการกล่าวเตือนบางส่วน
เห็นเช่นนี้ หัวหน้าตลาดมืดยิ้มเจื่อน ปัดความคิดที่อยากจะรีดไถยาจากนางมาสักสองสามขวดไป
เมื่อครู่เขามีความคิดเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ คิดว่านางคงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องเช่นนี้ หากแลกเปลี่ยนวงล้อเหินฟ้ากับยาสองสามขวดได้ เช่นนั้นเขาก็ได้กำไรครั้งใหญ่ ถึงอย่างไรแม้วงล้อเหินฟ้านั้นก็เป็นพาหนะเหาะเหินที่ไม่เลว แต่ตนมีแค่ชิ้นเดียว เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่สู้นำออกมาแลกกับพวกยาสำหรับบรรลุขั้นยังดีกว่า
เขาได้รับข่าวว่าผู้เฒ่าเฟิ่งกลับมาไม่นานก็บรรลุกลายเป็นจักรพรรดินักรบแล้ว คนอื่นไม่รู้แต่เขารู้ ต้องเป็นฝีมือภูตหมอที่ใช้ยาช่วยให้บรรลุขั้นแน่
หากวรยุทธ์เขาบรรลุขั้นได้อีก ขอแค่พลังผ่านเกณฑ์ก็ย้ายไปที่อื่นได้แล้ว แม้ยามนี้ราชวงศ์เฟิ่งหวงไม่เหมือนแต่ก่อน แต่เขายังอยากทำงานในตลาดมืดของแคว้นระดับสูงพวกนั้น
มีเพียงสถานที่เช่นนั้น เรื่องและข้อมูลที่ได้สัมผัสถึงจะยิ่งมากขึ้น
“เรื่องนี้ว่ากันตามราคาท้องตลาด แลกกับยาบรรลุขั้นของภูตหมอหนึ่งขวดถึงจะได้”
เขาเอ่ยปาก สีหน้าเกรงใจอยู่บ้าง เห็นสายตานางจ้องเขาตลอด เหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม จึงพูดขึ้นทันควัน “อืม เช่นนี้แล้วกัน! ของวิเศษชิ้นนี้ภูตหมอเก็บไว้เถอะ เป็นเช่นนี้จริงๆ ก็ได้แล้ว”
ในใจเขาทอดถอนใจเบาๆ เดิมอยากรีดไถนางสักก้อนใหญ่ ใครจะรู้ว่าไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย
ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งจิ่วถึงจะหยิบยาออกมาหนึ่งขวด ขณะเดียวกันก็เก็บวัตถุเวทสองชิ้นมา บอกว่า “เช่นนี้ก่อนแล้วกัน! ที่เหลือยังต้องขอท่านหัวหน้าช่วยข้าคอยระวัง ข้าต้องไปก่อน” หลังจากพยักหน้า เธอก็พาเหลิ่งซวงออกจากห้องปีก
หลังออกจากตลาดมืด เธอนั่งรถม้ามุ่งไปยังพระราชวัง
บนท้องพระโรง เฟิ่งเซียวกำลังปรึกษาหารืออะไรบางอย่างกับคนอื่นๆ ได้ยินทหารอารักขาด้านนอกเข้ามารายงาน บอกว่าองค์หญิงกลับมาแล้ว จึงเงยหน้ามองไปโดยพลัน กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคน กระทั่งผ่านไปสักพักถึงจะเห็นลูกสาวเดินมาทางนี้ด้วยฝีเท้านวยนาด
“ท่านพ่อ” เธอขานเรียก ก่อนจะเดินเข้ามา สายตามองผ่านบนร่างเหล่าองครักษ์วัยกลางคน
“คุณหนูใหญ่” พวกเขาคารวะ กล่าวกับเฟิ่งเซียวว่า “ข้าน้อยขอตัวก่อน” พูดจบก็ถอยห่างออกไป
“เสี่ยวจิ่ว ข้ากำลังจะไปหาเจ้าเลย! มาสิ มานั่งตรงนี้ ข้าจะให้เจ้าดูกำหนดการช่วงนี้เสียหน่อย” เขากวักมือเรียกให้เธอเดินเข้าไป
เฟิ่งจิ่วเดินหน้ามานั่งลงข้างกายเขา
“สินสอดทั้งหมดเตรียมไว้พอประมาณแล้ว ข้าอยากถามว่าการส่งสินสอดให้ใครไปจะเหมาะสมที่สุด?” เรื่องนี้เดิมควรเป็นเรื่องที่คนเบื้องล่างต้องจัดการ แต่เฟิ่งจิ่วมีความคิดของตัวเองเสมอมา เขาคิดว่าเรื่องนี้ลองถามนางเสียหน่อยอาจจะดีกว่า
“เรื่องนี้หรือ!” แววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย คิดไปคิดมาก็เอ่ยยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้น ถึงเวลาข้าจะไปเป็นตัวแทนท่านปู่เองเจ้าค่ะ!”
………………………….