№ 611 เฟิ่งจิ่วคนนั้น
เสียงขานว่าองค์หญิงเสด็จทำให้ทุกคนในท้องพระโรงต่างพากันมองไป องค์หญิงราชวงศ์เฟิ่งหวงถือเป็นบุคคลในตำนาน ตอนแรกโดนสวมรอย ถูกทำร้ายจนเสียโฉมยังกลับมาอีกครั้งเพื่อทวงตัวตนคืนและรับช่วงต่อป้ายประจำตระกูลเฟิ่ง จากนั้นค่อยถอนหมั้นกับมู่หรงอี้เซวียน ยามที่จวนตระกูลเฟิ่งเกิดวิกฤติ นางยังประคับประคองจวนเพียงลำพัง ทำให้กลุ่มอำนาจแต่ละฝ่ายไม่มีใครกล้ามาโจมตี
ยามไปถูกตาต้องใจรัชทายาทแคว้นเหินเวหากลับยังกล้าปฏิเสธไปตรงๆ คนมาบังคับแต่งงานถึงหน้าประตูจวน นางแค่ลงมือก็ทำให้เหล่าทหารแคว้นเหินเวหาพ่ายแพ้ยับเยิน คร่าชีวิตนายพลได้เพียงชั่วอึดใจ และกล้าปล่อยให้เลือดผู้มาระรานสาดหน้าประตูจวน!
จากนั้นปลดมู่หรงป๋อผู้ครองแคว้นคนก่อนลง ผลักดันบิดาขึ้นรับตำแหน่ง เปลี่ยนชื่อแคว้นเป็นราชวงศ์เฟิ่งหวง ไปส่งสินสอดให้ปู่นางถึงตระกูลหลินแคว้นรุ่งเรืองระดับสาม แต่ละอย่างล้วนเทียบไม่ได้กับผู้หญิงทั่วไป
สำหรับองค์หญิงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง พวกเขาต่างสงสัยอยู่ลึกๆ ในใจ แทนที่จะบอกว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นการมาร่วมงานแต่งครั้งใหญ่ของจักรพรรดิหลวงแห่งราชวงศ์เฟิ่งหวง ไม่สู้บอกว่ามาพบหน้าองค์หญิงราชวงศ์เฟิ่งหวงยังดีกว่า
จะพาลูกชายที่พวกเขาคิดว่าโดดเด่นที่สุดมามีเพียงเจตนาเดียว คืออยากจะเห็นองค์หญิงราชวงศ์เฟิ่งหวงเสียหน่อย หลังจากรู้ภูมิหลังค่อยดูว่าจะคุยเรื่องแต่งงานสานสัมพันธ์ได้หรือไม่
ตอนนี้ราชวงศ์เฟิ่งหวงก่อตั้งขึ้น หากองค์หญิงคนนี้เก่งกาจจริงตามคำเล่าลือ พวกเขาก็หวังว่าจะสามารถจองตัวสาวน้อยผู้โดดเด่นคนนี้ไว้ให้โอรสของพวกเขาได้ ส่วนจะสำเร็จหรือไม่พวกเขาไม่กังวล เรื่องของคนหนุ่มสาวให้พวกเขาจัดการกันเอง ยังคงต้องลองแม้โอกาสจะเลือนราง แต่หากสำเร็จได้จริงเล่า?
แตกต่างจากเสด็จพ่อพวกเขา องค์ชายพวกนั้นที่โดนเฟิ่งจิ่วจัดการ หลังจากได้ยินว่าองค์หญิงเสด็จก็ไปยืนข้างๆ ตามสัญชาตญาณ คิดว่าตนเองยืนอยู่ยังค่อนข้างสะดุดตา ดังนั้นจึงพากันมานั่งลงด้านหลังเสด็จพ่อพวกตน
องค์ชายคนอื่นหลังจากสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของพวกเขาก็แปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเปลี่ยนความคิดและมองไปตรงประตู
เห็นแต่สาวน้อยชุดขาวเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าเนิบนาบ ข้างกายนางไม่มีคนติดตาม เดินเข้ามาด้วยฝีเท้าเบาหวิวอย่างไม่หยิ่งผยองไม่ถ่อมตัวและใจเย็น แวบแรกที่เห็นสาวน้อยคนนั้น องค์ชายวัยหนุ่มหลายคนรู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้าสว่างไสว
ความงามที่น่าตะลึงเช่นนั้นนับเป็นเรื่องหนึ่ง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกลิ่นอายสูงศักดิ์ที่สง่างามไร้คนเทียบเคียงบนร่างนาง กระโปรงขาวพลิ้วไหว เส้นผมสีหมึกสยายอยู่ด้านหลัง วางท่าสง่างามสบายๆ และงดงามไร้ที่ติ
พวกเขาเพียงเห็นว่าใบหน้างามเลิศนั้นดูเย็นชา ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางๆ ความลึกลับในดวงตาสดใสยิ่งยกระดับความงามของนางไปอีกขั้น
นั่นไม่ใช่ความงามที่อ่อนโยนนุ่มนวลเฉกเช่นหญิงทั่วไป ไม่ใช่ความงามที่เย็นเยียบดุจน้ำแข็ง และยิ่งไม่ใช่ความงามที่ร้อนแรงทรงเสน่ห์
กลางหว่างคิ้วนางมีรัศมีแพรวพราวราวแสงอาทิตย์แผ่กระจาย สีหน้าเจือความเฉื่อยชาไว้รางๆ กิริยาท่าทางมีความใจเย็นและมั่นใจสะท้อนออกมา นั่นเป็นความซุกซนรักอิสระจากในเนื้อแท้ แม้มีท่าทางเกียจคร้านของผู้หญิง ก็ยังมีความสบายๆ ขี้เล่นที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้ชาย ช่างทำให้คนเห็นแล้วตกตะลึง เนิ่นนานก็ไม่อาจลืมเลือน…
เฟิ่งจิ่วเดินเข้าท้องพระโรงด้วยฝีเท้าเนิบช้า สายตาเหลือบมองผ่านทุกคนในท้องพระโรงไปตามใจ เมื่อเห็นคนพวกนั้นที่นั่งก้มหัวเล็กน้อยและปิดหน้าปิดตาอยู่ด้านหลังเสด็จพ่อพวกตน ในดวงตาก็ฉายแววยิ้มเยาะ
คนพวกนี้ ไม่นึกเลยว่าจะมาถึงที่นี่ น่าสนใจจริงๆ
เมื่อมาถึงด้านในท้องพระโรง เธอคารวะไปทางบิดาตรงตำแหน่งผู้อาวุโสก่อน จากนั้นถึงจะคารวะไปทางผู้ครองแคว้นแต่ละท่านที่นั่งอยู่ เอ่ยยิ้มๆ ด้วยท่าทางไม่เร่งรีบว่า “ได้ยินตั้งนานแล้วว่าท่านผู้ครองแคว้นทั้งหลายมาเยือน ที่ผ่านมายังไม่เคยมาคารวะ หวังว่าท่านผู้ครองแคว้นทั้งหลายจะไม่ถือสาที่เสียมารยาท”
……………………………….